โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 637 - จะฆ่าฉัน? ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!
คนกลุ่มนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จักฉินเฟิง
ชุดที่ฉินเฟิงสวมใส่อยู่ในเวลานี้ เนื่องจากเอฟเฟคของรูบิควิเศษ ทำให้ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ถูกแปลงสภาพเป็นชุดธรรมดาที่ดูหรูหรา อย่างไรก็ตาม ในสายตาของคนอื่นๆ เมื่อไร้ประกายแสง นั่นหมายความว่ามิใช่อุปกรณ์รูนแต่อย่างใด อีกทั้งสองมือของฉินเฟิง หนึ่งติดตั้งปืนใหญ่ อีกหนึ่งติดตั้งปืนสลายอนุภาค ดังนั้นมองยังไงก็เป็นมือปืน
และบนหน้าอกเขา ยังติดแค่ตราสัญลักษณ์เลเวล C ขณะที่กลุ่มคนเบื้องหน้า ล้วนเป็นเลเวล C3 ขึ้นไปแทบทั้งสิ้น
“เจ้าหนู มาเดินเที่ยวที่นี่นานแล้วหรือ? แกคงเก็บสมบัติมาได้มากมายเลยสิท่า?”
หนึ่งในนั้นเอ่ยปาก พลางกวาดมองไปยังปืนสลายอนุภาคในมือฉินเฟิง เห็นได้ชัดว่ายังมีความหวั่นเกรงอยู่บ้าง
ฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ชำเลืองมองไปทางคนเหล่านั้น เมื่อเห็นว่าล้วนเป็นคนจากกองกำลังมืด เขาก็คร้านจะใส่ใจเสียเวลาพล่ามไร้สาระ
ฉินเเฟิงยกปืนใหญ่มือขึ้น เล็งไปทางอีกฝ่าย ลั่นไกทันใด
ตูม!
กระสุนน้ำแข็งสีฟ้าครามบินตรงออกไป
คนจากกองกำลังมืดไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงจะไร้มารยาทเช่นนี้ แค่พวกเขาเอ่ยปากพูดก็ยิงสวนทันที จึงอดไม่ได้ สบถด่าด้วยความโกรธ
“ไอ้เด็กเหลือขอ แกกล้า!?”
“คิดควงง้าวมังกรเขียวต่อหน้ากวนอู สงสัยอยากตา– อ๋า?”
ในบรรดาสมาชิกของกองกำลังมืด ไม่ได้มีแค่ผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล C4 แต่ยังมีมือปืนอีกสองคนในเลเวล C2 ดังนั้นหากอ้างอิงตามสถานการณ์ปกติ พลังสมาธิของพวกเขาสมควรสะกดข่มฉินเฟิงได้
ทว่ากระสุนปืนใหญ่ที่ยิงออกมา แม้ความเร็วจะไม่ได้มากมายอะไร แต่เมื่อพลังสมาธิของทั้งสามพยายามแทรกแซงเข้าไป มันกลับถูกกระสุนนี้ตีกลับออกมา
และช่างน่าสงสาร เนื่องจากกระสุนนี้ยิงจากระยะไกล ดังนั้นเมื่อใช้พลังสมาธิไม่ได้ ก็เลยไม่อาจหลบเลี่ยง!
–พลังสมาธิของคนเหล่านี้ เทียบไม่ได้เลยกับพลังสมาธิของฉินเฟิง!
“แม่งเอ๊ย! พวกแกมัวทำบ้าอะไร?” ผู้ใช้วรยุทธโบราณตระหนักว่าสหายผู้ใช้พลังสมาธิของพวกเขาต่างหน้าแดงก่ำ แต่กระสุนยังพุ่งตรงเข้ามาอยู่เลย ก็พลันตระหนักได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ร้องโวยวายทันใด
ไม่มัวเสียเวลาคิด ปลุกเร้าโล่ปราณกำลังภายในออกมาทันที และเป็นพริบตาเดียวกับที่กระสุนน้ำแข็งเข้าถึงตัว
ตูมมม!
เสียงระเบิดนี้หนักทึบยิ่งกว่ากระสุนปืนใหญ่ธรรมดา ตามมาติดๆด้วยอำนาจเยือกแข็งที่แผ่ขยาย แตกตัวออกไม่ต่างจากลูกเห็บ
กระสุนน้ำแข็งที่ฉินเฟิงนำมา ย่อมไม่เหมือนสินค้าที่วางขายกันตามท้องตลาด ก่อนหน้านี้ ที่เคยอธิบายแม้จะดูเหมือนมันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งที่ฉินเฟิงยิงออกไปเพียงนัดเดียว จะถึงขั้นสามารถดับแอ่งลาวาได้ ดังนั้นอำนาจของมันย่อมไม่เลวร้าย!
เปรี๊ยะ!
ฟู่วววว
บังเกิดเสียงลั่นสะท้อนออกมาอย่างต่อเนื่อง กลบกลืนเสียงสบถโวยวายของฝูงชน เปลี่ยนสภาพแวดล้อมโดยรอบกลายเป็นฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม กระสุนปืนใหญ่เยือกแข็งลูกนี้ เหมือนจะสามารถทำความเย็นได้มากกว่าฤดูหนาวเป็ฯร้อยเท่า
ในชั่วพริบตาเดียว ทั้งคนทั้งร่างของกลุ่มกองกำลังมืด ถูกแช่แข็งในเวลาเดียวกัน
โล่ปราณกำลังภายในถูกทำลายแตกเป็นเสี่ยงๆ ผู้ใช้อบิลิตี้มิอาจหลบเลี่ยง ร่างของมือปืนแข็งทื่อ แม้กระสุนปืนใหญ่จะแตกกระจายเป็นลูกเห็บเล็กๆนับไม่ถ้วน หากแต่พลังสมาธิยังคงแฝงอยู่ในมัน ฉะนั้นไม่มีทางถูกแทรกแซง
ฉินเฟิงไม่มัวเสียเวลา ครั้งนี้ยกปืนสลายอนุภาคขึ้นและ–
–ฮู้มมมม
บังเกิดประกายแสงจรัส รังสีแสงก่อร่างเป็นสามเหลี่ยมสามมุม ยิงกวาดออกไป
เพียงพริบตาเดียว ช่วงลำคอของคนเหล่านั้นได้หายวับไป อันที่จริงสมควรอธิบายว่ามันแหลกสลาย เมื่อไร้สิ่งคอยยึดเหนี่ยว ศีรษะของพวกเขาก็ร่วงกลิ้งลงกับพื้น
“ลงนนรกไปซะ!”
ฉินเฟิงตวาดเสียงเย็นชา เบื้องหน้าเขา ปรากฏซากศพศัตรูนับสิบ สมาชิกของเมืองลาวาเดือดที่กำลังสังเกตการณ์ผ่านวิดีโอ เมื่อเห็นฉากนี้ แม้จะไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์เบื้องหน้าฉินเฟิงได้อย่างชัดเจน แต่พวกเขารู้สึกได้ ว่าเทคโนโลโยที่ฉินเฟิงเพิ่งยิงออกไป มันร้ายกาจจนชวนให้พวกเขาตกตะลึง
ช่างเป็นอำนาจอันทรงพลัง ไม่มีทางเลยที่จะต้านทาน
จนพวกเขาเกิดจินตนาการขึ้นมาว่า นับจากนี้ไป จะเป็นยุครุ่งเรืองของมือปืนใช่หรือไม่? ฉินเฟิงถึงสามารถสังหารได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
“เฝ้าสังเกตการณ์ต่อไป อย่าวอกแวก ถ้าไม่ใช่เพราะพลังสมาธิของท่านประธาน กระสุนพวกนั้นคงถูกสะท้อนกลับมาแล้ว” วังเฉินอธิบาย
ทันใดนั้นฝูงชนคล้ายได้รับการแถลงไข และเห็นด้วยกับคำพูดของวังเฉินว่านั่นก็จริง
พลังสมาธิของฉินเฟิงขยับไหว อุปกรณ์รูนมิติของกองกำลังมืดถูกดึงดูดเข้ามา โดนยึดครองกลายเป็นของฉินเฟิงแต่เพียงผู้เดียว ส่วนศพของพวกมัน ฉินเฟิงไม่สนใจ ปล่อยไว้ทั้งๆอย่างนั้น
ฉินเฟิงเร่งมือแข่งกับเวลา ดับแอ่งลาวาขนาดเล็กต่อไป ไม่นาน ปีศาจโทรลบางตัวก็เดินผ่านมา และบังเอิญพบกับศพบนพื้นดินเข้า เลยอุ้มเอาศพทั้งหมดไปบูชายัญ ต้นไม้เพลิงปล่อยเชื้อไฟอีกครั้ง
สำหรับฉินเฟิง เชื้อไฟเหล่านี้ถือเป็นของขวัญล้ำค่า ในขณะที่คนอื่นๆยังไม่ทันสังเกตเห็นถึงความแตกต่างของลาวานี้ เลยเลือกที่จะหลบซ่อน จนกระทั่งไม่เหลือเชื้อไฟในอากาศ ถึงค่อยมุ่งหน้าต่อ เดินลึกเข้ามายังดินแดนลาวาเรื่อยๆ
และเมื่อถึงเวลานี้ พวกเขาถึงค่อยตระหนักว่า ปีศาจโทรลลาวาเดือดในปัจจุบัน มันแตกต่างจากที่พวกเขาเคยพบเผชิญก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
หนึ่งในกลุ่มเลเวล C ที่รวมทีมกันชั่วคราว เดินลึกเข้าไปในบริเวณที่เต็มไปด้วยแอ่งลาวา สภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบสงัด แต่เนื่องจากพื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่อ ดังนั้นยากต่อการเดินทาง แต่เพราะไม่มีสิ่งใดคอยขวางกั้นสายตา ทำให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อไม่พบสิ่งมีชีวิตใดอยู่รอบๆ ทุกคนเลยละความระมัดระวัง ประมาทโดยไม่รู้ตัว
แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินผ่านหนึ่งในแอ่งลาวารอบกาย ทันใดนั้นเอง ลาวาในแอ่งก็พลันม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่น ท่วมทับผู้คนอย่างกะทันหัน ก่อนม้วนคลื่นกลับไป ฉุดลากผู้คนลงแอ่งลาวา
“อ๊าาาา ไม่!”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน รีบหนีเร็ว”
“ฉันยังไม่อยากตาย!”
ฝูงชนเริ่มกรีดร้องโวยวาย ต่างฝ่ายต่างไม่มีเวลามามัวสนใจกันเอง คนที่ยังรอดวิ่งฉีกหนีออกมาจากแอ่งที่เกิดคลื่นด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
แต่ในตอนนั้นเอง ใจกลางแอ่งลาวาที่กระจายกันออกไปรอบๆ ปรากฏปีศาจโทรลกว่าสามตัวโผล่หัวขึ้นมา
“ก๊าซซซ!”
ปีศาจโทรลอ้าใหญ่ขู่คำราม พ่นบอลไฟออกจากสามทิศ ปิดล้อมจากสามทาง ไม่ยินยอมปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!
อุปกรณ์รูนพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ โล่ปราณกำลังภายในแหลกสลาย พลังงานจากจักรกลมิอาจช่วยยื้อไว้ได้อีกต่อไป
และเมื่อไร้ซึ่งพลังใดๆคอยปกป้อง สิ่งที่รอคนเหล่านี้อยู่ ก็มีแต่ความตาย!
และฉากนี้ ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อกลุ่มนี้จบสิ้น กลุ่มอื่นก็โดนในรูปแบบเดียวกันอีก
ในวันนี้ ตลอดทั้งดินแดนลาวาของปีศาจโทรล มีผู้มาเยือน 6 – 7 ทีมเท่านั้น นับได้อย่างมากที่สุดก็แปดสิบคน ทว่าคนที่เหลือรอดทั้งหมดในปัจจุบัน คือทีมที่คอยเฝ้าดูอยู่รอบนอก เหลือแค่ 20 คนเท่านั้น
ส่วนอีก 60 คน ตายกันหมดสิ้น
ช่วงเวลานี้ ผู้คนที่แต่เดิมรู้สึกตื่นเต้น ปัจจุบันดั่งถูกน้ำเย็นรดราดใส่หัว
พวกเขาพบว่าปีศาจโทรลลาวาเดือดสามารถสังหารได้ง่ายๆก็จริงๆ แต่นั่นต้องเป็นในเงื่อนไขที่ว่าพวกมันอยู่ตัวเดียว และไม่มีแอ่งลาวาอยู่รอบๆ
ทว่าปัจจุบัน ต้นไม่เพลิงปลดปล่อยเชื้อไฟในอากาศ โปรยปรายลงมาสร้างเป็นแอ่งลาวาอย่างต่อเนื่อง ทำลายเงื่อนไขที่ผู้คนจะสามารถชนะได้อย่างง่ายดาย สะบั้นโอกาสไม่มีเหลืออีกต่อไป
ฉินเฟิงเดินวนไปรอบๆดินแดนของปีศาจโทรล เก็บเกี่ยวแอ่งลาวาได้อย่างน้อยกว่า 100 แห่ง ขนาดทั้งเล็กใหญ่ต่างกันไป
แต่เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่สะดุดตาของฉินเฟิง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดซ่อนการกระทำจากฝูงชน สุดท้ายถูกพบเห็น ทีมที่ยังเหลือรอดชีวิต ไม่นานก็เริ่มแยกย้ายกันไปค้นหาแอ่งลาวาบ้าง ทำตามฉินเฟิงสั่งสมความมั่งคั่ง
สำหรับเลเวล C เหล่านี้ แอ่งลาวาเพียงใช้กระสุนน้ำแข็งนัดละพันล้านหรือสองพันล้านก็ทำให้แอ่งลาวาดับลงได้แล้ว แต่ขณะเดียวกัน เมื่อลาวาดับลง พวกเขาจะสามารถเก็บเกี่ยวสมบัติเป็นมูลค่ามากถึงห้าพันล้านในชั่วพริบตา ทั้งยังไม่มีอันตรายใดๆ
ธุรกิจนี้ ได้รับผลกำไรเต็มๆถึง 500% แล้วแบบนี้จะอดใจไหวได้อย่างไร?
ด้วยเหตุนี้ แม้จะมีข่าวว่าผู้ใช้พลังตกตายในดินแดนลาวาเป็นจำนวนมาก แต่จำนวนของผู้คนที่มาเยือนเมืองลาวาเดือดกลับยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนกระตือรือร้นที่จะบุกดินแดนลาวาโดยเร็ว บ้างถึงขั้นเริ่มซื้อตัวเชื่อมมิติ เพื่อที่จะมาให้เร็วที่สุด
ฉินเฟิงย่อมตระหนักถึงสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างดี เขาอาศัยช่วงเวลาที่คนยังน้อย เข่นฆ่าสังหารอย่างต่อเนื่อง ฟันกำไรเท่าที่ตนพอจะทำได้
หลังจากออกล่าเป็นเวลากว่า 20 ชั่วโมงตลอดทั้งวันคืน ฉินเฟิงสามารถฆ่าปีศาจโทรลลาวาเดือดเลเวล C ได้มากกว่า 1,000 ตัว ควบคุมปริมาณของมันไม่ให้มากจนล้นเกินไป จากนั้นก็กลับไปพักผ่อนในเมือง
แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ในที่สุด เมืองลาวาเดือดก็ปรากฏการดำรงอยู่ของตัวตนทรงพลังขึ้น
ภายในเมือง ผู้ใช้พลังเลเวล B ได้มาเยือนแล้ว!