โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 645 - เผชิญหน้า
การต่อสู้ดำเนินไปไม่ถึง 5 นาที แซดก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอย่างขาดลอย
ต้นไม้เพลิงสูญสิ้นความสามารถในการต่อสู้ กิ่งก้านที่ส่ายไหวคลุ้มคลั่งค่อยๆห้อยตกลง ยอดพุ่มดกหนาหักคว่ำ ร่วงตกลงกับพื้น สะเก็ดเชื้อไฟที่ลุกไหม้บนมันค่อยๆดับแสงทีละดวง ทีละดวง
ต้นไม้เพลิงได้มอดดับ จบชีวิตลงไปแล้ว
เมื่อต้นไม้ตาย พลังงานมหาศาลจากมันกระจัดกระจายออกมา เมืองลอยฟ้าอยู่ไม่ไกล ฉินเฟิงพลอยได้รับอานิสงส์ ดูดซับพลังงานเหล่านั้นมาด้วย
พลังงานหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งทางกายภาพและพลังสมาธิของฉินเฟิง ค่อยๆถูกเติมเต็มเงื่อนไข
ภายใต้สถานการณ์นี้ ส่งเสริมให้ฉินเฟิงสามารถยกระดับไปอีกขั้น!
ก้าวขึ้นสู่เลเวล C7 !
ไม่คาดคิดเลยว่าจะสามารถยกระดับได้ในเวลานี้ ฉินเฟิงไม่อาจระงับกลิ่นอาย มันกวาดระลอกคลื่นแผ่ขยายออกไป ทุกคนบนเมืองลอยฟ้าหันขวับมามองฉินเฟิงด้วยความแปลกใจ แต่ที่มากยิ่งกว่า คือแรงกดดันที่แผ่ออกมาจนแทบโงหัวไม่ขึ้น
เพราะท้ายที่สุดแล้วกลิ่นอายของฉินเฟิงมันทรงพลังเกินไป!
โชคยังดีที่พอยกระดับ ฉินเฟิงก็เร่งควบคุมกลิ่นอายของเขาทันที เรียกพวกมันกลับคืน
แววตาที่คนอื่นๆมองเขาในเวลานี้ สะท้อนถึงความเทิดทูนบูชา
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมจู่ๆฉินเฟิงถึงยกระดับอย่างไม่มีเหตุผล ในความคิดของคนเหล่านี้ พวกเขาคาดว่าน่าจะเป็นเพราะฉินเฟิงได้รับชมชายลึกลับต่อสู้กับต้นไม้เพลิง ในใจเลยคล้ายได้รับการเรียนรู้บางอย่าง บังเกิดความกระจ่างแจ้งอย่างกะทันหัน
และสถานการณ์เช่นนี้มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่มีเพียงฉินเฟิงเท่านั้นที่รู้ ว่านี่เกิดจากพลังพิเศษดูดกลืน และพลังงานอันมหาศาลของต้นไม้เพลิง
ช่วงเวลานี้ เหนือต้นไม้เพลิง แซดจัดการควบคุมมังกรทมิฬ ใช้กรงเล็บอันแหลมคมฉีกลำต้นของต้นไม้เพลิง ภายในลำต้น ปรากฏบางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดใหญ่โต เป็นผลึกโปร่งแสงที่มีลาวาหนืดไหลเยิ้มออกมา
ไม่ต้องสงสัยเลย ว่านั่นคือแก่นอบิลิตี้ของอีกฝ่าย
หลังจากต้นไม้เพลิงจบชีวิต ลำต้นของมันลุกไหม้แผดเผา กิ่งก้านของต้นไม้ตกอยู่ภายใต้กองไฟ แปรสภาพเป็นสีดำสนิทอย่างรวดเร็ว ยามลมพัดโชย ก็กลายเป็นเถ้าลอยฟุ้งไปในอากาศ
อย่างไรก็ตาม บางกิ่งก้านของต้นไม้ ปรากฏให้เห็นถึงรังสีแสงสีแดงเพลิง มองไปคล้ายหยกโลหิตชิ้นหนึ่ง
แม้กิ่งก้านที่ปรากฏหยกโลหิตจะมีไม่มากนัก แต่เนื่องจากต้นไม้เพลิงมีขนาดใหญ่โต ดังนั้นหากมองรวมๆยังถือว่าเยอะพอควร แซดควบคุมมังกรทมิฬ บินวนรอบซากต้นไม้อีกซักพัก เก็บรวบรวมกิ่งไม้บางส่วน แต่จู่ๆก็หยุดลง
เห็นได้ชัดว่าอุปกรณ์รูนมิติที่แซดนำมา ไม่สามารถบรรจุวัตถุดิบได้เพียงพอ
ปัญหานี้ ต่อให้เป็นผู้ใช้พลังเลเวล S ก็ไม่สามารถแก้มันได้ แม้อุปกรณ์รูนมิติสามารถพกพาได้มากมายหลายชิ้น แต่ใครมันจะบ้าพกอุปกรณ์รูนมิติกองใหญ่ติดไว้กับตัว?
แต่สิ่งที่โชคดีก็คือ วัตถุดิบสำหรับการทดลอง แค่เท่าที่รวบรวมมาก็แทบจะเพียงพอแล้ว
จากนั้น หัวของมังกรทมิฬเริ่มหันเบนมายังเมืองลอยฟ้า
ฉินเฟิงเชื่อมต่อพลังสมาธิกับเมืองลอยฟ้าทันที ปัจจุบันตัวเขาคือเมืองลอยฟ้าอันยิ่งใหญ่ หากแต่ยามมังกรทมิฬมองสวนมา ยังให้ความรู้สึกถูกสะกดข่ม โดนกดดันอยู่หลายส่วน
เอี๊ยด …
ช่องว่างในเมืองลอยฟ้าถูกสั่งเปิดออก ปากกระบอกปืนผลุบตามมา ทุกกระบอกเล็งเป้าไปยังมังกรทมิฬ
ตราบใดที่ฉินเฟิงสั่งการโดยพลังสมาธิ ทุกกระบอกสามารถระดมยิงออกไปได้ในทันที
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเองก็ไม่กล้ารับประกัน ว่าการระดมยิงดังกล่าว จะสามารถกำราบความแข็งแกร่งของเลเวล S อย่างแซดได้หรือไม่!
ด้วยเหตุนี้ ฉินเฟิงจึงไม่เคลื่อนไหวผลีผลาม ช่วงเวลานี้ เขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
แซดเลิกคิ้ว พลังสมาธิที่เปรียบดั่งมหาสมุทร กวาดเป็นคลื่น โถมเข้าใส่เมืองลอยฟ้า ตรึงลงบนร่างของฉินเฟิง
หลังจากใช้พลังสมาธิตรวจสอบเมืองลอยฟ้า แซดที่อยู่ข้างในมังกรทมิฬ ก็เผยอยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมาย ไม่ทราบว่าเหมือนกันว่ามันกำลังสื่อถึงความเย้ยหยัน หรือว่าชื่นชม
แต่ที่แซดทำมีเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น ต่อมามังกรทมิฬก็หันหัวไปอีกทาง และบินจากไป
เฝ้ารอจนกระทั่งมังกรทมิฬตัวนี้หายลับสุดสายตา ร่างที่ตึงเครียดของฉินเฟิง ในที่สุดถึงค่อยคลายลง
ครั้งก่อนมีหูซานอยู่ด้วย ฉินเฟิงถึงสามารถรอดจากภัยพิบัติมาได้ แต่ครั้งนี้ไม่มีหูซาน ใครจะรู้ คนชั่วร้ายแบบแซด อาจกลับคำ ผิดสัญญาแล้วจับตัวเขาไปทดลองก็ได้
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงก็พอจะทราบเช่นกัน ว่าครั้งนี้ที่แซดจากไป มิใช่เพราะอำนาจทำลายของเมืองลอยฟ้า แต่เป็นเพราะแซดรักษาข้อตกลงต่างหาก
ถ้าให้สรุปโดยสังเขปแล้ว ผลลัพธ์ของเรื่องราวในครั้งนี้ สำหรับฉินเฟิงถือว่าออกมาค่อนข้างดี
“เฝ้าระวังต่อไป”
ฉินเฟิงออกคำสั่ง จากนั้นเขากับไป๋หลีได้กลับไปยังสนามรบ
ความตายของต้นไม้เพลิง ได้เปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ ที่จากเดิมเป็นป่าเขียวขจี แผดเผามันจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง
ลำต้นของมันยังคงลุกไหม้ ส่งผลให้ผู้ใช้พลังระดับต่ำไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหลือทิ้งเอาไว้นี้ กลับทำให้ฉินเฟิงรู้สึกหัวใจเต้นแรง
เพราะนั่นคือแกนกลางที่เหลืออยู่ของต้นไม้เพลิง ก่อนเกิดใหม่ ด้วยความเย้ายวนของเจ้าสิ่งนี้ ถึงขั้นสามารถล่อลวงให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างผู้ใช้พลังเลเวล B เป็นการตะลุมบอลที่นำมาซึ่งความเสียหายใหญ่หลวง
แซดปรากฏกายขึ้น สังหารต้นไม้เพลิง ทุกการกระทำเหมือนในชีวิตก่อน อีกฝ่ายไม่คิดเสียเวลามากความ อะไรที่นำกลับไปไม่ได้ก็ทิ้งไว้ ปล่อยให้คนอื่นกัดกัน แย่งชิงกันเอง
แต่ในชีวิตนี้ ฉินเฟิงกลับกลายเป็นผู้เดียวที่ได้รับผลประโยชน์จากของเหลือ จริงอยู่ว่าแซดเป็นคนสังหาร ดังนั้นเจ้าสิ่งนี้สมควรเป็นของแซด
แต่ในเมื่อแซดเหลือทิ้งมันเอาไว้ และฉินเฟิงเองก็มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากในการต่อสู้กับต้นไม้เพลิงก่อนหน้านี้ ดังนั้นการได้รับสินสงครามบางส่วนมา ถือเป็นเรื่องปกติ
“ไป๋หลี เก็บพวกมันมาให้หมด”
ฉินเฟิงสั่งการ
ไป๋หลีรับคำ ปฏิบัติตาม เร่งสร้างพื้นที่มิติอันไร้ที่สิ้นสุด แม้ต้นไม้เพลิงมีขนาดใหญ่มาก แต่ทั้งหมดกลับถูกไป๋หลีรวบเอาไว้ได้ในคราวเดียว!
นำซากต้นไม้จากไป เหลือทิ้งไว้เพียงขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาไหม้ไว้เบื้องหลัง ฉินเฟิงไม่คิดรั้งอยู่ต่อ สั่งการคนของเขาให้ล่าถอยออกจากที่นี่
เรือเหาะร่อนลงไปจอดในท่าเรือของเมืองลอยฟ้า จากนั้นเมืองลอยฟ้าขนาดใหญ่ก็เบนทิศทาง มุ่งหน้าไปยังอีกตำแหน่งหนึ่งใกล้กับเมืองลาวาเดือด
ผู้ใช้พลังเลเวล B ส่วนใหญ่ได้ถอนตัวออกจากเมืองลาวาเดือดแล้ว แต่บางคนก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ คอยรั้งอยู่เพื่อดูว่าต้นไม้เพลิงจะงอกกลับมาอีกครั้งหรือไม่ ส่วนพวกคนจากกองกำลังมืด ทั้งหมดถูกฉินเฟิงสังหารสิ้น แต่ก็ยังมีกองกำลังน้อยใหญ่ซ่อนตัวอยู่แถวนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเมืองลอยฟ้าปรากฏโฉม มันได้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายเป็นอย่างมาก
ด้วยขนาดชนิดมโหฬารถึงขั้นบดบังแสงอาทิตย์ ผู้คนที่ยังอยู่ในเมืองลาวาเดือด เฝ้ารอคอยข่าวสาร ทั้งหมดต่างแหงนหน้าขึ้นมอง
“สวรรค์ นั่นมันอะไรกัน?”
“เป็นเมืองล่ะ! เมืองกำลังลอยอยู่!”
“ข้างบนมีสลักว่าเฟิงหลี? อย่าบอกนะว่าเจ้าสิ่งนี้เองก็เป็นของกลุ่มเฟิงหลีด้วย?”
“นึกออกแล้ว! มันคือเมืองลอยฟ้าที่เคยสังหารราชาอัคคีชุ่ยเหลียน!”
สีหน้าของผู้ใช้พลังหลายคนแปรเปลี่ยนไป
เพราะนี่คือการดำรงอยู่ที่สามารถปลิดได้กระทั่งชีพของเลเวล A
สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกโล่งอกได้นิดหน่อยก็คือ เมืองลอยฟ้าแห่งนี้ไม่ได้ตรงมาหยุดเหนือน่านฟ้าของเมืองลาวาเดือด มันเพียงหยุดลงในจุดที่ต้นไม้เพลิงปรากฏขึ้นในตอนแรก
ฉากนี้ทำให้ผู้คนเกิดความฉงน ไม่ทราบว่าฉินเฟิงต้องการทำอะไร
อย่างไรก็ตาม ไม่นานภายในเมืองลาวาเดือดก็ได้มีเรือเหาะอีกสองลำบินออกไป จากนั้นพวกเขาก็ปล่อยคนลงท่ามกลางซากปรักหักพัง เริ่มดำเนินงานก่อสร้างอย่างรวดเร็ว
กำแพงเมืองถูกสร้างขึ้น
บ้านเรือนถูกสร้างขึ้น
จัตุรัสขนาดใหญ่ได้ถูกสร้างขึ้นในทำนองเดียวกัน
และเมื่อศิลามิติตกลง บางคนก็คล้ายได้คำตอบ ว่าฉินเฟิงต้องการทำอะไร
แท้จริงแล้ว ตัวเขากำลังสร้างตัวเชื่อมมิตินี่เอง!
ฉินเฟิงใช้เวลาไม่นาน ทุกสิ่งดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว ผ่านพ้นไปเพียงวันเดียว ทุกอย่างก็ถูกจัดสร้างเรียบร้อย
จากนั้น ภายใต้การจัดการของไป๋หลี ประตูมิติสูงกว่าสิบเมตรได้เปิดออก!
และดูเหมือนว่าภายในช่องว่างมิตินี้ กระทั่งคนทั่วไปก็สามารถสามารถรู้สึกได้ ถึงกลิ่นอายของเปลวเพลิงที่พวยพุ่งออกมาปะทะใบหน้า …