โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 665 - คืนความสุข
Ep.665 – คืนความสุข
เมื่อไม่หลงเหลืออาหารอีกต่อไป คล้ายรู้สึกพึงพอใจกับฉากนี้ เขมือบฟ้าเริ่มจมหายลงไปในทะเลอีกครั้ง ความมืดรอบตัวติดตามมันกลับลงไปเช่นกัน สุดท้ายหายไปจากสายตา
สองเรือดำน้ำของฉินเฟิงกับหยูหยางเต๋าแม้สามารถรอดจากภัยพิบัตินี้ไปได้ ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับไม่มีใครรู้สึกยินดี
นั่นเพราะพวกเขาได้สูญเสียกัปตันเรือไปแล้ว!
เหอเจี๋ยเองก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรเช่นกันในตอนนี้
“จะทำอย่างไรดี .. ตอนนี้ผู้การฉิน … ผู้การฉินถูกเขมือบฟ้ากลืนไปแล้ว!” เหอเจี๋ยบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจ เธอทราบดีถึงสถานะของฉินเฟิง ทั้งยังรู้ว่าอีกฝ่ายมีพรสวรรค์มากขนาดไหน อีกทั้งชายคนนี้ ยังเป็นคนที่หม่าหลานเน้นย้ำเธอกับเธอเป็นพิเศษ แต่ในวันแรกของการเดินทางในท้องทะเลของเขา กลับถูกสังหารลงโดยสัตว์ร้ายแห่งทะเลนรกไปเสียอย่างนั้น
แล้วเธอจะกล้าส่งข่าวนี้ออกไปได้อย่างไร?
ช่วงเวลานี้ เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นบนเรือดำน้ำทั้งสองลำ
เหอเจี๋ยว้าวุ่นใจ แต่คนอื่นๆสับสนยิ่งกว่า อย่างไรก็ตาม ใช้เวลาไม่นานเหอเจี๋ยก็สงบลง นั่นเพราะจำเป็นต้องมีใครสักคนทำใจให้เย็นและเริ่มสั่งการ
ปัจจุบันพวกเธอยังอยู่ในอาณาเขตของทะเลนรก ดังนั้นหากคิดเอาชีวิตรอดต้องตั้งสติเอาไว้ให้มั่น
“เงียบ! แล้วออกเดินทางได้!” เหอเจี๋ยสั่งการด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
บนเรือดำน้ำ ผู้คนที่กำลังว้าวุ่น ทั้งหมดต่างเงียบลง
คนเหล่านี้เดิมไม่ใช่ผู้ใตับังคับบัญชาของฉินเฟิง ถึงฉินเฟิงจะแสดงความสามารถโดยการโค่นเลเวล B ถึงสองคนจนพวกเขาเคารพนับถือ หากแต่ยังไม่ถึงขั้นภักดีต่อฉินเฟิง
และประเด็นสำคัญที่สุดเลยก็คือ ต่อให้พวกเขาแลกด้วยชีวิต ก็ไม่สามารถช่วยเหลือฉินเฟิงจากสถานการณ์ตรงหน้าได้
มีเลเวล B มากมายถูกกลืนกินโดยเขมือบฟ้า กระทั่งเลเวล A ก็ไม่เว้น แต่ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ว่ามีคนที่สามารถรอดชีวิตกลับมาได้
ฉินเฟิงที่พวกเขาเปิดใจ บังเกิดความนับถือเลื่อมใส บัดนี้ได้ตายไปแล้ว
และเกรงว่าหากเรือดำน้ำกลับถึงฝั่ง และทอดสมอ ข่าวนี้คงสั่นสะท้านไปทั้งแผ่นดิน
…
ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงกับหยูหยางเต๋า หลังถูกสูบเข้าร่างของเขมือบฟ้า ก็โดนมันชักนำลงสู่ท้องทะเล
เนื่องจากร่างของเขมือบฟ้ามีขนาดใหญ่เกินไป ดังนั้นเมื่อน้ำทะเลไหลเข้ามา ฉินเฟิงจึงรู้สึกเหมือนกับว่าตนกำลังลอยคออยู่กลางทะเล รอบทิศทางมีแต่น้ำทะเล มองด้วยตาคล้ายกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม ไม่นานฉินเฟิงก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ร้าย
ดูเหมือนว่าเนื่องจากในตัวเขมือบฟ้าเต็มไปด้วยรูนมืดนับไม่ถ้วน ดังนั้นอำนาจดังกล่าวเลยกำลังกัดกร่อนโล่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิง
ท่ามกลางท้องทะเล ฉินเฟิงมองไปยังสีหน้าตื่นตระหนกของหยูหยางเต๋า
บนร่างของอีกฝ่ายถูกห่อหุ้มไปด้วยบอลสายลม หากแต่บอลนี้คล้ายกำลังอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ตามขอบนอกของมัน ถูกย้อมจนกลายเป็นสีดำไปแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ ขออีกแค่ไม่เกินสิบนาที บอลลมของหยูหยางเต๋าคงถูกทำลายลงอย่างแน่นอน
กำลังภายในของฉินเฟิงปะทุออกอีกครั้ง เขาขยับกายนิดๆหน่อย แหวกน้ำทะเลไปข้างๆหยูหยางเต๋า โล่ปราณกำลังภายในของเขาขยายกว้างเป็นสามเมตรทันที ช่วยห่อหุ้มหยูหยางเต๋าเอาไว้
จากนั้น ฉินเฟิงได้ปลดปล่อยอักษรรูนมืด แพร่กระจายมันออกไปภายนอกของโล่ปราณกำลังภายใน สร้างโล่อีกชั้นขึ้น
โล่นี้มีขนาดบางเบา หากถูกโจมตีโดยผู้ใช้พลังเลเวล B คงพังทลายในคราวเดียว แต่ในตอนนี้ มันมีส่วนช่วยกลบซ่อนกลิ่นอายของทั้งสอง ขณะเดียวกันก็ช่วยขัดขวางการกัดกร่อนจากรูนมืดของเขมือบฟ้า
นี่คล้ายเป็นทริคชนิดหนึ่ง เพื่อให้รูนมืดที่คอยโจมตีพวกเขารู้สึกว่าตรงนี้ไม่มีอะไร และเหมือนว่าจะหลอกรูนมืดรอบๆได้สำเร็จ เพราะพวกมันไม่บังเกิดความคิดเข้ากัดกร่อนพวกเขาอีกต่อไป
“ขอบคุณ! ขอบคุณจริงๆ!” หยูหยางเต๋าเมื่อเห็นว่าปลอดภัย อย่างน้อยก็ชั่วคราวค่อยรู้สึกผ่อนคลายลง แต่ใบหน้าของเขายังคงซีดเซียว ร่างกายก็อ่อนล้า
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ดูเหมือนว่าหยูหยางเต๋าจะติดเชื้อจากรูนมืด
เจ้าสิ่งนี้ ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหมดหวัง ยิ่งรู้สึกว่าคงเป็นไปไม่ได้หากจะหลบหนีออกจากที่นี่!
“อ่า ไม่เป็นไร” ฉินเฟิงกล่าว ช่วงเวลานี้เขาได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากแรงดันของทะเล หลังจากผ่านไปหลายนาที ทั้งสองก็เริ่มปรับตัวได้
ปรากฏความมืดมิดขึ้นรอบกาย หยูหยางเต๋ามองไม่เห็นอะไรเลย กระทั่งพลังสมาธิก็ยังถูกปิดกั้น สามารถรับรู้ได้อย่างมากแค่ระยะทาง 10 เมตรรอบตัวเท่านั้น
ตรงกันข้ามกลับฉินเฟิง ที่ยังคงผ่อนคลาย สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน รูนแห่งความมืดของที่นี่ปกคลุมหนาแน่นก็จริง แต่มันกลับกลายเป็นหูตาของเขา ยามอยู่ที่นี่ ฉินเฟิงไม่รู้สึกแตกต่างไปจากช่วงเวลากลางวันบนบก
“ฉันยังไม่รู้ชื่อนายเลย ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ เป็นฉันเองที่สร้างปัญหาให้แก่นาย” หยูหยางเต๋ากล่าว พร้อมกับแนะนำชื่อของตัวเอง
ฉินเฟิงเองก็เพิ่งทราบชื่อของหยูหยางเต๋าในเวลานี้ “ไม่ต้องมากพิธีหรอก ผมช่วยคุณก็เพราะพวกคุณเป็นสมาชิกพันธมิตรมนุษยชาติ ส่วนพวกคนร้ายของกลุ่มไห่โม่ ผมไม่เห็นมันอยู่ในสายตา ก็แค่รู้สึกคันไม้คันมือเลยจัดการพวกมันก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องในตอนนี้ ถือว่าเป็นอุบัติเหตุไม่คาดฝัน!”
หากจู่ๆฉินเฟิงเสนอหน้ามาในตอนแรก แล้วเอ่ยปากว่าจะช่วยผู้คน ทั้งหยูหยางเต๋าและคนกลุ่มไห่โม่คงหัวเราะจนฟันร่วง
ทว่ายามฉินเฟิงเอ่ยมันในตอนหลัง หลังจากที่เก็บเกี่ยวชีวิตเลเวล B กว่าสองคนด้วยน้ำมือตนเอง หยูหยางเต๋าเลยไม่รู้สึกแคลงใจใดๆกับคำกล่าวนี้
หยูหยางเต๋าไม่ทราบถึงสถานะของฉินเฟิง เนื่องจากเขาออกทะเลมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว และสัญญาณในทะเลก็อ่อนมาก บางครั้งก็ไม่มีคลื่นสัญญาณเลย แล้วเขาก็ไม่ใช่พวกมาคอยให้ความสนใจกับข่าวสารลูกรักของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตำนานของลุ่มน้ำตู่ซานหรือเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในเมืองลาวาเดือด หยูหยางเต๋าล้วนไม่ทราบทั้งสิ้น
ดังนั้นสำหรับหยูหยางเต๋า เขาเลยคิดไปว่าบางทีฉินเฟิงอาจเป็นอัจฉริยะจากรัฐอื่น ไม่ก็ลูกหลานของตระกูลลับ ถึงแม้เขาจะคาดเดาไปหลายทิศทาง แต่ก็ไม่คิดเอ่ยปากถามไป
เพราะใครจะรู้ … ว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?
ในเวลานั้นเอง ปรากฏแสงสีฟ้าของน้ำแข็งสะท้อนเข้ามาในสายตาของหยูหยางเต๋า เขาหรี่ตาเพ่งมองมันอย่างใจจดใจจ่อ พลังสมาธิกวาดไปยังทิศทางนั้น และทราบได้ทันทีว่าที่เขาเห็นคือสิ่งใด
“นั่นเฉินซา!”
หยูหยางเต๋าร้องอุทานออกมา อีกฝ่ายยังไม่ตาย!
แต่ดูก็รู้คงห่างจากความตายอีกไม่มากนัก
ฉินเฟิงขับเคลื่อนกำลังภายใน แหวกว่ายไปหาอีกฝ่าย สิ่งที่เขาเห็นก็คือ ร่างของเฉินซาลอยอยู่ในน้ำ อักษรรูนมืดกัดกร่อนรอบตัวเขา เหลืออักษรรูนน้ำแข็งเพียงน้อยนิดที่กำลังต้านทานการรุกล้ำของรูนมืดเหล่านี้
“ช่วยฉันด้วย!”
เฉินซาเมื่อเห็นฉินเฟิงกับหยูหยางเต๋า แสงแห่งความหวังที่แม้จะริบหรี่พลันปะทุขึ้นในดวงตา ดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมเลือนไปแล้ว ว่าก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างต่อสู้หมายปองชีวิตกัน ที่สำคัญก็คือ สถานะของพวกเขาโดยพื้นฐานอยู่คนละฝั่งกัน
“ช่วยแก? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! คนอย่างแกน่ะตายไปซะเถอะ!” หยูหยางเต๋าอดหัวเราะหยันไม่ได้ ต้องรู้นะว่า หากไม่ใช่เพราะเฉินซาลอบโจมตีเรือ พวกเขาคงไม่พบกับความโชคร้าย ถูกกลืนลงท้องของเขมือบฟ้าเช่นนี้
ใบหน้าของฉินเฟิงไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆ เอ่ยปากกล่าว “หยุดพูดไร้สาระกับเขาเถอะ คนแบบนี้ ให้เขาตายอย่างไม่เจ็บปวด ก็ถือเป็นการช่วยเขาแล้ว!”
สิ้นเสียง ฉินเฟิงยกมือข้างหนึ่งขึ้น อัดฉีดกำลังภายในลงไปในนิ้วหนึ่งและยิงมันออกไป
ฟุฟฟฟ!
กำลังภายในกระทบเข้ากับศีรษะของเฉินซา
เฉินซาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ดวงตาที่เบิกกว้างเริ่มไร้ประกายแห่งชีวิต ไม่นาน เมื่อปราศจากพลังสมาธิคอยต้านทาน น้ำแข็งรอบตัวเฉินซาก็สลายไปอย่างรวดเร็ว กายเนื้อถูกรูนมืดกัดกร่อน เผยให้เห็นถึงโครงกระดูก แต่เพียงไม่กี่อึดใจ กระทั่งกระดูกก็สลายไป
หยูหยางเต๋าตัวสั่นงันงก ความเกลียดชังในดวงตาของเขาจางหาย มันถูกแทนที่ด้วยความสิ้นหวัง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ตอนนี้เป็นเฉินซาที่จบชีวิตลง แต่คนต่อไปอาจเป็นเขา
ณ ปัจจุบัน มีเพียงฉินเฟิงที่ไม่คิดเช่นนั้น
เมื่อเฉินซาตาย พลังพิเศษดูดกลืนของเขาก็เริ่มหมุนวน ดูดซับพลังงานจากความตายของอีกฝ่าย เพราะข้างในท้องของเขมือบฟ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพลังสมาธิ
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงได้ค้นพบว่า หลังจากการตายของเฉินซา พลังสมาธิที่เขาสูบกลืนเข้ามา กลับน้อยกว่าปกติมาก