โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง - ตอนที่ 147 เขายังเป็นนักเรียน
อันหรันสีหน้าเปลี่ยนไป ประโยคเมื่อสักครู่ดูเหมือนว่ากำลังด่าใครสักคนอยู่
หมิหยาฮุ่ย เคร่งขรึม พูดด้วยอารมณ์โกรธว่า “หุบปาก!เธอจะรู้อะไร ได้แต่พูดมั่วๆ ”
พูดจบ เขาผละออกจากหวังเฉียน แล้วพูดกับอันหรัน ว่า “พี่อันหรัน พวกเราไปกันเถอะ!”
แต่ว่าเขาก็เดินออกมาไม่กี่ก้าว หวังเฉียนก็เดินมาจับไหล่ของหมิหยาฮุ่ย พูดด้วยเสียงแหลมบาดแก้วหูว่า “พี่ฮุ่ย เมื่อกี้ตะคอกใส่ฉัน คบกันกับพี่มาตั้งนาน พี่ก็ไม่เคยว่อกแว่กกับใคร แต่ทำไมกับผู้หญิงคนนี้เธอถึงได้หลงใหลมันได้ขนาดนี้!”
อันหรันถอนหายใจ ไม่คิดว่าการมานิทรรศการศิลปะ จะเกิดเรื่องทะเลาะราวกับหมากัดกันแบบนี้
เธอกำลังปริปากพูดสองสามคำ แต่พอเห็นเกาเกอะกับหวงเหมาเดินเข้ามาลากหวังเฉียนออกไป
หวังเฉียน ตะโกนออกมาอย่างไม่พึงพอใจ แต่เกาเกอะกับหวงเหมาก็จับเธอแน่ไม่ให้เธอขยับได้ แล้วนำเธอออกไปจ้นพ้นสายตาของทุกคน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า หมิหยาฮุ่ย เป็นคนสั่งแน่นอน
“ขอโทษด้วยครับพี่อันหรัน เมื่อสักครู่เธอน่าจะเข้าใจอะไรผิด” หมิหยาฮุ่ย พูดด้วยความรู้สึกผิด
อันหรันยิ้มและหัวเราะออกมา ทำให้หมิหยาฮุ่ย รู้สึกมึนงง เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในภวังค์อะไรบางอย่าง
“ไม่เป็นไรค่ะ วัยรุ่นก็มักจะเป็นแบบนี้ เธอคนนี้ทั้งสวย ลักษณะนิสัยใจคอดูเป็นคนตรงไปตรงมา ฉันคิดว่าเธอเหมาะสมกับคุณนะคะ……”
หมิหยาฮุ่ย เงียบไปสักพัก ก็เริ่มเอ่ยปากพูดสองสามประโยค แต่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ตรงประเด็นเท่าไหร่
ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ตัวเองชอบ ตอนนี้ยังจะมาบอกว่าตัวเองชอบคนอื่น
ถ้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมา พูดต่อไปก็เจ็บใจ
หมิหยาฮุ่ย ไม่ใช่เด็กน้อย เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้สติปัญญาตัดสินใจ ซึ่งส่วนใหญ่ความคิดบางอย่างของของเขามากจะหลบซ่อนอยู่ในใจเสมอ
วันนี้มีนิทรรศการศิลปะ มีการแสดงผลงานของมู่เหว่ย
มู่เหว่ย ลากฮั่วเทียนหลัน เพื่อมาเยี่ยมชมนิทรรศการ ฮั่วเทียนหลัน ทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าตารางงานเขาจะยุ่งแค่ไหน เขาก็ต้องทำตัวให้เหมือนกับว่างเพื่อที่จะมาที่นี่
เขาก็รีบๆมอง และซื้อผลงานศิลปะทั้งหมดของมู่เหว่ย
มูลค่าเท่าไหร่ช่างมัน แค่มู่เหว่ย ดีใจก็พอแล้ว
งานของฮั่วเทียนหลัน ยุ่งมาก ดังนั้นเมื่อซื้อเสร็จก็รับให้คนขับรถขับกลับบริษัท
แต่ว่าตรงที่จอดรถของนิทรรศการ ฮั่วเทียนหลัน ก็เห็นรถของคุณแม่
ถ้าดูแค่รุ่นรถอาจจะบอกได้ว่ามองผิด แต่เมื่อดูไปที่ทะเบียนรถก็ชัดเจนว่ามองไม่ผิด
เขาไม่สงสัยเลยว่าแม่จะมาทำไม เพราะรู้ดีว่านี่เป็นงานดิเรกของแม่ ซึ่งเธอมักจะมาที่แบบนี้เป็นประจำ
แต่ว่าผลงานทั้งหมดนั้น ล้วนถูกซื้อโดยฮั่วเทียนหลัน ไปหมดแล้ว
หรือว่า ที่จริงมันอาจจะทำให้แม่ได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของมู่เหว่ย มันอาจจะทำให้แม่เป็นทัศนคติที่มีต่อมู่เหว่ย
เมื่อเขาเดินออกมาที่ลานจอดรถ สายตาก็เพ่งมองไปยังกลุ่มคนด้านหน้า ในใจก็คิดว่าจะเจอแม่ของเขาหรือไม่
แต่เมื่อมองผ่านประตูด้านข้างของนิทรรศการ ก็เห็นคนคนหนึ่ง
วันนี้่อันหรันสวมกระโปรงจีบสีขาว เขากำลังยิ้มตาเป็นสระอิ ดูเหมือนคนที่กำลังมีความสุข
สิ่งนี้ทำให้ฮั่วเทียนหลัน สึกกขัดแย้งกับความรู้สึกที่มีต่ออันหรัน เขาขมวดคิ้วพร้อมกับครุ่นคิด ที่จริงแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักเหมือนกัน
แต่ผ่านไปเพียงวินาที ฮั่วเทียนหลัน ก็มองเห็นอีกคนยืนอยู่ข้างกายอันหรัน
“จอดรถ!” ฮั่วเทียนหลัน พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง ทำให้คนขับรถถึงกับตกใจ เท้าก็รีบแตะลงเบรกเพื่อจอดรถ
ฮั่วเทียนหลัน ไม่มีเหตุผลว่าเพราะอะไร ถึงต้องรีบเบรครถอย่างฉุกเฉิน เขาปรับกระจกรถลง แล้วมองอย่างพินิจพิจารณา
เขามองไม่ผิดจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นคือ อันหรัน
แต่คนข้างๆอันหรันนั้น ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เพราะฮั่วเทียนหลัน เห็นเขามาตั้งแต่เด็ก
หมิหยาฮุ่ย อันหรันไปรู้จักคบค้าสมาคมกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ฮั่วเทียนหลัน มองอย่างไม่ละสายตา แถมยังพูดไปยิ้มไป สีหน้าของเขาเริ่มจะบึ้งตึง
หมิหยาฮุ่ย ยังเป็นแค่นักเรียนอยู่เลย ผู้หญิงคนนี้ก็จะจับเขาแล้วเหรอ
ต้องให้หมิหงเหวิน รับรู้ให้ได้ ว่าเขาควรจะรับมืออย่างไง
ฮั่วเทียนหลัน ลงจากรถ รีบเดินมุ่งหน้าไปหาอันหรัน
อันหรัน ยังไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ เมื่อสักครู่เธอเพิ่งจะหาหัวหมู่กับหัวเสี่ยวน่า แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
ตอนนี้ลานเล็กๆแห่งนี้เต็มไปด้วยคนจำนวนมากเดินไปเดินมา ตอนนี้เธอตาลายไปหมด
เมื่อหลี่รูยารับสาย เขาก็บอกให้เธอยืนรอตรงนั้น เดี๋ยวพวกเขาจะไปหาเธอเอง
เมื่อสักครู่อันหรัน ก็บอกให้หมิหยาฮุ่ย กลับไปก่อน
แต่หมิหยาฮุ่ย ก็บอกว่า รออันหรันไปก่อนเขาถึงจะไป
เมื่อพูดอะไรไม่ได้ อันหรันก็เลยตามเลย
อันหรันยืนนิ่งอยู่เงียบๆ หมิหยาฮุ่ย ก็เลยเล่าเรื่องตลกๆที่โรงเรียนให้เธอฟัง
ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร จิตใจของอันหรันดูกระวนกระวายผิดปกติ เหมือนรู้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ผ่านไปสักพัก เธอรู้สึกว่าไม่ได้ยินเสียงของหมิหยาฮุ่ย
อันหรันกวาดสายตามองหาหมิหยาฮุ่ย ไปรอบๆ เมื่อพบเขาก็มีอาการตกใจ ใบหน้ารู้สึกชา สายตามองนิ่งไปข้างหน้า
สายตาที่มองมุ่งตรงไปทางนั้นของอันหรัน ทำให้รู้สึกเหมือนใจเต้นช้าลง
ผู้ชายคนนี้ เขามาทำไมกันนะ
ฮั่วเทียนหลัน มาพร้อมกับสีหน้าเคร่งขรึม ยืนอยู่ตรงหน้าของอันหรัน สายตาก็กวาดมองไปที่หมิหยาฮุ่ย จากนั้นก็ขยับสายตาไปมองที่อันหรัน
จะบอกอย่างไรดี เขาเองไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กน้อยที่น่ารัก รู้ภาษา อย่างหมิหยาฮุ่ย จะเป็นฝ่ายรุกเข้าหาอันหรัน ร้อยทั้งร้อยก็คงจะเป็นอันหรันแน่ๆที่เป็นฝ่ายรุกเข้าหา
หมิหยาฮุ่ย เหงื่อแตก เขาลังเล ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “พี่เทียนหลัน พี่……”
ฮั่วเทียนหลัน กล่าวตอบรับ อืม ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ซึ่งเมื่อก่อนทุกครั้งที่เขาพูดคุยกับพี่ชายคนนี้มากจะได้รับการตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แต่ครั้งนี้ช่างแตกต่างกันจริงๆ
ช่วงเวลานี้ หมิหยาฮุ่ย เหมือนกับคนที่แอบมาวอแวกับภรรยาคนอื่น แล้วถูกจับได้
อันหรันดูสงบมากขึ้น แล้วพูดเบาๆว่า “คุณฮั่ว คุณมาอย่างไงคะ”
“ฉันมาไม่ได้หรือไง ”ฮั่วเทียนหลัน ตอบทันทีที่อันหรันถามขึ้นมา น้ำเสียงที่ตอบมานั้นเหมือนจะกดอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่
ถ้าหากตัวเองไม่มา ก็คงไม่รู้ว่าอันหรันกับลูกพี่ลูกน้องของเขากำลังอยู่ด้วยกัน ซึ่งเธอก็อาจจะคิดว่าเธอจะทำอะไรก็ได้
ฮั่วเทียนหลัน มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นแม่กับน้องสาวตัวเอง
ในใจก็แสยะยิ้ม ผู้หญิงคนนี้คงจะสร้างปัญหา ที่ทำให้แม่และน้องสาวของเขาต้องเดินหายไป
“มาได้สิคะ มาได้แน่นอนค่ะ ได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้นก็มานะ สงสัยคุณฮั่วก็คงต้องการเอาอกเอาใจเธอมั้ง”
อันหรันก็ไม่รู้ตัวเองเช่นกันว่าอยู่ดีๆทำไมจึงรู้สึกโกรธ เพียงแค่เห็นผู้ชายคนนั้นพูดจาโดยใช้อารมณ์ ตัวเองก็กลั้นไว้ไม่อยู่เช่นกัน
ในใจของเธอ เมื่อเข็นว่าชายผู้นี้เดินมา ก็รู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่าง
เธอเพียงแค่เห็นการแนะนำผลงานศิลปะของมู่เหว่ย
ก็สันนิษฐานได้ว่าฮั่วเทียนหลัน ก็คงต้องมาร่วมงานนี้แน่
หนุ่มหล่อสองคน ซึ่งยืนล้อมหญิงสาวสวยอยู่นั้น ก็สร้างความสนใจให้ผู้คนโดยรอบ
“เธอดูสิ นั่นใช่เดือนโรงเรียนหรือเปล่า”
“เธอหมายถึงหมิหยาฮุ่ย เหรอ เหมือนจะใช่นะ แล้วผู้หญิงคนข้างๆเขาคือใครหน่ะ ดูสวยอ่อนโยน สวมชุดฮั่นด้วย สวยจัง!”
“จุ๊ๆๆ เบาหน่อยๆ เธอดูคนนั้นสิ ฉันเคยเห็นเขาในหนังสือพิมพ์ เขาเป็นคุณฮั่วของFahrenheit Group”
“คุณฮั่ว เหมือนฉันเคยเห็นเขาที่ไหนกันนะ เธอพูดมาแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ฉันก็ว่าฉันคุ้นๆนะ ใช่ผู้หญิงคนที่มีความสามารถคนนั้นที่ชื่ออันหรันหรือเปล่า หาคุณฮั่วกับอันหรัน พวกเขาเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่เหรอ ?”
“จริงป่ะเนี่ย ?พระเจ้า!ข่าวใหญ่เลย!ชายสองคนกำลังจะแย่งผู้หญิงกัน ?”
“เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วซะด้วย……”
อันหรันได้ยินเสียงซุบซิบรอบตัว ก็พยายามสงบสติอารมณ์
เรื่องแบบนี้ มีประสบการณ์มากมาย เธอรู้สึกด้านชาแล้ว
ระหว่างนั้นเอง หลี่รูยากับหัวเสี่ยวน่า ก็เดินฝ่าผู้คนเข้ามา แล้วก็พยายามมองหา
เมื่อพวกเธอเข้าไปอยู่ในวงล้อมของผู้คน หลี่รูยาก็พบว่าเป็นคนกันเองทั้งหมด
“อันหรัน เทียนหลัน พวกเธอทำไมถึงอยู่ที่ได้” หัวเสี่ยวน่า ขณะกำลังกวาดตามองไปรอบๆ หลี่รูยาก็เดินเข้ามาแล้วพบว่าเธอเจอกับอันหรันกับฮั่วเทียนหลัน
ส่วนหมิหยาฮุ่ย เธอก็พอคุ้นหน้า เหมือนเจอกันเมื่อหลายปีก่อน นึกไม่ออกว่าชื่ออะไร แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
อันหรันผงะเมื่อเห็นหลี่รูยา เะอรีบเดินไปข้างหน้า พร้อมกับแขนของหลี่รูยาแล้วพูดว่า “คุณแม่ หนูตามหาคุณแม่ตั้งนาน”
เมื่อสักครู่เธอรู้สึกหนาว แววตาที่เคร่งขรึมของฮั่วเทียนหลัน ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น แต่เมื่อเห็นหลี่รูยาก็ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอมีที่พึ่ง
หมิหยาฮุ่ย รู้สึกใจคอไม่ดี ก็รีบเรียก คุณป้า
ฮั่วเทียนหลัน มองเขาทั้งสองคน ก็รู้ว่าแม่มาแล้วก็คงจะทำไรไม่ได้ และกำลังจะยอมแพ้ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนขึ้นว่า “คุณคะ!”
ทุกคนต่างมองไปยังเสียงต้นทาง หมิหยาฮุ่ย ในใจรู้สึกตื่นเต้น เมื่อเห็นว่าเป็นชหวังเฉียน
หวังเฉียนเดินเข้ามา พร้อมพูดว่า“ฉันอยากจะถามหน่อยค่ะ ว่าผู้หญิงคนนี้ใช่ภรรยาของคุณหรือเปล่าคะ”
เมื่อสักครู่หวังเฉียนได้ยินจากปากของหวงเหมา จึงได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วอันหรันนั้นแต่งงานแล้ว
เพราะอย่างงี้ จึงทำให้เธอโกรธหนักกว่าเดิม
แต่งงานแล้ว ยังออกมามั่วไปทั่ว
ผู้หญิงคนนี้ดูมีจิตใจอ่อนโยน แววตาของหมิหยาฮุ่ย ทำให้หวังเฉียนดูออกว่าหมิหยาฮุ่ย กำลังหลงใหลผู้หญิงคนนี้อยู่
ฮั่วเทียนหลัน มองไปยังหวังเฉียน ไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้คิดหรือต้องการจะทำอะไร
หมิหยาฮุ่ย เข้าใจดี เขาจึงตะคอกกลับ“หวังเฉียน หุบปากเดี๋ยวนี้ อย่ากล่าวหาอะไรมั่วซั่ว!”
หวังเฉียนมองไปที่หมิหยาฮุ่ย ด้วยความประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่าเขาจะทำร้ายเธอ เธอมองไปด้วยสายตาโกรธเคืองไปที่อันหรัน แล้วพูดว่า “ภรรยาของคุณ เมื่อกี้……”
หวังเฉียน เพียงอ้าปากพูด หมิหยาฮุ่ย ก็ลุกรี้ลุกลน
เขารู้จักหวังเฉียนดี ถูกเลี้ยงมาด้วยครอบครัวที่ตามใจ ทำอะไรไม่คิดถึงผลที่เกิดขึ้น
เขาก้าวขาขึ้นมาสองสามก้าว เอามือปิดปากหวังเฉียน
หวังเฉียนพูดออกมา แต่ก็เสียงก็ไม่ได้เล็ดออกมาจากปากเธอ เธอใช้เล็บจิกลงแรงไปที่แขนของเขา จนเลือดค่อยๆไหลออกมา
หมิหยาฮุ่ย ทนความเจ็บปวดเอาไว้ ไม่ได้ปล่อยหวังเฉียน แล้วพูดกับพร้อมยิ้มให้ว่า“พี่เทียนหลัน พวกเราไปกันก่อนนะครับ เธอไม่มีอะไรจะพูดแล้วครับ”