โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 666 - สมบัติของเขมือบฟ้า
Ep.666 – สมบัติของเขมือบฟ้า
‘ดูเหมือนว่าความสามารถของเขมือบฟ้า* (ฟ้าในที่นี้คือท้องฟ้า , สรวงสวรรค์ มิใช่สีฟ้า) จะคล้ายกับพลังพิเศษดูดกลืนของฉัน แต่นี่พอเข้าใจได้ เพราะแก่นแท้ของอบิลิตี้มืด แท้จริงแล้วคือการกลืนกิน!’
อย่างไรก็ตาม แม้ความสามารถของเขมือบฟ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่มันไม่สามารถกลืนกินได้อย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่นสิ่งที่ใช้ทำอุปกรณ์รูนมิติ พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดออก และพบกับบางสิ่งที่ยังคงเปล่งประกายแสงสีเงินในน้ำทะเล
แต่ไม่นาน จิตวิญญาณของฉินเฟิงก็เริ่มบังเกิดความตื่นเต้น
นั่นเพราะท่ามกลางความมืดมิด ส่วนก้นทะเลภายในตัวเขมือบฟ้า ฉินเฟิงสามารถมองเห็นถึงก้อนสีเงินกองกระจัดกระจายอยู่เบื้องล่าง
และจำนวนของมัน มากจนน่าอัศจรรย์ใจ
มีอย่างน้อยก็เกินกว่าร้อยชิ้น!
อาศัยการควบคุมโดยปราณกำลังภาย พวกฉินเฟิงแหวกว่ายลงไปยังก้นทะเล จากนั้นพลังสมาธิก็กระทบเข้ากับศิลามิติอย่างรุนแรง
บรรดาประกายแสงสีเงินเริ่มลอยตัว ผลุบผ่านโล่ปราณกำลังภายใน มาถึงเบื้องหน้าฉินเฟิง
“อา! เจ้าพวกนี้ เจ้าพวกนี้มัน …” หยูหยางเต๋าตะลึง เขาไม่เคยเห็นศิลามิติมากมายถึงขนาดนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ศิลามิติเหล่านี้ล้วนเคยถูกขัดเงาจนวาววับ แสดงว่าข้างในต้องมีอะไรบางอย่างอยู่
“พวกนี้คงเป็นของที่ระลึกจากบรรดาผู้ใช้พลังที่ถูกเขมือบฟ้าสังหาร” ระหว่างกล่าว ดวงตาของฉินเฟิงอดเปล่งประกายออกมาไม่ได้
ผู้ใช้พลังที่ถูกสังหารโดยเขมือบฟ้า ทุกคนล้วนอยู่เหนือเลเวล C และในหมู่พวกเขา อาจมีแนวโน้มว่าจะมีผู้ใช้พลังเลเวล A รวมอยู่ด้วย
“ใช่ แต่น่าเสียดาย ที่สิ่งเหล่านี้ ต่อให้นายได้มันมาในครอบครองก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี!” หยูหยางเต๋ากล่าวเสียงหม่น ปัจจุบันชีวิตตนเองยังรับประกันไม่ได้ แล้วไอ้พวกสิ่งของนอกกายเหล่านี้ ยังจะต้องการมันไปอีกทำไม?
ฉินเฟิงพอได้ฟังก็ยิ้ม แต่ไม่ยอมอธิบาย เอ่ยปากออกมาแทนว่า “ในเมื่อมิสเตอร์หยูในไม่สนใจ ถ้างั้นผมจะขอรับมันไว้คนเดียว!”
“อันที่จริง แค่ฉันยังไม่ตายในทันที ก็รู้สึกขอบคุณน้องชายมากแล้ว เพราะงั้นไอ้เจ้าพวกนี้ ฉันคงไม่หน้าด้านขอส่วนแบ่งจากนาย!” หยูหยางเต๋ากล่าว
ฉินเฟิงยิ้ม ในใจขบคิด ‘อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!’
ฉินเฟิงหยิบกระเป๋าสะพายหลังออกมาจากอุปกรณ์รูนมิติของตัวเอง และยัดศิลามิติเหล่านี้ลงไป ทั้งหมดถูกเก็บไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นฉินเฟิงก็เริ่มแหวกว่ายไปตามก้นทะเล รวบรวมศิลามิติ ยัดแน่นจนเต็มกระเป๋า
ฉินเฟิงสะพายกระเป๋าไว้บนหลัง เห็นอยู่ชัดๆว่าเขาน่ะแข็งแกร่ง เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง หากแต่เวลานี้กลับบังเกิดความรู้สึกหนัก คล้ายจิตสำนึกของเขากำลังบ่งบอกว่าสิ่งเหล่านี้คือสมบัติที่มิอาจจินตนาการได้!
ใครจะรู้ ว่าวันเดือนปีที่ผ่านพ้น เขมือบฟ้าได้สังหารผู้คนไปมากมายเพียงใด
“น้องชาย โล่ปราณกำลังภายในของนายจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?”
หญูหยางเต๋าเฝ้ามองฉินเฟิงว่ายไปว่ายมาสักพักก็เอ่ยถาม เดิมทีเขาแค่รู้สึกว่าฉินเฟิงใฝ่ฝันจะเป็นมหาเศรษฐีก่อนตาย เลยไม่คิดห้ามปราม แต่นึกไม่ถึงว่าแม้แหวกว่ายไปๆมาๆกว่า 10 นาทีแล้ว แต่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิงกลับยังทานทน ไม่มีท่าทีอ่อนโทรมลงเลย
เรื่องนี้ทำให้หยูหยางเต๋าอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้จริงๆ
“อาศัยเจ้าสิ่งนี้ ผมขอรับรองว่าพวกเราจะไม่ตายอย่างน้อยก็สิบวันถึงครึ่งเดือน!” ฉินเฟิงตอบ
หยูหยางเต๋าตกใจ “น้องชาย ล้อกันเล่นแล้ว”
“ไม่นะ ทำไมผมต้องล้อเล่นเรื่องแบบนี้ด้วย?” ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็พบว่าภายใต้การตรวจสอบของพลังสมาธิ ไม่เหลือเงาของศิลามิติอีกต่อไป ฉินเฟิงแม้ยังไม่หนำใจ แต่ก็ยอมหยุดมือ หันมามุ่งประเด็นเอ่ยถามปัญหาที่สำคัญที่สุดแทน
“เจ้าสัตว์ร้ายจำพวกเขมือบฟ้า ไม่ทราบว่าตำแหน่งแกนกลางหรือแก่นอบิลิตี้อยู่ตรงไหน?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
หยูหยางเต๋าจ้องค้างมาที่เขา “นายถามแบบนี้ต้องการจะทำอะไร?”
ฉินเฟิงตอบอย่างไม่ยี่หระ “แน่นอน ก็จะฆ่ามันไง”
“นั่น … นั่นไม่มีทางเป็นไปได้!”
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จริงอยู่หากคิดโจมตีจากภายนอก พวกเราไม่ถือเป็นศัตรูของเขมือบฟ้า เพราะร่างกายของมันใหญ่โต ขุมกำลังแข็งกร้าว แต่ถ้าเราอยู่ข้างใน มันจะไม่สามารถใช้อำนาจทำร้ายพวกเราตรงๆได้ แบบนี้คงไม่มีปัญหา”
หยูหยางเต๋าตื่นตะลึงกับคำกล่าวนี้ของฉินเฟิง
ไม่นาน เขาก็ได้สติและตอบโต้กลับมา “นายมั่นใจได้ยังไงว่ามันจะไม่สามารถปลดปล่อยพลังใส่พวกเราข้างในได้? เขมือบฟ้าน่ะเป็นวาฬปีศาจทะเลลึกที่น่าหวาดกลัวมาก ร่างของมันมหึมา ทั้งยังครอบครองอบิลิตี้ธาตุมืดและธาตุน้ำ ตอนนี้พวกเราอยู่ในท้องของมัน ยังลอยคอในน้ำทะเลประทังชีวิตต่อไปได้ แต่ถ้าพวกเราทำมันเลือดตกยางออก พวกเราคงโดนมันฆ่าอย่างไม่ต้องสงสัย!”
เพียงเอ่ยปาก ทันใดนั้นจู่ๆตรงผิวน้ำทะเลเกิดการกระเพื่อมไหว ปรากฏสัตว์ร้ายน่าสะพรึงขนาดยาวกว่า 10 เมตรร่วงตกลงมา
หยูหยางเต๋าสั่นสะท้าน นั่นเพราะสัตว์ร้ายตนนี้ แท้จริงแล้วกลับกลายเป็นจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B อย่างกะทันหัน
ร่างของจักรพรรดิเลเวล B ถูกกัดจนขาดครึ่ง พอโดนกลืนลงมาถึงท้อง รูนมืดที่อยู่รอบๆก็เริ่มทำการย่อยสลายมันทันที ฉินเฟิงไม่เสียเวลาคิด ชักมีดกษัตริย์ครามออกมาอย่างรวดเร็ว ว่ายตรงเข้าไปชำแหละศพร่างจักรพรรดิเลเวล B เร่งเก็บรวบรวมมัน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือแก่นสัตว์ร้ายของมันไม่ได้รับความเสียหาย
หยูหยางเต๋าบังเกิดคำนิยามหนึ่งมอบให้แก่ฉินเฟิงทันที
‘เจ้าคนบ้าสมบัติ!’ หยูหยางเต๋าลอบด่าเขาในใจ
แต่ในตอนนั้นเอง บางทีอาจเป็นเพราะมีสัตว์ร้ายตัวใหญ่ถูกส่งเข้ามาในท้อง และเนื่องจากพวกเขาอยู่ในกระเพาะของมัน ตามผนังรอบด้าน จู่ๆก็ปรากฏของเหลวสีใสทะลักออกมา
ซี่ ..
ของเหลวไหลลงมารวมเข้ากับน้ำทะเล น้ำทะเลเริ่มถูกละลายอย่างรวดเร็ว ยังไม่พอ ภายในทะเล ที่แต่เดิมยังหลงเหลือเศษซากของเรือดำน้ำที่ยังไม่ถูกรูนมืดกัดกร่อน บัดนี้ยามเจอน้ำย่อย ล้วนถูกละลายจนหมดสิ้น
สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนกลับกลาย
ต้องทราบนะว่า ก่อนหน้านี้หากเป็นรูนมืด ฉินเฟิงยังทานทน มีวิธีรับมือกับมันได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว!
กรดในกระเพาะอาหารพวกนี้ เกรงว่านอกจากศิลามิติ ที่เหลือคงถูกย่อยไม่มีเหลือ กำลังภายในของฉินเฟิงถูกสูบไปใช้ป้องกันอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราเร็วระดับนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงสิบวันหรือครึ่งเดือน แค่หนึ่งชั่วโมงก็ถือว่าบุญถมแล้ว
“ตอนนี้ต่อให้พวกเราไม่อยากไป คงต้องไปแล้ว!”
ระหว่างกล่าว ฉินเฟิงเร่งนำตัวหยูหยางเต๋าออกสำรวจอย่างรวดเร็ว
ช่วงผนังกระเพาะของเขมือบฟ้า ยิ่งมายิ่งปล่อยน้ำย่อยเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ หากแต่ฉินเฟิงจำเป็นต้องเข้าไปใกล้มัน
“มีดเปลวเพลิง!”
มีดกษัตริย์ครามปะทุแสงสีม่วงดำ ตัดเข้าใส่ผนังกระเพาะทันที ฉินเฟิงพลิกข้อมือ แหวกเปิดผ่าเป็นรูใหญ่ แล้วลากหยูหยางเต๋าเข้าไป
รอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยเลือดเนื้อสีแดง หลังจากกระโดดเข้ามา พวกฉินเฟิงก็ไม่พบกับกรดน้ำย่อยอีกต่อไป
แต่แล้วในช่วงต่อมา ฉินเฟิงกับหยูหยางเต๋าสัมผัสได้ว่าฟ้าดินคล้ายกลับหัวกลับหาง พลิกหมุนไปมา ยังไม่พอ บังเกิดเสียงคำรามครั้งใหญ่ แทรกซึมผ่านเลือดน้ำมาจนถึงที่นี่
เมื่อครู่สมควรจะเป็นเสียงคำรามของเขมือบฟ้า
และถ้ามันเป็นแค่เสียงคำรามเฉยๆก็คงจะดี เพราะเสียงคำรามนี้ยังแฝงแรงกดดันอันหาที่เปรียบมิได้ตามเข้ามา
เขมือบฟ้าน่ะคือการดำรงอยู่ที่แทบจะไปถึงระดับสัตว์เทวะอยู่แล้ว ดังนั้นแรงกดดันนี้ เลยทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออก
ขมับของฉินเฟิงปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดเส้นเอ็น ขณะเดียวกัน ใบหน้าของหยูหยางเต๋ากลายเป็นซีดขาว สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“อดทนเข้าไว้!”
ฉินเฟิงคว้าคอเสื้อหยูหยางเต๋าด้วยมือเดียว มืออีกข้างกวัดแกว่งมีดกษัตริย์ครามไปอีกทาง เฉือนเข้าเนื้อของเขมือบฟ้าโดยตรง
“อ๊า!” หยูหยางเต๋าร้องโวยวาย แม้ก่อนหน้านี้เขาจะทำใจได้แล้ว แต่พอถึงเวลาเอาเข้าจริงๆ หยูหยางเต๋าก็กลัวความตายเช่นกัน
เขาที่กำลังตื่นตระหนก มองไปยังใบหน้ามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของฉินเฟิง จู่ๆก็บังเกิดความคิดขึ้นในใจตน
‘ฉันยังไม่อยากตาย! บางทีถ้าติดตามคนๆนี้ไป แล้วฝืนอดทนอีกหน่อย อาจรอดชีวิตจริงๆก็ได้’
ตัวตนทรงพลังอย่างเลเวล B ในตอนนี้กลับตั้งความหวังว่ากับเลเวล C ที่เพิ่งพบเจอกันเป็นครั้งแรก หากสาธยายเรื่องนี้ออกไป เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ!