โชคชะตาที่ล่วงหล่น - ตอนที่ 12 ผลไม้ป่า
ไม่มีบริกรคนไหนกล้าละเลย พวกเขารีบนำผลไม้บรรจุลงถุงทันทีและส่งให้ลู่หยวนด้วยความเคารพ
“ผู้อำนวยการ ฉันจะเป็นคนส่งนายน้อยสามกลับเอง!” หยางมินพูดอย่างกระตือรือร้น
“เอาล่ะ งั้นดูแลความปลอดภัยของนายน้อยสามให้ดี” เจียงหนานชุนพยักหน้าและเห็นด้วย
เมื่อทุกคนออกมาจากโรงแรมปี่ลี่เจียงหนานชุนและคนอื่นๆก็บอกลาลู่หยวนก่อนและแยกย้ายกันขับรถออกไป
เหลือเพียงหยางหมินและลู่หยวน
มีบางอย่างเกี่ยวกับหยางหมินที่ลู่หยวนรู้สึกบีบคั้น
แน่นอนว่าเป็นเพราะรูปร่างของหยางหมินนั่นเร่าร้อนเกินไปและเธอก็สูงมาก เธอสูงพอๆกับลู่หยวน
ลู่หยวนสูง 180 เซนติเมตร
แต่หยางหมินสวมรองเท้าส้นสูงและโดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะดูสูงกว่าที่เป็นจริงดังนั้นหยางหมินไม่น่าสูงเท่าเขาแน่นอน
แต่ถึงอย่างไรก็น่าจะประมาณ 172 เซนติเมตร
ขายาวนี้ดูยั่วยวนจริงๆ
ในทางกลับกันหยางหมินให้ความรู้สึกเหมือนพี่สาวของเขา ความรู้สึกที่ดูเป็นผู้ใหญ่ทุกกิริยาของเธอบ่งบอกถึงประสบการณ์มากมาย
ทั้งหมดนี้สร้างความรู้สึกกดดันให้กับลู่หยวน
มันทำให้ลู่หยวนรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะมองเห็นสิ่งที่เขาคิดได้
“นายน้อยสาม โปรดขึ้นรถ”
หยางหมินเปิดประตูรถ
รถคนนี้ยี่ห้อ Mercedes-Benz G500 ซึ่งเป็นรถที่โดดเด่นมากในซีรีส์รถยนต์ Mercedes-Benz มีผู้หญิงไม่กี่คนที่จะขับรถประเภทนี้
พอได้ขึ้นมานั่งอยู่ในรถลู่หยวนก็ยังรู้สึกอายเล็กน้อยหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้นในลิฟต์
ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่อยู่ในห้องอาหารต่อหน้าเจียงหนานชุนทั้งคู่ก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในลิฟต์
ตอนนี้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพังมันยากที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องที่เกิดขึ้นในลิฟต์ เขาต้องทำให้ชัดเจนไม่อย่างนั้นหากหลีกเลี่ยงมันไปเรื่อยๆจะยิ่งทำให้รู้สึกน่าอายมากขึ้นอีก
ความคิดของลู่หยวนกำลังหมุนวนในขณะนี้เพียงแค่คิดว่าจะเริ่มต้นพูดถึงเรื่องนี้ยังไงดี
“ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษด้วยค่ะนายน้อย ที่วันนี้ฉันมาสาย” จู่ๆหยางหมินก็พูดขึ้น
“มะ…ไม่เป็นไร”
ลู่หยวนพูดโดยไม่รู้ตัว แต่หัวใจของเขาเต้นรัวทำไมหยางหมินถึงมาสายทั้งสองคนรู้ดี
หยางหมินหยุดพูดและภายในรถก็เริ่มเงียบอีกครั้ง
“อาใช่ นายน้อยสามฉันมีเรื่องจะเล่าให้ท่านฟัง ตอนที่ฉันอยู่ข้างอ่างล้างหน้าในห้องน้ำและกำลังเอากระดาษทิชชู่เช็ดหน้าอก จู่ๆก็มีป้าคนหนึ่งถามฉันว่าทำไมมีเลือดเปื้อนที่หน้าอก ให้เขาโทรแจ้งตำรวจให้ไหมเผื่อฉันถูกคนอื่นทำร้ายมาฮ่าฮ่า ท่านคิดว่ามันตลกไหม…” หลังจากพูดจบหยางหมันก็แอบดูลู่หยวน
ทันใดนั้นใบหน้าของลู่หยวนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง
เลือดที่หน้าอกของหยางหมินก็คือเลือดกำเดาของเขาเอง!
เธอพยายามเล่าเรื่องนี้เพื่อบอกใบ้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลิฟต์
“ฉันขอโทษหยางหมินที่ฉันแอบมองคุณในลิฟต์ เลือดของฉันเปื้อนหน้าอกของคุณนั่นก็เป็นความผิดของฉัน ฉันขอโทษโปรดยกโทษให้ฉันด้วย!” ลู่หยวนพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ทำไมนายน้อยถึงบอกขอโทษ ทั้งๆที่ฉันตบนายน้อยด้วยซ้ำ เป็นเกียรติของฉันด้วยซ้ำที่นายน้อยแอบมองฉัน แล้วนายน้อยสามคิดว่าส่วนไหนของร่างกายฉันดูดี ? “
หยางหมินดูเหมือนจะมีความสุขในเวลานี้ดวงตาของเธอมองไปที่ลู่หยวนอย่างมีเสน่ห์
“……”
ลู่หยวนคิดว่าหยางหมินคนนี้เป็นผู้หญิงที่ดูดีอย่างมากเธอมีหน้าอกสะโพกและใบหน้าที่ดีทุกอย่าง
“ลืมไปเถอะ ฉันจะไม่แกล้งท่านแล้ว” หยางหมินยิ้มเล็กน้อยและเริ่มมีสมาธิในการขับรถ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงรถก็มาถึงหน้าทางเข้ามหาลัย
“ฉันจะลงตรงนี้”
ลู่หยวนไม่ยอมให้หยางหมินขับรถเข้าไปส่งภายในมหาลัยเพราะว่ารถยี่ห้อ Mercedes-Benz G500 นั้นยังคงเป็นที่นิยมอย่างมากในมหาวิทยาลัย เขาไม่ต้องการเป็นที่สนใจ
หยางหมินไม่ได้ขับเขาไปส่งข้างใน แต่คอยเฝ้าดูจนลูหยวนหายเข้าไปในประตูรั้วมหาลัย
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยางหมินและเธอก็พึมพำกับตัวเอง “ฉันไม่ได้คาดหวังว่านายน้อยคนที่สามจะบริสุทธิ์และเขี้อายขนาดนี้ ช่างน่าสนใจจริงๆ ฉันชอบเขามาก แต่น่าเสียดายที่ตัวตนของฉันไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เฮ้อออ”
ในขณะที่ลู่หยวนเดินเข้าประตูโรงเรียน ทันใดนั้นเขาก็เห็นรถจักรยานยนต์ขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงของเครื่องยนต์ดึงดูดความสนใจของนักศึกษา
คนขับคือหวังเหลยโดยมีฉินจิ่วเอ๋อร์นั่งอยู่ด้วย
หวังเหลยขับรถมอเตอร์ไซค์และฉินจิ่วเอ๋อร์นั่งที่เบาะหลังราวกับว่าเขาเป็นคู่รักกัน
สองคนนี้คบกันแล้วเหรอ
การพูดของหวังเหลยทำให้ตัวเองได้เครดิตไป
ฉินจิ่วเอ๋อร์จะอยู่กับเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณ?
อาจจะเป็นไปได้
ลู่หยวนยิ้ม แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉินจิ่วเอ๋อร์อยู่แล้ว
ลู่หยวนเดินตรงไปที่หอพัก ระหว่างทางไปเขาได้รับการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ ในฟีตข่าวระบุว่าอาจารย์จินหยงถึงแก่กรรมแล้ว หนังสือของอาจารย์จินหยงเป็นเหมือนความฝันของวัยรุ่นทุกๆคนที่อยากจะสัมผัสกับศิลปะการต่อสู้ ข่าวนี้ทำให้ลู่หยวนเสียใจจนไม่อาจจะบรรยายออกมาได้ ด้วยความคิดถึงลู่หยวนไปที่ห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือเรื่องมังกรสวรรค์และเรื่องอื่นๆของอาจารย์มาย้อนอดีตโลกศิลปะการต่อสู้ของอาจารย์จินหยงอีกครั้ง
เมื่อลู่หยวนเดินกลับมาถึงประตูหอพัก
เขาเห็นเฉินเฟิงจางฮุยซงชุนทั้งสามคนรีบออกมาจากหอพักอย่างรีบร้อน พร้อมนมและผลไม้ในมือ
“พี่ลู่!”
“พวกนายกำลังจะไปไหน?” ลู่หยวนถามอย่างงงงวย
“ลู่หยวนเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น มีบางอย่างเกิดขึ้นกับจิ่วเอ๋อร์!” เฉินเฟิงพูดอย่างกังวล “หมินหมินโทรหาฉันเมื่อกี้บอกว่าจิ่วเอ๋อร์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาล!”
“ห๊ะ!”
ลู่หยวนตกตะลึง ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเจอฉินจิ่วเอ๋อร์ที่หน้าโรงเรียนเอง ทันใดนั้นเขาก็เอามือโขกหัวตัวเอง อ๊ะ!ใช่แล้วมีมอเตอร์ไซค์ขับตามไปอย่างเร็วมาก
“แม้ว่าฉินจิ่วเอ๋อร์จะนิสัยไม่ค่อยดี แต่ท้ายที่สุดแล้วที่นี่เป็นหอพักของพวกเราและมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นดังนั้นเราจึงต้องหาซื้อของไปเยี่ยมเธอเธอ” จางฮุยกล่าว
“ก็นะลู่หยวน แม้ว่าจิ่วเอ๋อร์จะปฏิบัติต่อนายไม่ดี แต่ฉันก็รู้จักเธอมานานแล้วจริงๆแล้วเธอดูเหมือนจะไม่ใช่คนแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงปฏิบัติอย่างนี้แค่กับนายเท่านั้น นายรอพวกเราอยู่ที่หอพักก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปกับเรา” เฉินเฟิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดออกมาแน่นอนว่าเขาอดไม่ได้ที่จะไปเยี่ยมฉินจิ่วเอ๋อร์ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่อยากให้ลู่หยวนลำบากใจ
“ไม่ ฉันจะไปด้วย”
แม้ว่าฉินจิ่วเอ๋อร์จะดูถูกเขาและพูดกับเขาอย่างเย็นชา แต่ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลเพราะประสบอุบัติเหตุ ลู่หยวนคิดว่าเขาไปเยี่ยมเธอจะดีกว่า
ไม่มีเวลากลับไปห้องพัก เขาจึงไปฝากหนังสือไว้ที่ผู้จัดการอาคาร
ในเวลาเร่งรีบแบบนี้คงหาซื้อของเยี่ยมไม่ทัน แต่บังเอิญว่าเขามีผลไม้ของโรงแรมปี่ลี่ติดมือมาด้วย ตอนแรกเขาจะเอากลับมาให้เพื่อนๆชิม งั้นก็ใช้นี่เป็นของเยี่ยมแทนละกัน!
พวกเขาขึ้นแท็กซี่และไปโรงพยาบาล
ในหอผู้ป่วย ฉินจิ่วเอ๋อร์ถูกพันศีรษะด้วยผ้าก๊อซและนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล
เหอหมินและคนอื่นๆมาถึงก่อนแล้ว เหอหมินกำลังปลอกแอปเปิ้ลอยู่ข้างเตียงให้ฉินจิ่วเอ๋อร์กิน
นอกจากนี้ยังมีเพื่อนคนอื่นๆของฉินจิ่วเอ๋อร์ด้วยอีกสองสามคน
โต๊ะเต็มไปด้วยของขวัญที่เพื่อนๆเหล่านี้นำมาให้
พวกเขาทั้งหมดอยู่ในระดับไฮเอนด์ อย่างไรก็ตามฉินจิ่วเอ๋อร์และกลุ่มคนเหล่านี้ถือว่าร่ำรวยมาก
เธอพักอยู่ในห้องผู้ป่วยดีลักซ์ ข้างในห้องตกแต่งด้วยบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามดูมีคุณภาพมาก
เฉินเฟิงและคนอื่นๆหยิบผลไม้และนมที่นำมาใส่ไว้ในตู้เย็น
“ฉินจิ่วเอ๋อร์ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้ซื้ออะไรมาเลย ดังนั้นฉันจึงนำผลไม้พวกนี้มาด้วย” ลู่หยวนนำผลไม้ที่ห่อกลับมาจากปี่ลี่โฮเทลวางไว้รวมกับกองของฝาก
“คุณเอาสิ่งนี้มาเยี่ยมเหรอ?” เพื่อนของฉินจิ่วเอ๋อชี้ไปที่ลู่หยวนที่ถือถุงพลาสติกใบเล็กแล้วพูดด้วยเสียงเยาะเย้ย
เมื่อเธอพูดอย่างนั้นทุกคนในวอร์ดก็พุ่งเป้าไปที่ลู่หยวนและถุงใบเล็กทันที
“ฉันมีของขวัญที่คนอื่นเอามาให้มากพอแล้ว นายเอาถุงสกปรกนั่นออกไปเถอะ!”
“ฉันว่าทิ้งไปเลยดีกว่า”
“ใส่ถุงพลาสติกมาเนี่ยนะ ไม่ละอายใจบ้างเหรอ?”
“ขอโทษ!”
เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยของคนเหล่านี้ลู่หยวนก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ในตอนแรกที่ขอให้พนักงานเสิร์ฟห่อผลไม้กลับให้นั้นพวกเขาใช้ถุงของขวัญสุดหรูที่มีโลโก้ปี่ลีโฮเทล แต่ว่าลู่หยวนเห็นว่ามันสิ้นเปลือง เขาจึงขอให้พนักงานเสิร์ฟใช้ถุงพลาสติกแทนในการบรรจุผลไม้
ผลไม้ในถุงนั้นมีไม่มากนักขนาดเท่าฝ่ามือถูกใส่อยู่ในถุงพลาสติก
แต่ไม่ว่ายังไงแม้ว่าเขาจะมาเยี่ยมมือเปล่าเขาก็ไม่ควรถูกหัวเราะเยาะ
“ใครที่หิวก็มาสามารถกินได้นะ เขาอุตส่าห์เอาของฝากดีๆมาให้” ฉินจิ่วเอ๋อร์ยังคงมองไปที่ลู่หยวนอย่างดูถูก
“ฉันจะดูว่าเขาเอาอะไรมา”
เมื่อพูดอย่างนั้นหญิงสาวที่มีท่าทางล้อเล่นก็เปิดถุงพลาสติกที่ลู่หยวนนำมา
“นี่คืออะไร?”
หญิงสาวบีบผลไม้ด้วยสองนิ้วเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูด
เมื่อมองไปที่การแสดงออกของเธอดูเหมือนว่าสิ่งที่ถูกบีบไม่ใช่ผลไม้ แต่เป็นเหมือนแมลงที่ถูกบีบและมีความรู้สึกรังเกียจบนใบหน้าของเธอ
แต่ความจริงแล้วผลไม้ชนิดนี้มีความสวยงามมาก
มีสีบานเย็นขนาดประมาณลูกแก้วแวววาวเหมือนผลไม้เล็ก ๆ
“มันคงไม่ใช่ผลไม้ป่าที่เก็บมาจากภูเขาใช่ไหม?”
ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้น
“อาจจะเป็นไปได้ เขาอาจจะยากจนถึงขั้นไม่มีอะไรจะกินเลยขึ้นไปเก็บผลไม้ป่าจากภูเขาเพื่อบรรเทาความหิวก็ได้ ฮ่าฮ่า” มีคนหัวเราะเยาะพร้อมกับปิดปาก
ด้านหลังมหาวิทยาลัยจินหลิงเป็นภูเขา บนภูเขามีผลไม้ป่ามากมาย
“แน่นอน! ฉันไม่มีเงินที่จะซื้อของฝากจึงขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บผลไม้! อย่างน้อยก็มีอะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง” บางคนล้อเลียน
“ผลไม้ที่อยู่บนภูเขามันจะกินได้จริงเหรอ? มันจะมีพิษหรือเปล่า!”
“อืม ถึงมันจะน่าตาพอดูได้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่กล้ากินมันอยู่ดี!”
“คนแบบนี้ก็มี รู้ว่าจิ่วเอ๋อร์บาดเจ็บ แต่ก็ยังกล้าเอาอะไรก็ไม่รู้มาให้เธอกิน ถ้ามันมีพิษใครจะรับผิดชอบ?!”
กลุ่มเพื่อนของฉินจิ่วเอ๋อร์พากันดูถูกลู่หยวน
คนพวกนี้เคยพบลู่หยวนแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ฉินจิ่วเอ๋อร์ชวนพวกเขาไปทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารไป่เชิ่งหยวน
เมื่อทุกคนเห็นทัศนคติของฉินจิ่วเอ๋อร์ที่ดูถูกที่มีต่อลู่หยวนในตอนนั้น พวกเขาจึงพากันดูถูกลู่หยวนด้วย
แม้ว่ากู่นาและเฉินหมานจะไม่รู้สึกอะไรกับลู่หยวน แต่ท้ายที่สุดพวกเธอก็ยังคิดว่าลู่หยวนนั้นเป็นเพียงแค่คนจนเท่านั้น แต่เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขากับเฉินเฟิงทำให้พวกเขาไม่แสดงมันออกมา
แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าลู่หยวนนั้นไร้ประโยชน์จริงๆ ทั้งที่บอกว่ามาเยี่ยมคนอื่น แต่ยังไม่สามารถหาของขวัญดีๆ มาด้วยได้
“โยนมันทิ้งไปเถอะ!”
ทันใดนั้นฉินจิ่วเอ๋อร์ก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา