โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 253
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.253 – ยิ่งร่ำรวยยิ่งทรงพลัง
ในเวลานี้ บนกำแพงด้านนอกของหุบเขา ฉินเฟิงและวังเฉินกำลังยืนสังเกตสถานการณ์ภายใน
“พวกมันโต้กลับแล้ว! มีมือปืนเลเวล F สองคน!” วังเฉินเลียริมฝีปากตน แม้ภายนอกกายจะสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบของอากาศโดยรอบ ทว่าภายในกายกลับฟุ้งไปด้วยเจตนาฆ่า กลิ่นอายสังหารปะทุกรุ่น กระจายออกมาในชั้นอากาศ แผ่ไอร้อนสู่ภายนอกในทำนองเดียวกัน
“จับตาดูให้ดีๆ! ฉันจะแสดงฝีมือที่คู่ควรติดตามลูกพี่ให้ได้เห็นเอง!”
วังเฉินเร่งสวมปืนใหญ่มือ กระสุนสะท้อนกลับที่ยังหลงเหลือบินตัดผ่านอากาศตรงเข้ามา วังเฉินวาดมือเล็ง และยิงออกไปทันที
กระสุนนี้ทำลายกระสุนระดับต่ำที่สะท้อนกลับจนแตกเป็นเสี่ยงๆ และวินาทีต่อมา —วู้ม วู้ม วู้มมม! วังเฉินก็ยังสาดกระสุนจากปืนใหญ่มือออกไปถึง 3 ลูกติดๆกัน
ไม่ยอมน้อยหน้า หากฝั่งฉินเฟิงมี ฝั่งกลุ่มตู่เซี่ยก็ย่อมมีปืนใหญ่เช่นกัน พวกเขาเริ่มตอบโต้กลับ!
“ยิงอีกรอบ” ฉินเฟิงสั่งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กระสุนทั้ง 50 นัดถูกยิงออก ครอบคลุมไปตลอดทั้งค่ายตู่เซี่ยอีกครั้ง
และคราวนี้ สองมือปืนกำลังติดพันอยู่กับวังเฉิน ฉะนั้นไม่มีเวลาใช้พลังสมาธิสะท้อนกระสุนปืนระดับต่ำเหล่านี้ได้อีกต่อไป
ได้แต่งัดกระสุนในมือตนยิงเข้าสกัดกั้น!
บรึ้มมมม!
พริบตานั้นค่ายตู่เซี่ยพลันถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง
“จะยอมถอยออกไปจากที่นี่ดีๆ หรือทิ้งชีวิตเอาไว้!”
เสียงสนั่นราวกับฟ้าผ่าดังมาจากระยะไกล มันห่อหุ้มไว้ด้วยกำลังภายใน ก้องกังวานไปทั่วบริเวณ
กลิ่นอายนี้ชวนให้ยากจะหายใจ คล้ายบีบบังคับให้โก่งตัวงอ โค้งหัวลงด้วยความยำเกรง
แม้คนยังไม่ปรากฏกาย แต่เสียงก็ถูกส่งมาถึงซะก่อน มิใช่ใครอื่น
–เป็นแมงป่องพิษ!
ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั้งสามเฉิง เจ้าของกลุ่มตู่เซี่ย ทั้งยังเป็นอาวุโสองค์กรมืดแสนเจ้าเล่ห์
“ไม่คิดเลยแฮะว่าจะมาเร็วขนาดนี้”
ฉินเฟิงย่ำเท้าลงกับพื้น พริบตานั้นยอดเนินเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะพลันปริร้าว กลิ่นอายของฉินเฟิงแพร่กระจายออกมา เปี่ยมไปด้วยแรงกดดันของกำลังภายใน ขับเคี่ยวต้านทานกับอีกฝ่าย
สองร่างเงาวูบไหว ตัดผ่านหิมะ ไม่นานก็เผชิญหน้ากันอย่างรวดเร็ว
แมงป่องพิษสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฉินเฟิง แต่เขาไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร จนกระทั่งมาถึงระยะ 30 เมตร ทั้งคู่จึงค่อยหยุดฝีเท้าลง
ต่างฝ่ายต่างสบตากันและกัน
“แกมันฉินเฟิง!” แมงป่องพิษขบกรามแน่น เค้นเสียงออกมา
ฉินเฟิงพยักหน้าอย่างสบายๆ “ถูกต้อง เป็นฉันเอง”
แมงป่องพิษแทบสำลักความโกรธเกรี้ยวที่อัดแน่นอยู่ในหน้าอกของเขา
“ฉินเฟิง แกคิดจะฆ่าคนของฉันทั้งหมดเลยงั้นหรือ?” คู่ดวงตาของแมงป่องพิษหรี่แคบลง จ้องมองฉินเฟิงอย่างเดือดดาล
เขาไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าจะถูกฉินเฟิงลงมือปิดล้อมโดยสิ้นเชิงแบบนี้
สีหน้าของฉินเฟิงเยือกเย็น แลดดูไม่แยแส
“ฉันออกหมายจับแกตั้งนานแล้ว แกมีเวลาตั้งหลายวันที่จะยอมมาคืนสินค้า ถ้าทำแบบนั้นฉันอาจจะไม่ถือสาแล้วปล่อยไป แต่น่าเสียดาย … ”
ใบหน้าของแมงป่องพิษแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด
เดิมแมงป่องพิษไม่เคยให้ค่าใดๆกับฉินเฟิง ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งใดที่ปล้นมาแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่มีเหตุผลที่จะส่งคืนกลับไป
แมงป่องพิษกระทั่งคิดว่าจะอาศัยอยู่ในระแวกนี้ไปอีกนาน ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสถานชุมชนเฟิงหลี ทำตัวเป็นปลิง คอยสูบเลือดจากสถานชุมชนเฟิงหลีไปเรื่อยๆ
แต่เขาไม่คาดหวังเลย ว่าฉินเฟิงจะตอบโต้รุนแรงเช่นนี้
“แกเอาจริงหรือ?” แมงป่องพิษกวาดสายตามองฉินเฟิงขึ้นๆลงๆ และพบว่าอีกฝ่ายมีกลิ่นอายแค่เลเวล E4 เท่านั้น
เมื่อได้รับรู้ถึงข้อนี้ ลมหายใจของเขาก็เริ่มกลับมามั่นคงกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าดูถูกฉินเฟิง เพราะท้ายที่สุดแล้ว อีกฝ่ายสามารถโค่นปรมาจารย์หยินและคนอื่นๆ —โค่นศัตรูในเลเวล E พร้อมกันถึงสามคนได้!
นี่หมายความว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย ที่จะยั่วยุการดำรงอยู่อย่างฉินเฟิง
วู้ม วู้มมม!
เบื้องบนท้องฟ้า ลูกปืนใหญ่อีกระลอกโฉบผ่านไป ตกลงสู่ค่ายตู่เซี่ย
มุมปากของแมงป่องพิษกระตุกวูบ
“ฉินเฟิง ครั้งนี้กลุ่มตู่เซี่ยของฉันยอมรับผิด และจะคืนสินค้าให้ จากนี้ไปเรื่องระหว่างเราจะไม่มีการล้ำเส้นกันอีกต่อไป!” แมงป่องพิษกล่าวเสียงจม
สินค้าน่ะจะปล้นชิงอีกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของตน เห็นได้ชัดว่าหากเสียไป ก็ยากนักกว่าจะฟื้นฟูให้กลับมาดังเดิม
บางสิ่งบางอย่าง แมงป่องพิษมิอาจกระทำเพียงลำพัง จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ใต้บังคับบัญชา แม้ตนจะยืนอยู่บนยอดสุดของปิรามิด ทว่าหากกลุ่มล่มสลายลง อำนาจของแมงป่องพิษ ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
แต่ช่างน่าสงสาร ที่ฉินเฟิงดูเหมือนจะไม่รับฟังคำขอ
“แกเคยได้รับโอกาสแล้ว ฉันเสียใจจริงๆที่แกไม่ทะนุถนอมคุณค่าของมัน ถึงเวลานี้คิดจะขอความเมตตาจากฉันอีกครั้ง นึกหรือว่าจะได้ผล?” ระหว่างกล่าว สายตาของฉินเฟิงก็ตรึงลงบนร่างของแมงป่องพิษ เสี้ยววินาทีเดียวกัน แมงป่องพิษรู้สึกราวกับว่าความลับทั้งหมดในใจของเขาได้ถูกเปิดเผยออกมา มิอาจกลบซ่อน
ทันใดนั้น ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนเป็นโกรธแค้น
“ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าตัวเองจะไม่สามารถโค่นไอ้เด็กขนยังไม่ขึ้นได้!” แมงป่องพิษคำราม ชักอาวุธตนออกมา
อาวุธของเขาคือไม้เท้า แต่อีกปลายด้านหนึ่งของไม้เท้าเป็นโซ่ และที่ช่วงท้ายของโซ่ มีอาวุธทรงกรวย แหลมคมขนาดเท่าฝ่ามือถูกห้อยติดเอาไว้ ทั้งยังมีแสงสีเขียวสาดออกมา
ชัดเจนว่าไม้เท้าคืออาวุธเฉพาะตัวของอีกฝ่าย ทั้งยังถูกฉาบไว้ด้วยยาพิษ!
ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์ครามออกมาในเวลาเดียวกัน บ่งบอกชัดว่าไม่คิดดูแคลนศัตรู
“ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง งั้นก็ตายซะ!” แมงป่องพิษคำรามเกรี้ยวกราด ปรี่เข้าหาฉินเฟิง
ทั้งสองวูบไหวเป็นเงา ฟาดฟันใส่กันและกัน ยากนักที่จะบอกบรรยายและคาดเดาว่าใครจะเป็นฝ่ายคว้าชัยในระยะเวลาอันสั้น
…
อีกด้านหนึ่ง
วังเฉินกำลังต่อกรกับสองมือปืนเลเวล F กดดันอีกฝ่ายอย่างหนัก
เนื่องจากทรัพยากรที่ฉินเฟิงมอบให้ ความแข็งแกร่งของวังเฉินเลยทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งอุปกรณ์รูนที่สวมใส่ยังเป็นของดีมาก เครื่องประดับบางอย่างที่พกมาก็สามารถช่วยรวบรวมพลังสมาธิได้ ส่งผลให้พลังสมาธิของเขาทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไม่นานนัก ภายใต้การกดดันของวังเฉิน มือปืนเลเวล F ก็ไม่สามารถปัดป้องลูกปืนใหญ่บางส่วนที่ทางสถานชุมชนเฟิงหลียิงเข้าใส่ได้อีกต่อไป
นั่นเพราะปริมาณของมันมากมายเกินไปจริงๆ
หวือ หวือ หวือ!
ในที่สุดลูกปืนใหญ่ก็สามารถเจาะลงใจกลางค่ายของพวกเขา
ตูม ตูม ตูมมมมม!
ในพริบตาเดียว คนนับสิบที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมือปืน ก็ถูกแรงระเบิดเป่าหายไปในคราเดียว
เพราะแม้ที่ตั้งของค่ายตู่เซี่ยจะเป็นสถานที่ลับตา แต่ยังไงซะ มันก็ไม่มีบังเกอร์ดีๆคอยป้องกัน ดังนั้นคนในค่ายทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆมือปืน และแหงนหน้าขึ้นบนฟ้า คอยหลบหลีกกระสุนปืนใหญ่อย่างยากลำบาก
แต่ … มันจะยังหลงเหลือที่ให้พวกเขาหลบหลีกอีกจริงๆน่ะหรือ? เพราะบนท้องฟ้า ปัจจุบันเต็มไปด้วยห่ากระสุน ไม่มีที่ใดสามารถใช้ซ่อนตัวได้เลย
ไม่นาน กลุ่มตู่เซี่ยก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ภายใต้การระดมยิงต่อสู้ระหว่างสองทัพ สุดท้ายเป็นฝ่ายค่ายกลางหุบเขาที่ถูกทำลาย ไม่นานกระทั่งกระสุนที่ใช้ยิงตอบโต้ ทางตู่เซี่ยก็ไม่มีหลงเหลือ
เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ดังนั้นกระสุนในคลัง เลยไม่ได้มีมากมายนัก
ในสนามรบ วังเฉินจัดการมือปืน จนอีกฝ่ายไม่ต่างจากถูกตัดแขนตัดขา!
…
ย้อนกลับมาอีกด้านหนึ่ง
การต่อสู้ระหว่างฉินเฟิงกับแมงป่องพิษเริ่มเอนเอียงไปในทิศทางเดียว
อาวุธของแมงป่องพิษถือว่าแปลกประหลาดจริงๆ แต่สำหรับฉินเฟิง ถึงแปลกแต่มันก็ไร้ประโยชน์
แมงป่องพิษยิ่งสู้นานก็ยิ่งอึดอัด เขารู้สึกเหนื่อยล้ามากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งพอสู้มาได้สักพัก เขายังตระหนักได้อีกข้อ ว่าอาวุธในมือ มันไม่สามารถเจาะผ่านชุดต่อสู้ของฉินเฟิงได้!
แล้วแบบนี้จะให้สู้อย่างไร?
เคร้ง!
สองอาวุธปะทะคมกันคราหนึ่ง มีดกษัตริย์เล่มยาวของฉินเฟิงวูบไหวอย่างคล่องแคล่วและพรั่งพราว ส่งแรงกดดันเหลือแสนออกมา ระหว่างโบกสะบัด สะท้อนไปด้วยเสียงหวีดของสายลม
แมงป่องพิษสัมผัสได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่ถูกส่งผ่านมา อัดเขาจนตัวลอย ปลิวกระเด็นถอยหลังไป
สองมือเกิดอาการด้านชา กระทั่งหน้าอกก็รู้สึกปวดร้าว
แมงป่องพิษไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าฉินเฟิงจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
แต่ในตอนนั้นเอง ระหว่างต่อสู้อยู่กลางอากาศ แววตาของแมงป่องพิษพลันเกิดประกายวูบไหว พอแผ่นหลังชนต้นไม้ใหญ่ มือข้างหนึ่งของเขาพลันสะบัดวูบ –ปาระเบิดควันลงพื้นทันใด
ฟุ่ม!
ระหว่างควันลอยฟุ้ง แมงป่องพิษฉวยโอกาศลอบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว!
ฉินเฟิงเผยถึงความประหลาดใจบนใบหน้าเขา
“เป็นตาแก่จอมเจ้าเล่ห์ตามข่าวลือจริงๆ”
ไม่มีศักดิ์ศรี หรือใส่ใจกับความภาคภูมิของตนเองสักนิด พอเห็นท่าไม่ดีก็วิ่งหนีทันที
ฉินเฟิงตรึงพลังสมาธิลงบนร่างแมงป่องพิษ กรณีนี้อีกฝ่ายจะไม่สามารถหลุดพ้นจากตัวเอง จากนั้นฉินเฟิงก็เริ่มถ่ายเทกำลังภายในลงไปที่ขา และทะยานไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างไล่ล่า ก็พรมมืออีกข้างลงบนอุปกรณ์สื่อสาร
“เริ่มกวาดล้างซากกองกำลังตู่เซี่ยที่เหลือ ทุกคนลงมือได้!”
กลุ่มตู่เซี่ยถูกระดมยิงจนจมอยู่ภายใต้ห่ากระสุนปืนใหญ่ เริ่มวิ่งหนีกระจัดกระจายทุกทิศทาง ซึ่งฉินเฟิงไม่คิดเมตตาปล่อยคนเหล่านี้ไป
ณ ภายนอกหุบเขา กองทัพเฟิงหลีในขณะนี้ เมื่อได้รับข้อความ เลือดในกายของพวกเขาก็เริ่มเดือดพล่าน
เพราะการต่อสู้ในระยะประชิด … การต่อสู้แบบถึงเลือดถึงเนื้อที่แท้จริง กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!