โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 436
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.436 – นายจะไม่ตาย
แม้ปากจะกล่าวแบบนั้น แต่ชายชุดดำก็ยังรับการเดิมพันของไป๋หลี เขาลอบส่งคำสั่งบางอย่างออกไป ด้วยเหตุนี้จึงมีเลเวล D ที่เข้าร่วมหลายสิบราย เบนสายตา ตรึงมายังจิ่นเฟยเป็นจุดเดียว
เลเวล E ? ขอแค่ฆ่ามันก็จบแล้ว คิดเล่นตุกติกกับการเดิมพัน ช่างน่ารังเกียจนัก!
คนพวกนี้เห็นได้ชัดว่ารู้จักกับกลุ่มจัดเดิมพัน
เพราะสำหรับจิ่นเฟย หากเขาลงไปได้ลึกสุดห้าขั้น นั่นเท่ากับทางผู้จัดเดิมพันต้องเสียเงินมากกว่า 5 เท่า!
จริงๆแล้วปรากฏการณ์อันแปลกประหลาดนี้ ยังดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆเช่นกัน เพราะไป๋หลีลงเงินเดิมพันมากถึง 10,000 ล้าน
ส่วนเลเวล C พอรู้เรื่องนี้ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร ถือซะว่าให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่ได้แสดงฝีมือบ้างก็แล้วกัน”
“ถูกต้อง ถ้าเจ้าหนูนั่นทำได้สำเร็จเล่า? มันอาจจะมีโอกาสก็ได้นะ เพราะมีแต่คนไม่กลัวตายเท่านั้นแหละ ถึงจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหวังได้”
“หืม … แต่ฉันไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ ไอ้พวกที่บอกว่าไม่กลัวตายเนี่ย ถึงเวลามักจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองตายตอนไหน”
ในพริบตา เงินเดิมพันว่าจิ่นเฟยสามารถลงลึกไปถึงขั้น 5 ได้ ก็พุ่งสูงขึ้นถึงหลักแสนล้าน!
พวกเลเวล C ที่ถูกเรียกว่าบอสมักไม่ตระหนี่เงินของพวเขา เพราะพวกเขาสามารถออกจากเมืองหวังได้ตลอดเวลา และได้รับเงินกลับมาจากการล่าสัตว์ร้าย กระทั่งบางคนถึงขั้นมีกองกำลังของตนเองอยู่ภายนอก
ก็เหมือนกับเล่ยหยิงและเกาหยูคัง พวกเขาออกล่าและสังหารจักรพรรดิสัตว์ร้าย รางวัลครั้งหนึ่งตกประมาณ 500,000 ล้าน
และในที่นี้มีเลเวล C อยู่มากกว่า 200 คน การที่แต่ละคนลงเดิมพันเล็กๆให้แก่จิ่นเฟยคนละ 5,000 ล้านเหรียญ เลยถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แน่นอน คนเหล่านี้เดิมพันเฉพาะถึงแค่ชั้น 5 เท่านั้น เพราะพวกเขาไม่เชื่อ ว่าจิ่นเฟยจะสามารถลงลึกไปถึงชั้น 30 ได้
ไม่ต้องกล่าวถึงชั้น 30 แค่ชั้น 10 ก็ถือว่าฝันเฟื่องแล้ว!
ขณะเดียวกัน พลังสมาธิของผู้ใช้พลังนับ 10 คน กำลังตกลงบนร่างของจิ่นเฟย หากปัจจุบันเขาไม่ได้ถูกไป๋หลีควบคุมอยู่ เกรงว่าจิตวิญญาณอาจไม่สามารถทานทนได้ กระอักเลือดตายไปแล้ว
จิ่นเฟยคือคนตัวตนทรงอำนาจในอนาคต เป็นสุดยอดราชานักฆ่า แต่ปัจจุบัน ตัวเขาไม่นับว่าเป็นสิ่งใด
ยังเป็นแค่วัยรุ่นเล็กจ้อยและอ่อนแอ!
【ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! หมดเวลาวางเดิมพัน】
สิ้นเสียงประกาศ ขั้นบันไดเทียนไต้ ก็เริ่มหมุนวน แตกเป็นซี่ทางเดิน และแบ่งแยกแต่ละชั้นอย่างชัดเจน
ฉากนี้ไม่ต่างจากวงกดบันไดวนขนาดใหญ่ แต่ละชั้นหมุนในทิศทางที่แตกต่างกัน และในทุกๆชั้น ยังปลดปล่อยพลังงานทำลายล้างที่ไม่รู้จักออกมา ในพริบตาเดียว เศษฝุ่น ควัน และสิ่งของบางชิ้นที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าเมื่อครู่ ก็ถูกทำลายลง เหลือเพียงวัตถุดิล้ำค่าและทรงพลังไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่รอดจากการทำลายมาได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ วัตถุดิบมูลค่ามหาศาลเหล่านี้ กำลังค่อยๆถูกกัดกร่อน และหลอมละลาย!
“เริ่มแล้ว รีบเปิดประตูซักทีสิวะ!”
เวลา พวกเขายังกำลังยืนออกันอยู่หน้าทางเข้า
หากจะให้อธิบาย บันไดเทียนไต้ก็เหมือนกับเวทีประลอง ส่วนพวกผู้เข้าร่วมขณะนี้ยืนอยู่ล่างเวที ยังไม่สามารถเข้าไปได้ในทันที และสถานที่ให้รอมีขนาดเป็นทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆเท่านั้น ฝูงชนเลยต้องแออัด เบียดเสียดกัน
เมื่อบันไดเทียนไต้เริ่มหมุนวน พลังงานทำลายล้างก็ถูกปลดปล่อยออกมา
พร้อมกับ ‘ประตู’ ที่ถูกเปิดออก
“ระวังตัวด้วย ถ้าเห็นว่ามันอันตรายเกินไป ฉันจะใช้ท่ามิติพาคุณกลับมาทันที” ไป๋หลีกล่าว
ในเมื่อฉินเฟิงไม่ให้เธอเข้าร่วม เธอก็จะไม่ทำ แต่ถ้าแทรกแซงมันคงไม่มีปัญหานี่ใช่ไหม?
ภายใน เต็มไปด้วยความลึกลับของรูนมิติ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่เข้าใจ ดังนั้นเลยทำได้แค่ปฏิบัติตามกฏของรูนเท่านั้น แต่มิใช่กับไป๋หลี
ขณะนี้ กระแสพลังงานอันทรงพลังได้ไหลผ่านอากาศขึ้นมา ลมแรงกวาดทุกคนที่อยู่เบื้องหลังประตู สายลมกรรโชกนี้ แม้จะไม่รุนแรงนัก แต่สำหรับเลเวล E อย่างจิ่นเฟย เขาถึงขั้นถอยหลังไปหลายก้าว มิกล้าเผชิญหน้ากับมัน
หลังที่เคยตั้งตรงเริ่มโค้งงอ ราวกับจะยอมศิโรราบต่อมัน
“ไป!”
ผู้ใช้วรยุทธโบราณเตรียมพร้อมอยู่แล้ว กระโจนลงไปทันที
อำนาจทำลายของกระแสอากาศ จากเบื้องล่างถูกกวาดขึ้นมา แก่นอบิลิตี้สัตว์ร้ายเลเวล C ที่เหลือเพียงครึ่งหนึ่งในชั้น 30 ส่งเสียง ‘ฟิ้ว’ ถูกแรงลมยกขึ้นมาตกอยู่บนชั้น 8
ช่วงเวลานี้แววตาของทุกคนกลายเป็นแดงก่ำ
เพราะมันใกล้มาก ใกล้ชนิดที่พวกเขาสามารถเอื้อมจับได้!
นั่นคือแก่นอบิลิตี้ราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C เชียวนะ!
รู้รึเปล่ามันมีมูลค่าเท่าไหร่?
ราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C แค่เฉพาะแก่นอบิลิตี้ของมันเพียงชิ้นเดียว ก็มีมูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านแล้ว ต่อให้ถูกอำนาจทำลายของมิติเทียนไต้กัดกร่อน จนเหลือเพียงครึ่ง แต่มันก็ยังมีมูลค่ามากกว่า 20,000 ล้าน
แม้นี่สำหรับฉินเฟิงจะเป็นแค่เงินจำนวนเล็กน้อย แต่คนอื่นๆ มันมหาศาลนัก!
ต้องไม่ลืมนะว่า สำหรับเลเวล D ธรรมดาๆ การจะสะสมเงินให้ได้ถึง 10,000 ล้าน มันจำเป็นต้องใช้เวลานานถึง 10 ปี
ดังนั้น แม้แก่นอบิลิตี้ชิ้นนี้จะเหลือเพียงครึ่ง แต่มันก็คุ้มค่ากับการเสี่ยงชีวิต!
ซึ่งบันไดชั้น 8 มันอยู่ห่างจากทุกคนลงไปแค่ 80 เมตรเท่านั้น
สำหรับผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D ที่ว่องไว ขอเวลาแค่ 3 วินาทีก็พอแล้ว!
วูซซ วูซซซ วูซซซ!
ผู้ใช้วรยุทธโบราณเริ่มทะยานลงไปทีละคน ทีละคน
พลังสมาธิของไป๋หลี ถอนออกจากร่างของจิ่นเฟย
จิ่นเฟยกลับมาควบคุมร่างกายตนเองได้อีกครั้ง คุกเข่าลงกับพื้นทันที
โชคยังดีที่แก่นอบิลิตี้ราชันย์เลเวล C ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ เลยไม่มีใครมาหาเรื่องจิ่นเฟยในตอนนี้
“ถ้ายังไม่อยากตาย ก็มากับฉัน” ฉินเฟิงเหลือบมองจิ่นเฟย
จิ่นเฟย มักจะใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังเสมอมา หลังจากที่เขาได้รับการปลุกพลัง เจ้าตัวก็ค้นพบพรสวรรค์ของตนเอง นั่นคือสามารถเรียนรู้และศึกษากระบวนท่าวรยุทธได้อย่างง่ายดาย
หากเคยได้มองผ่านตา พวกมันจะกลายเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน!
ด้วยเหตุนี้ จิ่นเฟยจึงรู้จักพวกเลเวล D และ C ทุกคนในเมืองหวัง ตราบใดที่เห็นพวกเขาแม้เพียงครั้งเดียว
จิ่นเฟยล่วงรู้กระทั่งว่า เลเวล D คนไหนเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ตัวอย่างเช่นเลเวล D คนหนึ่ง กำลังสนับสนุนเลเวล E อยู่เบื้องหลัง หากไม่อยากให้เกิดปัญหา ก็ไม่ควรเข้าไปวุ่นวาย ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ยอมก้มหัวแก่เลเวล E คนนั้นเสีย เป็นต้น
กล่าวได้ว่าจิ่นเฟยอาศัยความทรงจำ และการคำนวณอย่างละเอียด ถึงสามารถมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
แต่ตอนนี้ จิ่นเฟยกลับตกอยู่ภายในเงื้อมมือของฉินเฟิง!
‘โชคร้ายจริงๆ ที่ฉันไม่แกร่งพอ ถ้าฉันแกร่งพอ ฉันคงไม่ถูกคนอื่นควบคุมง่ายๆแบบนี้ อ๊า! น่าเศร้าจริงๆ ที่ฉันกำลังจะตาย … แต่ฉันยังไม่อยากตาย … ’
ในหัวใจของจิ่นเฟยว้าวุ่น ความคิดมากมายตีกันไม่หยุด
ฉินเฟิงพอเห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่ง ก็มิอาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป เขาหยิบเส้นไหมหนาสีขาวที่พันอยู่รอบข้อมือออกมา มันคือใยของแม่พันธุ์แมงมุมขาเหล็กระดับราชันย์เลเวล D ก่อนหน้านี้
ฉินเฟิงใช้ใยมัดจิ่นเฟย จับอีกฝ่ายหมุนๆให้เชือกพันจนทบกันหลายรอบ จากนั้นก็ลากเส้นใยออกมาให้ห่างราวๆ1 – 2 เมตร แล้วเริ่มผูกติดกับเอวของตัวเอง
ในเมื่อไม่ฟังกัน งั้นก็ต้องทำแบบนี้ ผูกเอาไว้ซะเลย จะได้ลากไปด้วยกันง่ายๆ
จิ่นเฟยจ้องมองฉินเฟิงด้วยความโง่งม จากนั้นเมื่อฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า จิ่นเฟยก็ถูกบังคับให้ต้องก้าวตาม
ตรงมาจนถึงขอบบันไดชั้นแรก กระแสพลังงานทำลายล้างก็ตีเข้าใส่หน้า ส่งผลให้ใบหน้าของจิ่นเฟย เริ่มปรากฏรอยคล้ายกับถูกมีดโกนเฉือนเข้าใส่อย่างรุนแรง
หึ่ง หึ่ง
จิ่นเฟยยังไม่ทันอ้าปาก ปราณกำลังภายในอันทรงพลังก็ปกคลุมลงบนกายเขา ปราณกำลังภายในนี้ มีรัศมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างถึง 3 เมตร ก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงป้องกัน
“นี่คุณ … ” จิ่นเฟยอดมองฉินเฟิงด้วยความตกใจไม่ได้ “ปราณกำลังภายในของคุณสามารถทำแบบนี้ได้ยังไง?”
จริงอยู่ที่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D สามารถใช้ปราณกำลังภายในได้ แต่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิง แตกต่างจากคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
เพราะมันสามารถขยายรัศมีได้กว้างถึง 3 เมตร ในมุมมองของจิ่นเฟย การจะสามารถทำแบบนี้ได้ อย่างน้อยต้องเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C เท่านั้น
หากไม่ได้รับกำลังภายในที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน การกระทำเช่นนี้ จะถือว่าเป็นการสูญเสียกำลังภายในโดยเปล่าประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ถึงทำได้ก็ใช่ว่าจะสามารถลงไปลึกมากๆได้ นั่นเพราะมิติเทียนไต้ มีฟังก์ชั่นพิเศษอยู่
ผู้คนที่เข้ามายังมิติเทียนไต้ เหตุผลง่ายๆคือต้องการชิงสมบัติและวางเดิมพัน แต่ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์ลงขั้นบันไดลึกลงไป จะทราบดี ว่าอำนาจทำลายเบื้องล่างนี้ สามารถกัดกร่อน และบีบอัดปราณกำลังภายในได้
นั่นหมายความว่า ยิ่งปราณกำลังภายในขยายกว้างมากเท่าไหร่ แรงกัดกร่อนและบีบที่ได้รับก็จาะมากกว่าคนอื่นเป็นหลายเท่า
นี่เป็นเรื่องน่าหวาดกลัวมาก
หากฉินเฟิงเคยเข้าร่วมงานเทียนไต้มาก่อนสักสิบครั้ง และลงไปได้สักชั้นต้นๆ กำลังภายในของเขาอาจเกิดความคุ้นชิน และทานทนต่อการกัดกร่อนบีบอัดได้
แต่จิ่นเฟยไม่เคยเห็นฉินเฟิงมาก่อนเลย!
“วางใจเถอะน่า ก็ฉันบอกแล้วไง ว่านายจะไม่ตาย”
ฉินเฟิงตอบอย่างเฉยเมย