สเตฟาเนียและวลาดจอมเสียบต่างปะทะคารมสั้น ๆ ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียด ทั้งฮิคาริ และโมนิก้า ล้วนรับทราบถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงเบื้องต้นจากราชันผีดูดเลือด ในขณะที่อาเธอเรียนึกรู้สึกตะขิดตะขวงใจพร้อมทั้งกล่าวน้ำเสียงพึมพำ
“ทำไมทีกับฉันถึงได้โดนเสาหนามคม ๆ โจมตีใส่ด้วยล่ะ ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”
“คนอย่างเจ้าน่าจะหลบพ้นการโจมตีระดับพื้น ๆ จากข้าได้อยู่แล้วนี่” วลาดหันไปสนทนากับเด็กสาวจอมพลัง พยุงตัวลุกขึ้นยืนพลางนำมือทั้งสองปัดเศษหญ้าที่เปรอะเปื้อนตามชุดแต่งกายให้หมดจด “แต่ถ้าหากทำไม่ได้นั่นก็หมายความว่าเจ้าไม่คู่ควรที่จะต่อสู้กับจอมมารไซตอน เหมือนอย่างที่เจ้าเคยกระโจนพุ่งตัวเข้าไปหามันซึ่ง ๆ หน้าจนเกือบโดนคำสาปพิฆาตเสกใส่ตาย… นี่ถ้าไม่ได้ข้าช่วยเอาไว้เจ้าคงสิ้นลมหายใจตายไปตั้งแต่เมื่อวานซืนนี้แล้ว นังสมองลิงกอริลลา”
“ช่วยเลิกว่าฉันเป็นลิงกอริลลาสักทีเถอะ ถ้าแกยังอยากเก็บฟันเอาไว้ดูดเลือดต่อ…!”
อาเธอเรียออกอาการปรี๊ดแตกทันที แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านั้น เพราะพ่อมดหนุ่มที่อยู่ตรงเบื้องหน้าพวกเธอหาใช่ร่างเนื้อของวลาดจริง ๆ เพียงแต่อาศัยร่างของเลวอนในการสนทนาด้วยเท่านั้น ขืนลงมือไปตามแรงบันดาลโทสะ เกรงว่าเจ้าของร่างตัวจริงอาจได้รับภัยอันตรายไปด้วย
แวมไพร์หนุ่มไม่ได้ใส่ใจต่อท่าทีอันขุ่นเคืองของอาเธอเรีย ยังคงแย้มสรวลจาง ๆ ด้วยความหยิ่งผยอง แล้วเกริ่นน้ำเสียงแข็งกร้าวพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระโต้ตอบคำพูดของสเตฟาเนียก่อนหน้านี้ เพื่อปกป้องและรักษาศักดิ์ศรีของตนเองเอาไว้
“ต้องการแนวร่วมหรือผู้สนับสนุนแผนการเพื่อโค่นล้มจอมมารไซตอน? ช่างฝันเฟื่องสิ้นดี ราชาอย่างข้าไม่มีวันก้มหัวร้องขอพวกสามัญชนเด็ดขาด ที่ยังไม่ลงมือฆ่าก็เพราะข้าเห็นว่าพวกเจ้าน่าจะพอใช้การได้ต่างหากล่ะ”
“ฮึ พวกฉันเองก็มองเห็นว่าคนอย่างนายน่าจะพอใช้ประโยชน์ได้บ้างเหมือนกัน คิดเหรอว่าทางนี้จะยอมปล่อยให้นายจิกหัวใช้เพียงฝ่ายเดียว?” ฮิคาริกล่าวเหน็บแนม
“โห… เห่าได้ดีนี่แม่หนู ทั้งที่พวกเจ้าตั้งรับการบุกจู่โจมจากข้าไม่ได้แท้ ๆ ยังบังอาจกล้าใช้งานข้าอีกเรอะ หัดสำเหนียกถึงความต่างชั้นบ้างสิ”
“พูดจาอวดเก่งจังนะ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะเอาดาบเชือดปากนายให้ดูเป็นขวัญตาเอง!”
คราวนี้วีรสตรีแห่งซามูไรเป็นฝ่ายเดือดดาล เลื่อนมือขวาเตรียมชักศัสตราวุธออกมาจากฝักดาบพร้อมตั้งท่าเตรียมบุกโจมตีทันที เคราะห์ดีที่สเตฟาเนียรีบยกแขนห้ามปรามเอาไว้ โมนิก้าซึ่งยืนเฝ้ามองดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ ถึงกับถอดสีหน้าทุกข์กังวล เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้ร่างของเลวอนได้รับบาดเจ็บ เพียงเพราะถ้อยคำยั่วยุจากปากของวลาด
“สงบใจลงก่อนสิคะรุ่นพี่ฮิคาริ” แม่มดสาวนักปรุงยาพูดเตือนสติ “พวกเราไม่ควรก่อเรื่องผลีผลามในเขตพื้นที่ชุมชนแบบนี้ อย่าให้ชาวบ้านพลอยโดนลูกหลงเพียงเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเรา… คุณเองก็ด้วย ช่วยลดทิฐิของตัวเองแล้วหันมาพูดจากับพวกเราให้ดีกว่านี้สักหน่อย ในฐานะเจ้าชายแห่งวาลาเคีย… ไม่ใช่สิ ในฐานะองค์ราชาแห่งโรมาเนีย คุณคงไม่ปรารถนาให้ราษฎรต้องเดือดร้อนเพียงเพราะความแค้นส่วนตัวของคุณหรอกใช่ไหม?”
“ดี ถึงปากคอเราะรายแต่ก็ยังมีสัมมาคารวะ เช่นนั้นแล้วข้าจะขอมอบคำแนะนำบางอย่างให้แก่เจ้า”
วลาดกล่าวชมเชยสเตฟาเนียเล็กน้อยพร้อมทั้งผ่อนคลายท่าทีจองหองลง แต่ยังคงรักษาบุคลิกความเป็นผู้อาวุโสกว่าเอาไว้ตามปกติ ฮิคาริถอนหายใจเหนื่อยหน่ายต่ออุปนิสัยของนักรบวีรชน ยอมรามือลดท่าทีเป็นปฏิปักษ์แต่โดยดี จากนั้นบุรุษหนุ่มผมสีขาวโพลนแกมเทาเข้มจึงเริ่มกล่าวคำอธิบายเพื่อวิจารณ์ถึงยุทธวิธีของพวกเธอ
“กลยุทธ์การตั้งรับเมื่อสักครู่ยังมีจุดอ่อนร้ายแรงซ่อนอยู่ พวกเจ้าเลือกที่จะโอบล้อมจู่โจมข้าแบบตีขนาบข้างทั้งสองฝั่ง พร้อมทั้งคอยปกป้องแก่เด็กสาวที่ชื่อโมนิก้าในเวลาเดียวกัน การทำหน้าที่ทั้งสองอย่างด้วยจำนวนคนเพียงหยิบมือนับว่าสิ้นคิด มิหนำซ้ำยังเปิดเผยช่องโหว่ทางเบื้องหลัง หากศัตรูคิดไม่ซื่อใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมายังจุดดังกล่าว ป่านนี้พวกเจ้าคงโดนลอบสังหารหมู่อย่างไม่ต้องสงสัย หรืออย่างน้อยที่สุดเด็กหญิงผู้นี้คงถึงคราวชะตาขาดเป็นแน่
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการโจมตี พวกเจ้ายังจำกลยุทธ์ที่ใช้ต่อกรกับข้าเมื่อเย็นวานซืนได้หรือไม่ นับว่าประสานงานได้อย่างน่าชื่นชมต่อให้พวกเจ้าไม่อาจเอาชนะข้าได้เลยก็ตาม ถ้าหากมีไหวพริบอีกสักนิด พวกเจ้าควรให้โมนิก้าทำหน้าที่เป็นสายโจมตีสนับสนุน แล้วจึงตีกรอบล้อมรอบศัตรูสี่ทิศ เว้นเสียแต่ว่ากลัวจะถูกลอบแทงข้างหลัง ก็จงหันแผ่นหลังชนกันเพื่อตั้งรับการรุกรานจากทุกทิศทางเสีย”
วลาดเกริ่นให้คำแนะนำทางยุทธวิธี พลางขยับมือไปมาเพื่อประกอบคำอธิบาย กว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่าตนเองกำลังเปิดเผยท่าทีกระตือรือร้นต่อหน้าเหล่าแม่มดสาวทั้งสี่ก็สายเกินไปเสียแล้ว และสร้างความตกตะลึงให้แก่พวกเธอพอสมควร
“ดูท่าทางจะไม่ใช่คนเลวโดยสันดานจริง ๆ ด้วยแฮะ แถมยังแอบบ้ายออีกต่างหาก”
“ฮึ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ชอบความเย่อหยิ่งของเจ้าหมอนี่อยู่ดี ถ้าไม่ติดตรงที่ว่ากำลังสิงร่างเจ้าลูกแกะอยู่ล่ะก็ แม่จะสับให้กลายเป็นเนื้อแวมไพร์บดซะเลย”
“ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำอย่างสุดซึ้งนะคะ ครั้งหน้าถ้าหากคุณเผลอทำอะไรตามใจชอบอีก ถึงตอนนั้นพวกเราจะได้รุมสหบาทาอย่างถูกวิธี หรือจนกว่าคุณจะยอมคืนร่างให้กับคุณเลวอนตามเดิมเอง”
อาเธอเรีย ฮิคาริ และสเตฟาเนีย เกริ่นตามลำดับด้วยสีหน้าน้ำเสียงแตกต่างกันออกไป ทำเอาจอมเวทแวมไพร์ถึงกับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจราวกับว่ากำลังถูกอีกฝ่ายลบหลู่ดูหมิ่นเกียรติ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกเสียจากสบถวาจาออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งแสดงสีหน้าขึงขังคิ้วขมวดใส่
“น-นังเด็กพวกนี้…!”
“ว่าแต่โมนิก้า เธอรู้ได้ยังไงกันว่าหมอนี่จะโจมตีใส่พวกเรา?”
อาเธอเรียหันไปซักถามเพื่อนสนิทอย่างสงสัย เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสะดุ้งตกใจเล็กน้อย รีบให้คำตอบบ่ายเบี่ยงออกไปอย่างตะลีตะลาน ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้คนนอกอย่างวลาดล่วงรู้ถึงความสามารถพิเศษของตน
“เอ๊ะ…!? ก-ก็แค่ลางสังหรณ์เท่านั้นเองค่ะ”
“ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ลูกแก้วพยากรณ์แต่ก็ยังมองเห็นภาพอนาคตอันใกล้นี้ได้น่ะรึ นึกอยู่แล้วเชียวว่าเจ้าจะต้องเป็นแม่มดผู้มากพรสวรรค์”
สิ้นสุดประโยค บุรุษจอมดาบเวทแห่งวาลาเคียก็ได้อันตรธานหายไปจากสายตา ก่อนจะปรากฏกายอยู่ตรงเบื้องหน้าของโมนิก้าอีกครั้งเพียงชั่วพริบตาเดียว ฮิคาริ สเตฟาเนีย และอาเธอเรีย ต่างส่งเสียงตื่นตระหนกไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือทำเรื่องอุกฉกรรจ์เป็นหนที่สอง
“โมนิก้า!”
ทว่าคนที่แสดงสีหน้าหวาดผวาชัดเจนมากที่สุดคงหนีไม่พ้นแม่มดสาวนักพยากรณ์ ผู้เคยตกเป็นเหยื่อของวลาดจากการถูกกัดซอกคอมาก่อน เธอง้างไม้กายสิทธิ์ในมือขวาเตรียมร่ายคาถาสายฟ้าใส่ ทั้งที่สองขากำลังสั่นเทาเนื่องจากถูกคุกคาม โชคร้ายที่พ่อมดหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลชิงไหวตัวทัน รีบจับที่ข้อแขนร่างอรชรเอาไว้เพื่อหยุดยั้งการเคลื่อนไหวแบบฉับพลัน
“เฮ้ย นี่แก…!”
อาเธอเรียรีบหมุนตัวหมายง้างกำปั้นซัดใส่ สเตฟาเนียและฮิคาริเองต่างกวัดแกว่งศัสตราวุธเตรียมพร้อมโจมตีเช่นกัน แต่แล้วการกระทำทั้งหมดกลับต้องหยุดชะงักลงกะทันหัน เมื่อราชันจอมเสียบนำมือข้างถนัดสัมผัสยังซอกคอฝั่งซ้ายของโมนิก้าอย่างอ่อนละมุน เผยสีหน้าคิ้วขมวดจริงจังแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกสำนึกผิดบาป และหาได้มีท่าทีประทุษร้ายแต่อย่างใด
“ไม่ขอให้เจ้ายกโทษให้ข้าหรอกนะ เพราะถ้าหากไม่ได้เลือดของเจ้า ถึงตอนนั้นพวกเราทุกคนอาจต้องตายกันหมด… ข้าจะต้องมีชีวิตรอดต่อไปเพื่อปราบเสี้ยนหนามอย่างจอมมารไซตอนให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใดก็ตาม…!”
“คุณวลาด…?”
โมนิก้าผู้ซึ่งถูกบุรุษรูปงามสัมผัสต้นคออยู่ค่อย ๆ ผ่อนแรงขัดขืนเพียงชั่วขณะ และรับรู้ได้ถึงความปวดร้าวทางจิตใจที่แสดงออกมาผ่านทางแววตาของบุรุษวีรชน วินาทีนั้นเด็กสาวเข้าใจได้โดยทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาเสแสร้งหรือเล่นละครตบตาเธอ เนื่องจากสีหน้าอันทุกข์ทรมานของเขานั้น ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับตอนที่เลวอนเคยเล่าเรื่องราวในอดีตสุดแสนขื่นขมให้ตนได้สดับรับฟังยิ่งนัก
แม่มดสาวนักพยากรณ์รีบส่ายศีรษะเพื่อสลัดความเห็นใจที่มีต่อวลาดทิ้งไป แล้วเกริ่นน้ำเสียงจริงจังออกมาดังนี้
“หากแต่การแก้แค้นของคุณได้สร้างความเดือดร้อนต่อผู้คนบริสุทธิ์ ตัวฉันคงไม่อาจปล่อยให้คุณใช้ร่างของคุณเลวอนเพื่อทำอะไรตามอำเภอใจแน่ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าคุณคือจอมเวทผู้เก่งกาจ… ดังนั้นฉันขอยื่นข้อเสนอบางอย่างเพื่อทำพันธสัญญาแลกเปลี่ยน พวกเราต้องการยืมพลังของคุณค่ะ”
“โฮ่… เช่นนั้นแล้วจงบอกข้ามา เจ้าต้องการสิ่งใด?”
“ฉันอยากให้คุณมาทำพันธสัญญาเลือดด้วยกัน”
“ว่าไงนะ?”
“ด-เดี๋ยว เอาจริงเหรอโมนิก้า!?”
แวมไพร์หนุ่มออกอาการแปลกประหลาดใจเล็กน้อย ในขณะที่อาเธอเรียกลับเผยท่าทีตะลึงพรึงเพริดเสียยิ่งกว่า ฮิคาริผู้ซึ่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวญี่ปุ่นในฐานะตัวแทนจอมเวทสายตะวันออก รีบหันไปซักถามต่อสเตฟาเนียด้วยความสงสัย
“สเตฟาเนีย พันธสัญญาเลือดที่ว่ามันคืออะไร?”
“เป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ โดยใช้เลือดของผู้มอบพันธสัญญาเป็นเครื่องผูกมัดแก่ผู้น้อมรับข้อตกลง เดิมทีเวทมนตร์นี้มักใช้ในการประกาศตนเป็นพี่น้องร่วมสาบาน แต่ในกรณีนี้ฉันคิดว่าโมนิก้าน่าจะตั้งใจใช้มันเพื่อเป็นเครื่องผูกมัด และบังคับให้คุณวลาดอยู่ภายใต้คำสั่งของเธอค่ะ”
“แล้วถ้าหากผู้น้อมรับคำสัญญาขัดขืนข้อตกลงล่ะ คนคนนั้นจะเป็นยังไง?”
“ขึ้นอยู่กับความผิดที่ผู้น้อมรับคำสัญญาได้ก่อเอาไว้ หากมีการทรยศผู้เป็นนายด้วยการลงมือฆ่า ชีวิตของคนคนนั้นก็จะต้องมีอันเป็นไป”
อาเธอเรียอธิบายด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว ทำให้ฮิคาริอดเป็นกังวลใจไม่ได้พร้อมทั้งกล่าวคัดค้านทันที
“แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกเราต้องเอาชีวิตของเจ้าลูกแกะเป็นเดิมพันน่ะสิ ดวงวิญญาณของวลาดยังอยู่ในตัวของเลวอนนะ พวกเราจะแน่ใจได้ยังไงกันว่าหมอนี่ไม่มีวันคิดฉวยโอกาสยึดครองร่างนี้เพื่อก่อเรื่องร้ายแรง แล้วถ้าหากพันธสัญญามันมีผลต่อเจ้าลูกแกะด้วยล่ะ…!?”
“ฉันว่าคิดคุณวลาดคงเฉลียวฉลาดมากพอที่จะไม่ก่อเรื่องพรรค์นั้น เพราะถ้าหากคุณเลวอนถึงแก่ความตาย เขาก็จะไม่มีร่างให้สิงสถิตอีกต่อไป แถมยังต้องสูญเสียโอกาสในการล้างแค้นจอมมารไซตอนอีกด้วย… ฉันพูดถูกใช่ไหมคะ?”
แม่มดสาวเจ้าของเรือนผมสีส้มอธิบายเหตุผลด้วยสีหน้าน้ำเสียงราบเรียบใจเย็น ก่อนจะสบสายตาต่อวลาดเพื่อรอให้อีกฝ่ายยืนยันในคำตอบ ส่วนพ่อมดจอมดาบเวทถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เนื่องจากถูกอ่านความคิดอย่างทะลุปรุโปร่ง
ทว่าครั้งนี้ราชันผีดูดเลือดกลับไม่มีความคิดที่จะปฏิเสธถ้อยคำดังกล่าว เขาค่อย ๆ ละมือขวาหนาสากออกจากต้นคอของโมนิก้า แล้วพูดคุยกับเด็กสาวที่อยู่ตรงเบื้องหน้าตนอีกครั้งเพื่อแสดงถึงเจตนารมณ์
“จริงอย่างที่แม่หนูนั่นกล่าวมา ตัวข้ายังหายไปตอนนี้ไม่ได้จนกว่าจะโค่นล้มจอมมารไซตอนสำเร็จ ไอ้คนที่มันร่ายคำสาปให้ข้ากลายเป็นผีดูดเลือดสุดแสนจะน่าเกลียดชัง…! แต่ถึงกระนั้นเถิดโมนิก้า หากข้ายินยอมน้อมรับพันธสัญญาตามที่เจ้าร้องขอมา ตัวข้าจะได้รับสิ่งใดเป็นการตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ?”
“ฉันจะให้เลือดแก่คุณทุก ๆ สัปดาห์เองค่ะ” โมนิก้ารีบยื่นข้อเสนอโดยปราศจากท่าทีลังเลใจ
“ไม่ไหวหรอกโมนิก้า” อาเธอเรียรีบแทรกบทสนทนา “ลำพังแค่เลือดของเธอคงไม่พออิ่มสำหรับเจ้าหมอนี่แน่ ขืนให้มันดูดเลือดทุก ๆ อาทิตย์แบบนี้มีหวังได้เป็นโรคโลหิตจางตายกันพอดีน่ะสิ… เรื่องให้เลือดน่ะเดี๋ยวฉันจะช่วยเบาแรงด้วยอีกคน”
“โมนิก้า นี่เธอติดเชื้อบ้ามาจากเจ้าลูกแกะจริง ๆ ด้วย” ฮิคาริพูดจาแซวใส่อย่างเอือมระอาพลางยกสองมือขึ้นกอดอก “ช่วยไม่ได้แฮะ ถ้างั้นฉันจะขอร่วมวงด้วยอีกคน อย่างน้อย ๆ เลวอนเองก็ถือเป็นลูกศิษย์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์ผู้สอนดาบอย่างฉันล่ะนะ”
“เพื่อความปลอดภัยของคุณเลวอนและโมนิก้า ฉันเองก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบในฐานะเพื่อนสนิทด้วยเช่นเดียวกันค่ะ” สเตฟาเนียเอ่ยอาสาอย่างไม่หวั่นเกรง “เพื่อไม่ให้คุณคิดทรยศความเชื่อใจของพวกเขา ฉันจะคอยเฝ้าระวังคุณแบบไม่ให้คลาดสายตาเลยล่ะ”
“น-นี่พวกเจ้าเสียสติไปแล้วรึไงกัน!?”
วลาดส่งเสียงตะลึงพรึงเพริด ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเหล่าบรรดาแม่มดสาวทั้งสี่จะมีจิตใจห้าวหาญเช่นนี้ วีรชนจอมดาบเวทผู้สูงส่งลังเลที่จะให้คำตอบต่อข้อเสนออันแสนหอมหวานในตอนนี้ เพราะภายในใจลึก ๆ กำลังนึกหวั่นเกรงถึงผลลัพธ์ที่อาจจะตามมาในอนาคต ทั้งเรื่องอายุขัยของเลวอน รวมถึงความรับผิดชอบในการปกป้องชีวิตของสหายพวกพ้อง
ทว่าถึงกระนั้นแล้ว…
“อย่าเข้าใจผิดไปเชียวล่ะ ที่พวกเราทำไปก็เพราะว่าอยากจะเอาชนะจอมมารไซตอนให้ได้เท่านั้น”
“ฉันเองก็ไม่อยากให้เจ้าลูกแกะต้องโดนคนอย่างนายหลอกใช้ประโยชน์แค่เพียงฝ่ายเดียวด้วย”
“เลิกทำเป็นเล่นตัวสักทีเถอะค่ะ ก่อนที่พวกเราจะเปลี่ยนใจคัดค้านข้อเสนอของโมนิก้าตอนนี้”
อาเธอเรีย ฮิคาริ และสเตฟาเนีย ต่างกล่าวถึงเหตุผลส่วนตัวตามลำดับ พลางขยับฝีเท้ายืนสมทบอยู่เคียงข้างโมนิก้า ช่วงวินาทีที่วลาดยังคงอ้ำอึ้งกับคำตอบซึ่งได้รับกลับมาจากพวกเธอ แม่มดสาวนักพยากรณ์ก็ได้สบโอกาสนี้เกริ่นชักชวนพ่อมดหนุ่มรูปงามต่อไป
“ในท้ายที่สุดแล้วคุณจำเป็นจะต้องมีพรรคพวก ไม่มีใครคนไหนเอาชนะจอมมารไซตอนเพียงลำพังได้ นอกจากจะต้องร่วมมือกัน ถ้าหากเลือดของฉันพอมีประโยชน์ที่จะโน้มน้าวให้คุณยอมรับคำขอร้องจากพวกเราได้ ฉันก็พร้อมที่จะสังเวยมันให้คุณค่ะ ขอเพียงแค่…”
โมนิก้าชะงักริมฝีปากคั่นบทสนทนาชั่วคราว เธอปิดเปลือกตาลงอย่างท่าทีสงบตามด้วยสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด ค่อย ๆ เบิกเนตรจับจ้องมองวลาดอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะเกริ่นคำขอร้องต่อเขาอีกครั้ง
“ได้โปรดอย่าทำให้คุณเลวอนต้องเจ็บปวดใจไปมากกว่านี้ เพียงเพราะการกระทำที่นอกลู่นอกทางของคุณเลยนะคะ”
“…ช่างเป็นเด็กสาวที่กล้าหาญมาก ข้าขอนับถือหัวใจเจ้าด้วยความสัตย์จริง”
ราชันผีดูดเลือดแสดงความรู้สึกที่มีต่อแม่มดสาวร่างอรชรออกมาผ่านถ้อยคำ โดยปราศจากท่าทีอันแข็งกร้าว น้ำเสียงของเขาฟังดูนุ่มลึกและแฝงไว้ซึ่งความนอบน้อม ก่อนจะทรุดตัวนั่งชันเข่าซ้ายลงบนผืนหญ้า และอยู่ห่างจากเบื้องหน้าเธอเพียงแค่เอื้อมมือเดียวเท่านั้น ประดุจม้าพยศที่ยอมก้มหัวศิโรราบต่อผู้เป็นนายอย่างแท้จริง
โมนิก้าไม่มัวรีรอช้าเสียเวลา เธอยื่นแขนซ้ายเข้าใกล้ใบหน้าวลาดเพื่อเริ่มต้นดำเนินพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ โดยมีฮิคาริ สเตฟาเนีย และอาเธอเรียร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ ถัดมายุวสตรีแห่งนักพยากรณ์จึงเริ่มเปล่งถ้อยวลีต่อเจ้าชายแห่งวาลาเคีย ด้วยอาการสงบเสงี่ยมและเปี่ยมล้นซึ่งพลังอำนาจดังนี้
“ด้วยหยาดโลหิตแห่งพันธสัญญาจากเราที่ท่านจักได้รับต่อไปนี้ จงถวายการรับใช้และเชื่อฟังคำสั่งเราถึงที่สุด จนกว่าชีวิตท่านจักถึงคราวดับสูญ ท่านจักยินยอมน้อมรับในพันธสัญญาจากเราหรือไม่?”
“วลาด แดรกคิวลา ขอยินยอมน้อมรับพันธสัญญาจากเจ้า”
วลาดให้คำมั่นต่อโมนิก้าอย่างไร้ซึ่งความลังเล ทันใดนั้นเองนัยน์ตาฝั่งขวาของบุรุษหนุ่มได้พลันแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีอำพัน คล้ายกับตอนที่เจ้าของร่างนี้ยังคงเป็นของ “เลวอน ทาวิเทียน” พ่อมดวัยเยาว์ผู้ใสซื่อบริสุทธิ์และแสนสุภาพ สเตฟาเนีย ฮิคาริ และอาเธอเรีย สังเกตเห็นถึงความผิดปกติดังกล่าวด้วยสีหน้าท่าทีประหลาดใจ ยกเว้นแม่มดสาวร่างบางผู้ซึ่งเป็นเจ้าของพันธสัญญาเท่านั้นที่ยังความสุขุมเยือกเย็น
เธอทราบดีว่าถ้าหากอีกฝ่ายเป็นเลวอน เขาคงต้องเข้าร่วมพิธีกรรมอันทรงเกียรตินี้ด้วยอย่างแน่นอน การที่ดวงตาข้างขวาเปลี่ยนเป็นสีดังเดิม นั่นหมายถึงเขาพยายามเข้าแทรกแซงการควบคุมร่างเพื่อให้ตนเองได้รับอิสระชั่วคราว หรือเป็นเพราะตัววลาดเองได้ยอมพ่ายแพ้ให้กับการตัดสินใจอันบ้าบิ่นของเด็กหนุ่ม จึงไม่อาจห้ามรั้งแรงปรารถนาอันสูงสุดนี้ได้อีก
วลาดนำมือข้างถนัดสัมผัสกับมือบางข้างซ้ายของโมนิก้าไว้ให้มั่น อ้าปากเผยเขี้ยวอันแหลมคม แล้วขบฟันลงที่ปลายนิ้วนางจนเลือดเริ่มไหลซิบ แม่มดสาวแสดงสีหน้าคิ้วขมวดหลับตาปี๋ด้วยความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านเข้ามาพลางแข็งเกร็งไปทั่วร่าง ทว่าเพียงแค่ไม่กี่อึดใจเดียวเธอกลับรู้สึกเสียวปนจักจี้ เมื่อเจ้าชายแห่งวาลาเคียใช้ปลายลิ้นอุ่น ๆ หนาสากโลมเลียบาดแผลตรงบริเวณดังกล่าวเพื่อลิ้มรสชาติโลหิตที่ขมฝาด
“ค… คุณเลวอน อย่าเลียแบบนั้นสิคะ อ๊าย~!”
หยาดน้ำลายสีใสชโลมไปทั่วปลายนิ้วนางข้างซ้าย ทำให้โมนิก้าหลุดเสียงครางเล็กน้อยทั้งน้ำตาคลอ เหล่าสามแม่มดสาวซึ่งจับจ้องมองดูเหตุการณ์ต่างพากันตกตะลึงปนความตื่นเต้น เนื่องจากพวกเธอไม่เคยพบเห็นสีหน้าที่ดูค่อนข้างลามกของเด็กสาวนัยน์ตาสีฟ้ามาก่อน ในขณะที่แวมไพร์หนุ่มเองก็เอาแต่เสพสุขกับความหวานฉ่ำแบบไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง
“S… Sanguinem Pactum (พันธสัญญาเลือด) ”
สิ้นเสียงคำร่ายเวทมนตร์ของโมนิก้า หยาดเลือดที่ไหลซิบออกมาจากบาดแผลนั้นก็ค่อย ๆ เรืองแสงเปล่งประกายดุจดั่งอัญมณี วลาดได้ใช้ปลายลิ้นตวัดรับของเหลวสีแดงฉานแล้วกลืนมันลงไป ทำให้ภายในร่างกายของพ่อมดหนุ่มรู้สึกอบอุ่นทั่วทุกสรีระ ก่อนที่รอยกัดตรงบริเวณนิ้วนางร่างอรชรเริ่มสมานตัว ด้วยคุณสมบัติพิเศษจากน้ำลายของเขาจนกระทั่งหายสนิท
เมื่อลิ้มรสจนสาแก่ใจแล้ว วลาดจึงถอนริมฝีปากออกจากปลายนิ้วอันเรียวงาม มองเห็นน้ำลายชุ่มเหนียวที่ยืดย้อยติดกับปลายลิ้นหนาของบุรุษรูปงาม ชวนให้ความรู้สึกสยิวไปจนถึงขั้วหัวใจ โมนิก้าตื่นเต้นใจสั่นสะท้านราวกับว่ามีอะไรบางอย่างจะระเบิดออกมาจากอก มิหนำซ้ำยังหายใจเหนื่อยหอบด้วยสีหน้าแดงก่ำชวนให้เข้าใจผิด
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้แทบไม่ต่างจากตอนที่ตนเองกำลังร่วมรักกับเลวอนเลย
ราชันผีดูดเลือดเงยศีรษะขึ้น สบสายตาจับจ้องมองเด็กสาวพร้อมด้วยรอยยิ้มจาง แล้วเอ่ยบทสนทนาสั้น ๆ ต่ออีกฝ่ายอย่างเอ็นดูเหลือล้น
“นอกจากสตรีผู้เป็นที่รักของข้าแล้ว มีเพียงแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ข้ายอมคุกเข่าให้”
“ล-แล้วทำไมต้องบอกให้ฉันรู้ด้วยล่ะคะ…!?”
โมนิก้าหน้าแดงแปร๊ด รีบสะบัดแขนซ้ายให้พ้นจากมือหนาของวลาดทันที สืบเนื่องจากอีกฝ่ายได้ใช้ร่างของเลวอนเป็นที่สิงสถิต ส่งผลทำให้เธอเกิดอารมณ์หวั่นไหวและเผลอคล้อยตามอย่างไม่ได้ตั้งใจ สเตฟาเนียที่เข้าใจถึงหัวอกของลูกผู้หญิงจึงเข้าไปโผกอดเพื่อนสนิทคนสำคัญเพื่อปลอบโยน พลางจ้องเขม็งใส่คู่กรณีอย่างเหยียดหยาม ฮิคาริเองก็คิ้วขมวดเพ่งเล็งใส่เขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ในขณะที่อาเธอเรียแอบส่งเสียงคิกคักในลำคออย่างชอบใจ
บัดนี้ “วลาดแห่งวาลาเคีย” ได้กลายมาเป็นพันธมิตรคนสำคัญของโมนิก้าและพรรคพวกโดยสมบูรณ์
MANGA DISCUSSION