สเตฟาเนียล้วงมือหยิบหลอดแก้วขนาดเล็กที่อยู่ในกระเป๋ากระโปรงฝั่งซ้ายขึ้นมาสองขวด ภายในนั้นบรรจุของเหลวสีชมพูกับสีม่วงอ่อนตามแต่ละชนิด ก่อนจะส่งมอบให้กับเลวอนพร้อมทั้งเกริ่นน้ำเสียงราบเรียบออกไป
“ขวดละสามร้อยโครูนาเช็ก สีชมพูคือยาเสน่ห์ สีม่วงคือยาถอนฤทธิ์ค่ะ”
“น… นี่อย่าบอกนะว่านายคิดจะเอายาเสน่ห์นั่นมาทดลองใช้กับพวกฉัน!?”
ยุวสตรีผมสีบลอนด์ทองซักถามอย่างกังขา โดยที่เธอและพรรคพวกต่างพากันหวาดระแวง ส่วนเลวอนหลังจากที่หยิบธนบัตรออกมาจ่ายให้แก่สเตฟาเนียพร้อมทั้งรับสินค้าจากอีกฝ่ายเสร็จสิ้น ก็ได้หันมาส่งยิ้มละมุนละไมต่อเหล่าสามแม่มดสาว แล้วเริ่มชี้แจงเหตุผลสั้น ๆ ด้วยท่าทีสุขุมใจเย็น
“สบายใจได้ ผมไม่ทำเรื่องพรรค์นั้นกับสุภาพสตรีหรอกนะครับ”
พูดจบเลวอนจึงเริ่มเปิดฝาหลอดยาออกทั้งสองชนิด เทของเหลวสีชมพูลงไปในอุ้งมือซ้ายเพียงหนึ่งหยด แล้วตามด้วยเหยาะของเหลวสีม่วงอ่อนในปริมาณที่เท่ากันเพื่อทำการทดลอง ทันทีที่น้ำสองสีหลอมรวมกันเป็นเนื้อเดียวกัน มันก็พลันระเหยกลายเป็นไอลอยขึ้นสู่อากาศ สร้างความประหลาดใจให้แก่เหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวแปลกหน้าพอสมควร
“ถ้าหากน้ำยาสองชนิดนี้เป็นของจริง ทั้งคู่จะทำปฏิกิริยาหักล้างกันอย่างที่เห็นครับ” พ่อมดหนุ่มให้คำอธิบายต่อสามนักเรียนสาว “และเมื่อลองนำยาคลายมนตร์สะกดป้ายใส่กับผู้ที่ต้องเสน่ห์ก็จะให้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าสเตฟก้าได้คลายมนตร์เสน่ห์ให้กับคนรักของพวกคุณแล้ว ผมจะใช้ยาถอนฤทธิ์ทามือพวกเขาให้ทุกคนได้เห็นเอง… ทั้งสามคนช่วยยื่นมือมาหาผมหน่อยสิครับ”
เลวอนหันไปขอร้องต่อสามวัยรุ่นชายซึ่งเป็นตัวปัญหาของเรื่องราวทั้งหมดนี้ ทว่า…
“ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งนายด้วยฟะ ก็ในเมื่อพวกเราเป็นฝ่ายบริสุทธิ์”
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอมแดงเกริ่นยอกย้อนเชิงปฏิเสธด้วยสีหน้าไม่รับบุญ
“นั่นสิ แถมฉันเองก็ไม่ได้โดนสเตฟาเนียป้ายยาเสน่ห์อะไรนั่นด้วย ยัยพวกนี้ก็แค่คิดมากไปเอง”
บุรุษหนุ่มผมสีนิลร่างสูงโปร่งกล่าวเฉไฉพร้อมมาดกวนโอ๊ย
“น่ารำคาญชะมัด อย่าทำให้เรื่องราวมันยุ่งยากมากไปกว่าเดิมสิ”
วัยรุ่นชายผมรากไทรสีเขียวกล่าวทักท้วงพลางจ้องเขม็งดูแคลนใส่เลวอน
ระหว่างนั้นเอง เหล่าแม่มดสาวซึ่งเป็นคนรักของสามพ่อมดหนุ่มต่างส่งสายตาดุดันคิ้วขมวดใส่ จนพวกเขานึกยำเกรงขึ้นมาโดยพลัน ก่อนจะยอมให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำขอจากเลวอนอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
เลวอนนำหลอดบรรจุของเหลวสีม่วงอ่อนหรือยาถอนเสน่ห์ เหยาะใส่ลงบนฝ่ามือของเหล่าพ่อมดหนุ่มคนละหนึ่งหยด แต่มันกลับไม่แสดงปฏิกิริยาให้เห็นแม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปราวสิบวินาทีก็ตาม เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มจึงเกริ่นแย้งขึ้นมาอย่างร้อนรนใจ
“ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่ใช่ว่านายแอบใช้คาถาทำให้มันระเหยไปเองหรอกเหรอ?”
“โธ่ ผมไม่เก่งพอที่จะทำแบบนั้นได้หรอกนะครับ… ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะทดสอบการใช้งานจริง ๆ ให้ดูเลยก็แล้วกัน”
พ่อมดหนุ่มรูปงามใช้ปลายนิ้วชี้ซ้ายจุ่มลงไปในขวดยาเสน่ห์ แล้วยกขึ้นมาดีดนิ้วให้หยาดหยดของเหลวสีชมพูกระเด็นใส่ยังร่างของบุรุษวัยเยาว์ผมสีดำขลับ อีกฝ่ายถึงกับส่งเสียงร้องโวยวายพร้อมทั้งแสดงอาการลนลานปนหวาดระแวงออกมา
“ฮ-เฮ้…! ทำบ้าอะไรเนี่ย เอาไปป้ายกับผู้หญิงสิฟะ นี่ฉันเป็นผู้ชายนะเฟ้ย!”
แม้แต่สหายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนอยู่เคียงข้างยังพลอยสะดุ้งตกใจรีบก้าวเท้าถอยหลัง ทว่าไม่นานนักกิริยาท่าทีของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป อารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่านเมื่อสักครู่นี้กลับดูสุขุมสงบลงอย่างน่าเหลือเชื่อไปเสียแล้ว
“…แต่จะว่าไปใบหน้าของนายก็ดูสวยเหมือนผู้หญิงดีนะ ชักเริ่มถูกใจนายเข้าซะแล้ว”
เด็กหนุ่มผู้ต้องมนตร์เสน่ห์สืบเท้าก้าวเข้าไปใกล้ ๆ ยกมือขวาขึ้นมาสัมผัสกับใบหน้าอันขาวเนียนประดุจผิวพรรณสตรีของเลวอน พลางทำท่าห่อริมฝีปากโน้มศีรษะหมายจะจุมพิตเขาอย่างเร่าร้อน
สามวัยรุ่นสาวซึ่งกำลังเฝ้ามองดูสถานการณ์อยู่เห็นดังนั้นจึงเริ่มออกอาการเขินอายปนรู้สึกตื่นเต้น ในขณะที่สองบุรุษมาดกวนโอ๊ยทำได้แค่เพียงอ้ำอึ้งปั้นสีหน้าไม่ถูกเท่านั้น
เลวอนถึงกับต้องรีบถอยกรูหลีกหนีจากการถูกจู่โจม ทว่าไม่ทันไรมือซ้ายของอีกฝ่ายก็พลันเข้ามาคว้ารอบเอว จนยากที่จะหาหนทางเอาตัวรอดได้อีก เขาเลยต้องแสดงกิริยาท่าทีล่อกแล่กลนลาน พร้อมทั้งหันไปซักถามต่อสเตฟาเนียอย่างรวดเร็ว
“ม-แม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองยังได้ผลเหรอเนี่ย!?”
“แน่นอนสิคะ ก็ยาเสน่ห์นี่นา… อุ๊บ…!”
แม่มดสาวเรือนผมสีส้มพยายามกลั้นเสียงหัวเราะในลำคอ ดูเหมือนเธอจะชอบใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่อาจปล่อยละเลยเรื่องนี้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน จึงอาศัยจังหวะนี้คว้าหลอดยาถอนเสน่ห์ที่อยู่ในมือเลวอน ใช้ปลายนิ้วชี้ขวาจุ่มลงยังภาชนะแก้วขนาดเล็กซึ่งบรรจุของเหลวสีม่วงอ่อน แล้วป้ายใส่หน้าผากเด็กหนุ่มผู้เป็นหนูทดลองโดยพลัน
พรืด…!
“อ๊ะ!?”
ไอน้ำกลุ่มหนึ่งได้ลอยออกมาจากศีรษะเป้าหมายก่อนจะจางหายไปในอากาศ ในที่สุดพ่อมดหนุ่มผมสีดำนิลก็ได้หลุดพ้นมนตร์สะกดจากยาเสน่ห์โดยสมบูรณ์ วินาทีที่รู้สึกตัวเขาจึงรีบชักมือผลักไหล่เลวอนให้ออกห่างจากตน พร้อมทั้งถอยหลังกรูอย่างตะลีตะลานทันที
“ล-แล้วทำไมฉันถึงได้ทำท่าจะเข้าไปจูบกับไอ้หมอนี่ด้วยล่ะเนี่ย น่าขนลุกเป็นบ้า!”
“ข… ขอบคุณนะที่เข้ามาช่วย เกือบจะได้เสียจูบให้กับผู้ชายซะแล้วสิ…”
เลวอนหันไปกล่าวต่อผู้มีพระคุณอย่างโล่งใจ สเตฟาเนียผงกศีรษะตอบรับด้วยสีหน้าราบเรียบตามปกติ หลังจากนั้นเด็กหนุ่มได้หันมาชี้แจงถึงข้อสรุปต่อเหล่าวัยรุ่นชายหญิงด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“อย่างที่ทุกคนเห็นเมื่อสักครู่ ผมได้ใช้ยาถอนเสน่ห์ใส่พวกเขาแต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นั่นหมายความว่าสเตฟก้าได้คลายมนตร์สะกดไปแล้วจริง ๆ แถมตอนที่ผมทดลองป้ายยาเสน่ห์ใส่ผู้ชายคนนี้ โดยที่สเตฟก้าเป็นคนคลายฤทธิ์ให้เอง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่ามันมีผลเฉพาะแค่ความหลงใหลเท่านั้น
เพราะงั้นผมอยากให้ทุกคนเลิกแล้วต่อกัน ผมเข้าใจว่าสิ่งที่สเตฟก้าทำลงไปถือเป็นเรื่องไม่สมควร แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังรู้จักสำนึกผิดโดยทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม… ในเมื่อคนรักของพวกคุณไม่ได้ต้องมนตร์เสน่ห์อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นได้โปรดอย่าด่าทอสเตฟก้าอีกเลยนะครับ ผมขอร้องล่ะ…!”
เลวอนพลันโค้งตัวก้มศีรษะเพื่อร้องขอความเมตตาจากเหล่าสามแม่มดสาว ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับประหลาดใจเล็กน้อยพลางทำตัวไม่ถูก สเตฟาเนียซึ่งยืนอยู่เคียงข้างเห็นดังนั้นจึงรีบเอื้อมสองมือบางหมายจะประคองไหล่ห้ามปรามเขา แต่เธอกลับยั้งมือเอาไว้พลางกำหมัด และจำใจยอมรับความปรารถนาดีจากอีกฝ่ายโดยดุษณี
แม่มดสาวเจ้าของเรือนผมสีส้มจับจ้องมองเลวอนพร้อมด้วยรอยยิ้มเศร้าสร้อยเพียงครู่หนึ่ง เธอทั้งรู้สึกดีใจและเสียใจที่เขาได้เข้ามาปกป้องคอยยืนหยัดอยู่เคียงข้างตนในยามลำบาก แม้ว่าลึก ๆ แล้วเธอไม่ต้องการให้อีกฝ่ายยุ่งเกี่ยวจนพลอยโดนตราหน้าไปด้วยอีกคน
เพื่อไม่ให้เป็นการหักหน้าหรือทำลายความมุ่งมั่นของพ่อมดหนุ่มผู้สุภาพ สเตฟาเนียจึงตัดสินใจโค้งศีรษะให้แก่เหล่าสามแม่มดสาว แล้วเริ่มกล่าวถ้อยคำสำนึกผิดออกมาอย่างใจจริง
“ต้องขอโทษพวกคุณทุก ๆ คนด้วยนะคะ ขอให้สัญญาว่านับจากนี้เป็นต้นไปฉันจะไม่ก่อเรื่องตามอำเภอใจหรือสร้างความเดือดร้อนให้อีก ถ้าหากยังไม่พอใจหรืออยากให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายอะไรก็บอกมาได้เลยค่ะ ฉันยินดี”
“ช… ช่างมันเถอะ คราวหน้าก็อย่าได้ทำอะไรแผลง ๆ อีกล่ะ”
“ฉันเองก็ผิดเหมือนกันที่พูดจาไม่ดีใส่เธอ ถือว่าเลิกแล้วต่อกันนะ”
“ขอโทษด้วยที่เข้ามารบกวนเวลางานของพวกเธอ ไว้เดี๋ยวพวกเราจะสะสางเรื่องนี้กันต่อเอง”
เด็กสาวร่างเล็กผมสีน้ำตาลเข้ม แม่มดสาวเรือนผมสีบลอนด์ทอง และยุวสตรีผมสีม่วงอ่อน ตอบรับอย่างท่าทีใจอ่อน อารมณ์โทสะที่พวกเธอมีให้ต่อคู่กรณีได้บรรเทาลงไปบ้างแล้ว ถัดมาเลวอนและสเตฟาเนียได้เงยศีรษะขึ้นในท่ายืนปรกติ โดยที่บุรุษหนุ่มเกริ่นร้องขอไปดังนี้
“ผมเข้าใจว่าพวกคุณอาจมองสเตฟก้าในแง่ลบเนื่องจากข่าวลือต่าง ๆ รวมถึงการกระทำบางอย่างที่ไม่เหมาะสม แต่สำหรับผมที่ได้ใกล้ชิดและเป็นเพื่อนกับสเตฟก้ามาสักระยะหนึ่งแล้ว เธอไม่ใช่เด็กสาวอย่างว่าเหมือนอย่างที่ใครหลาย ๆ คนเขานินทากัน ถึงแม้ปากคอเราะรายชอบพูดจาขวานผ่าซากไปบ้าง แต่โดยเนื้อแท้แล้วเธอไม่ใช่คนที่มีนิสัยเลวร้ายหรอกนะครับ
อีกอย่างผมไม่ได้โดนสเตฟก้าหว่านเสน่ห์จนกลายมาเป็นทาสรับใช้ แต่เป็นเพราะว่าเธอเคยช่วยชีวิตผมถึงสองครั้งในฐานะเพื่อนสนิทโดยไม่ที่หวังผลตอบแทนต่างหาก เพราะงั้นผมถึงยอมเสี่ยงตัวเองเข้ามาเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเธอ เป็นไปได้รบกวนช่วยหยุดกระจายข่าวลือที่อาจทำให้ชื่อเสียงของสเตฟก้าเสียหายด้วยนะครับ…
ถ้าเช่นนั้นพวกเราขอตัวทำงานต่อ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีครับ”
เลวอนเผยรอยยิ้มใสซื่อปิดท้ายบทสนทนา สเตฟาเนียแสดงอาการตาโตแปลกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าแย้มสรวลมุมปากพลางจับจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยความตื้นตันใจ เหล่านักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายทั้งสามคนเองก็พลอยตกอยู่ภายใต้มนตร์เสน่ห์ของเขาไม่ต่างกัน แม้เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ตาม
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเธอจึงปราศจากข้อสงสัยคาใจอีกต่อไป
“เพิ่งเคยเห็นหล่อนแสดงสีหน้าท่าทีแบบนั้นออกมาก็วันนี้แหละ ปกติชอบทำตัวเย็นชาใส่คนอื่นแท้ ๆ”
“แถมสายตาของเธอตอนที่จ้องมองดูเด็กหนุ่มคนนี้เอง ก็ต่างจากตอนที่จ้องเขม็งใส่ผู้ชายคนอื่น ๆ ลิบลับเลย”
“อย่าบอกนะว่าผู้ชายที่สเตฟาเนียแอบสนใจอยู่จะเป็น…”
ในระหว่างที่เด็กสาวร่างเล็กผมสีน้ำตาลเข้ม แม่มดสาวเรือนผมสีบลอนด์ทอง และยุวสตรีผมสีม่วงอ่อน กำลังจับกลุ่มซุบซิบกันด้วยความอัศจรรย์ใจ เหล่าบรรดาสามพ่อมดหนุ่มซึ่งเป็นคนรักของพวกเธอก็ได้อาศัยจังหวะนี้ เคลื่อนเท้าหนีออกจากพื้นที่ดังกล่าวอย่างเงียบเชียบ
——ปึ้ด…!
ทว่าพวกเธอกลับไหวตัวทัน รีบวิ่งเข้าไปฉุดดึงใบหูพวกเขาแบบไม่ยั้งมือพร้อมทั้งส่งเสียงดุใส่ทันที
“คิดหนีงั้นเหรอ มาเคลียร์ให้รู้เรื่องกันก่อนสิยะว่านายไปแอบถ่ายรูปสเตฟาเนียตั้งแต่เมื่อไหร่!?”
“หน็อยแน่ ไอ้เราก็นึกว่านายดันหลงเสน่ห์สเตฟาเนียเพราะฤทธิ์ยาแท้ ๆ เชียว!”
“ที่แท้ก็รวมหัวกันหลอกพวกเรา แล้วแอบไปทำเรื่องลามกกับหล่อนงั้นสินะ!”
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอมแดง บุรุษวัยเยาว์ร่างสูงโปร่ง และวัยรุ่นชายผมสีเขียวทรงรากไทร ต่างพากันร้องโอดครวญดิ้นพล่านเจ็บแปลบ มิหนำซ้ำยังโบ้ยความผิดให้กันโดยไม่ยอมกล่าวคำสารภาพ แม้นจะโดนจับได้แบบคาหนังคาเขาก็ตาม
“โอ๊ย!? ฉันเปล่าถ่ายรูปสเตฟาเนียนะ ก็บอกแล้วไงว่าไอ้หมอนี่มันส่งรูปมาให้ฉันทางมือถือ!”
“อย่ามาใส่ความฉันสิ อีกอย่างคนที่ชักชวนให้ฉันไปหาสเตฟาเนียก็คืออเล็กซ์ นายต่างหาก!”
“จะบ้ารึไง พวกแกสองคนไม่ใช่เรอะที่บอกว่ายัยนั่นเป็นผู้หญิงอย่างว่า แล้วก็มาชักชวนฉันน่ะ!?”
ท่ามกลางเสียงทะเลาะเบาะแว้งของเหล่าหกหนุ่มสาววัยรุ่นซึ่งอุบัติขึ้นอย่างอลหม่าน เลวอนแอบฉวยโอกาสนี้รีบคว้าข้อมือซ้ายสเตฟาเนีย ชักจูงพาเธอเดินออกห่างจากพื้นที่ดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ตนเองต้องกลายเป็นเป้าสายตาของบรรดาพ่อมดแม่มดฝึกหัด ที่กำลังยืนมุงดูเหตุการณ์นี้อยู่บนทางเดินระเบียงชั้นสี่
“ตอนนี้แหละ รีบไปกันเถอะ”
“ค… ค่ะ”
แม่มดสาวเจ้าของเรือนผมสีส้มหาได้ขัดขืนแต่อย่างใด เธอเร่งฝีเท้าตามบุรุษหนุ่มจอมดาบเวทด้วยสีหน้าราบเรียบปนประหลาดใจเล็กน้อย พลางจับจ้องมองดูแผ่นหลังเขาอยู่พักหนึ่งโดยที่ไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบข้างใด ๆ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าอีกฝ่ายได้พาตนมายังเส้นทางบันไดหนีไฟชั้นที่สี่ อันเป็นมุมอับสายตาและเงียบสงบ ปราศจากสิ่งรบกวนเข้าให้เสียแล้ว
********************
เลวอนถอนหายใจโล่งอกพลางนำแผ่นหลังแนบชิดกำแพง หลังจากที่เขาและสเตฟาเนียถึงที่หมายแล้ว ก่อนจะเกริ่นน้ำเสียงพึมพำออกมาสั้น ๆ
“ฟู่… ในที่สุดก็เคลียร์ปัญหาได้สักที”
“ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาช่วยฉัน แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้รุ่นพี่ลำบาก ทั้งที่เรื่องนี้ฉันควรรับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียวแท้ ๆ …เพราะงั้นฉันขอนำเงินที่ได้มาคืนให้กับคุณค่ะ”
สเตฟาเนียกล่าวถ้อยคำซาบซึ้งใจ หยิบธนบัตรที่ได้รับมาจากเลวอนส่งคืนให้แก่อีกฝ่านโดยไม่นึกเสียดาย พ่อมดหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรีบส่งเสียงห้ามปรามเธออย่างลนลาน
“ม-ไม่ได้นะ ของซื้อของขายทั้งที อย่าคืนเงินให้ลูกค้าง่าย ๆ แบบนี้สิ…!
“ยังไงซะรุ่นพี่ก็คงไม่คิดที่จะใช้ยาเสน่ห์ป้ายใส่สาว ๆ อยู่แล้วใช่ไหมล่ะคะ? อีกอย่างความช่วยเหลือที่ฉันได้รับมาจากคุณครั้งนี้มีค่ามากยิ่งกว่าเงินทองเสียอีก ดังนั้นช่วยเก็บเอาไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็นเถอะนะคะ”
“เข้าใจแล้ว ในเมื่อสเตฟก้าพูดแบบนั้น ถ้างั้นผมขอรับเงินคืนล่ะนะ”
เลวอนยอมทำตามคำขออย่างดุษณี หลังจากนึกไตร่ตรองด้วยความเกรงใจเพียงประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วนำเงินที่ได้รับเก็บใส่ลงในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต ในระหว่างนี้เด็กสาวจ้าวเสน่ห์ก็ได้เอ่ยปากกล่าวข้อเสนอบางอย่างพร้อมด้วยรอยยิ้มอันแสนละมุน
“เพื่อตอบแทนในน้ำใจ ครั้งนี้ฉันจะยอมทำตามคำขอของคุณ ถ้าหากรุ่นพี่ต้องการสิ่งใดก็บอกมาได้ทุกเมื่อเลยค่ะ”
“อะไรกัน ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นี่นา…”
เลวอนไม่กล้ารบกวนเธอมากนัก แต่เนื่องจากเขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกผิดหวัง จึงทำท่าทีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วเริ่มเสนอคำร้องขอออกไปดังนี้
“เข้าใจแล้ว พรุ่งนี้สเตฟก้าช่วยทำข้าวกล่องมาให้ผมทานหน่อยสิ ผมอยากจะลองชิมอาหารฝีมือเธอดูสักครั้งน่ะ”
“เห… มักน้อยจังเลยนะคะ นึกว่าจะขออะไรที่มากกว่านั้นเสียอีก… ถ้างั้นเป็นอันตกลงค่ะ”
ยุวสตรีลากเสียงพอประมาณ แม้นว่าสีหน้าจะดูราบเรียบราวกับตุ๊กตา ทว่าภายในใจนั้นกลับแอบนึกเสียดายเล็กน้อย เพราะคาดหวังเอาไว้ว่าอีกฝ่ายจะชักชวนตนทำเรื่องสนุก ๆ ตามประสาคู่รักทั่วไป ส่วนบุรุษหนุ่มส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเริ่มต้นบทสนทนาถึงประเด็นสำคัญ
“หลังจากนี้ข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ ของสเตฟก้าคงจะซบเซาลงไปได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นคราวหน้าก็อย่าได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นอีกนะ วันไหนที่เธอคิดค้นยาชนิดใหม่ขึ้นมาได้และต้องการหาอาสาสมัครมาทดลองจริง ๆ ถึงตอนนั้นผมจะเป็นผู้ช่วยให้เธอเอง”
สเตฟาเนียสบสายมองเขาอย่างตกตะลึงภายใต้ใบหน้าอันแสนเย็นชา ในขณะที่ภายในใจกลับผุดอารมณ์เศร้าหมองขึ้นมาเสียกระนั้น ดูเหมือนเธอจะตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้แล้ว ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงกล้าเสนอตัวต่องานที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้
“รับทราบค่ะ เพื่อเห็นแก่รุ่นพี่เลวอนแล้วฉันจะยอมทำตามที่คุณบอก แต่ก่อนอื่น…”
ขณะเดียวกันแม่มดสาวนัยน์ตาสีส้มขยับฝีเท้าเข้าใกล้เลวอน เอื้อมสองมือบางโอบกอดต้นคอร่างแกร่งอย่างหลวม ๆ แล้วกดโน้มศีรษะเขาลงมาให้ใบหน้าซบบนกลางอกตน เด็กหนุ่มซึ่งตกอยู่ในสภาพดังกล่าวจึงรีบเงยหน้ามองดูเธอ โดยที่สองแก้มแดงระเรื่อด้วยความเหนียมอายปนประหลาดใจ
“ส-สเตฟก้า…!?”
MANGA DISCUSSION