“ว่าไงนะ!?”
วัตสัน อิทสึกิ และฮิคาริ ส่งเสียงประหลาดใจอย่างพร้อมเพรียง แล้วรีบหันหน้ามองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เลวอนซึ่งปลีกวิเวกอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลมากนัก ได้ยินคำอุทานดังกล่าวจึงพลอยแลสายตาตามไปด้วย ทว่าไม่ทันไรพ่อมดหนุ่มนักปรุงยาก็เริ่มเกริ่นแย้งขัดคอหลังจากฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“อ๋อ… ช่างเถอะ คงน่าจะเป็นเพราะเรื่องพรรค์นั้นเหมือนอย่างที่ผ่าน ๆ มานั่นแหละ”
“หมายความว่ายังไง?” ฮิคาริหันไปซักถามด้วยความใคร่รู้
“ท่านสเตฟาเนียมักจะมีปัญหากับผู้หญิงคนอื่น ๆ เพราะข่าวลือเรื่องที่เธอคบซ้อนกับผู้ชายที่มีแฟนแล้วน่ะขอรับ แถมยังเคยใช้ยาเสน่ห์ทดลองใส่กับผู้ชายหลายคนเพื่อเตรียมวางขายอีกด้วย ถึงจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำตั้งแต่แรกแล้วก็เถอะ”
เทพสุนัขหนุ่มกล่าวอธิบายแทนวัตสัน ฮิคาริที่ได้รับทราบความจริงถึงกับผวาเล็กน้อย
“ย… ยัยนั่นทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย?”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะขอรับ ท่านสเตฟาเนียได้ใช้ยาถอนเสน่ห์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเป็นเด็กสาวเนื้อหอมตามธรรมชาติอยู่ดี หากจะมีผู้ชายคอยตามติดก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกขอรับ”
“และนั่นก็ทำให้พวกสาว ๆ ซึ่งเป็นแฟนของเหล่าเด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายจากการทดลองดังกล่าว ต้องตามมาโวยวายกับสเตฟก้าอย่างที่เห็น แย่ไปกว่านั้นคือเด็กผู้หญิงบางกลุ่มที่ไม่พอใจในตัวยัยนั่น ดันปลุกปั่นสร้างข่าวเท็จขึ้นมาว่าเธอเป็นสาวอย่างว่าชอบล่อลวงผู้ชายไปเล่นสนุกแบบไม่ขาดสาย… เพราะงั้นนะฮิคาริ ถ้าเธอยังไม่อยากโดนเหมารวมว่าเป็นพวกเดียวกันกับสเตฟก้าก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยหรอก ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบใจเรื่องข่าวลือที่ว่านั่นก็เถอะ”
วัตสันกล่าวเสริมพลางกำหมัดแน่นเล็กน้อย โดยที่สีหน้าแสดงออกถึงความกังวล ฮิคารินึกลังเลใจสักพักหนึ่งก่อนจะปฏิบัติตามถ้อยคำปรารถนาดีจากอีกฝ่าย เพราะตัวเธอในฐานะคนของตระกูลฮาชิสึเมะเอง ก็ไม่อยากให้มีเรื่องฉาวโฉ่มาคอยทำลายชื่อเสียงของตนด้วยเช่นเดียวกัน
ทว่าเวสน่ากลับแสดงความเห็นแย้งขึ้นมาอย่างสลดใจ
“แต่เราก็ไม่ควรปล่อยให้คุณสเตฟาเนียต้องโดนตำหนิเพราะข่าวลือนะคะ ต่อให้สิ่งที่เธอทำอยู่จะเป็นเรื่องที่ผิด แต่เราก็ควรให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ถ้าไม่รีบเข้าไปช่วยเธอตอนนี้แล้วเมื่อไหร่ปัญหามันจะจบกันล่ะคะ!?”
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านซิสเตอร์ดีขอรับ แต่ทุกครั้งที่พวกข้ายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ท่านสเตฟาเนียก็มักจะปฏิเสธน้ำใจไม่ขอให้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเสมอ…” อิทสึกิชี้แจง
“นั่นเป็นเพราะเธอไม่อยากให้พวกเราต้องโดนเหมารวมว่าเป็นคนไม่ดีไปด้วยยังไงล่ะคะ ในเมื่อพวกคุณไม่กล้า ถ้างั้นฉันจะขอเป็นคนเข้าไปไกล่เกลี่ยในฐานะเพื่อนเอง!”
นักพรตสาวพูดจบจึงพลันก้าวเท้าเตรียมมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุ เลวอนแอบแย้มสรวลมุมปากเล็กน้อยหลังจากที่ตนมองเห็นถึงความมุ่งมั่นของเวสน่าเมื่อสักครู่ ก่อนจะนำไม้ม็อบวางพิงผนังกำแพงแล้ววิ่งตามหลัง พร้อมเอื้อมแขนคว้าข้อมือเธอเพื่อฉุดรั้งเอาไว้ อีกฝ่ายรีบหันมาจับจ้องมองเขาพลางชะงักฝีเท้าด้วยความประหลาดใจทันที
“ค-คุณเลวอน?”
“ให้ผมจัดการเรื่องนี้แทนเถอะ เพราะผมเองก็ไม่อยากให้ซิสเตอร์ต้องด่างพร้อยเพราะข่าวลือนั่นด้วย อีกอย่างผมดีใจมากเลยล่ะที่คุณกล้าหาญเพื่อพวกพ้องถึงขนาดนี้… เพราะงั้นได้โปรดช่วยรออยู่ตรงนี้ไปก่อนนะครับ”
“เข้าใจ… แล้วค่ะ”
เวสน่าตอบรับคำขออย่างว่าง่ายโดยที่สองแก้มแดงระเรื่อ เลวอนค่อย ๆ คลายมือออกจากแขนเรียวบางพร้อมทั้งแย้มสรวลละมุนละไมให้แก่เธอ แล้วก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังจุดเกิดเหตุแทน แม่ชีวัยเยาว์จึงทำได้แค่เพียงจับจ้องมองแผ่นหลังเขาด้วยความหลงใหลเท่านั้น จนไม่อาจฝืนสะกดรอยยิ้มจาง ๆ ได้อีกต่อไป
“ฮึ ให้ตายสิเจ้าลูกแกะบ้า ทำตัวเป็นพระเอกในการ์ตูนโชเน็นไปได้” ฮิคาริบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยพึงพอใจสักเท่าไหร่ พลางเมินใบหน้าหันไปทางอื่นพอประมาณ
“เห็นหน่อมแน้มแบบนั้น แต่ความกล้าหาญของหมอนั่นถือเป็นจุดแข็งที่สุดเชียว ฉันล่ะยอมใจจริง ๆ” วัตสันยิ้มเฝื่อนด้วยความรู้สึกละอายใจตนเอง
“ก็เพราะแบบนี้ข้าถึงภูมิใจที่ได้เป็นสหายของท่านเลวอนยังไงล่ะขอรับ ตอนนี้พวกเราคอยดูท่าทีกันก่อนดีกว่า ถ้าหากสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยสู้ดี ถึงตอนนั้นข้าจะรีบเข้าไปสมทบกับพวกเขาเอง… ว่าแต่ท่านฮิคาริดูท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์เลยนะขอรับ มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
อิทสึกิหันไปซักถามฮิคาริด้วยความสงสัย ทว่าซามูไรสาวกลับปิดปากเงียบไม่ยอมให้คำตอบใด ๆ พลางแอบนึกครึ้มน้อยอกน้อยใจอยู่เพียงลำพัง
จะให้ฉันชอบใจได้ยังไงกันล่ะ ก็ในเมื่อหมอนั่นเอาอกเอาใจสเตฟาเนียถึงขนาดนี้…!
สิ่งที่ฮิคาริคิดอยู่ภายในใจนั้นไม่ใช่เพียงเพราะความรู้สึกหึงหวงหรือริษยา แต่เป็นเพราะเธอนึกห่วงถึงสภาพจิตใจของเลวอนต่างหาก มิหนำซ้ำยังแอบหวั่นเกรงอีกว่าเขาอาจต้องถูกสเตฟาเนียหว่านเสน่ห์ แล้วโดนอีกฝ่ายหลอกใช้เพื่อผลประโยชน์บางอย่างในภายภาคหน้า เหมือนเหล่าวัยรุ่นชายคนอื่น ๆ อย่างแน่นอน
เนื่องจากฮิคาริล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของสเตฟาเนีย จึงอดมองโลกในแง่ร้ายไม่ได้ว่า เด็กสาวผู้ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาอย่างบุตรีแห่งไซตอนคนนี้ แอบมีจุดประสงค์ร้ายอะไรซ่อนเร้นอยู่หรือเปล่า
พร้อมทั้งเกิดคำถามคาใจขึ้นมาว่า เพราะเหตุใดคนที่มีพลังแข็งแกร่งทัดเทียมระดับจอมมารอย่างสเตฟาเนียนั้น ถึงได้ตัดสินใจมอบความช่วยเหลือให้แก่เหล่ามวลมนุษย์ มากกว่าที่จะสนับสนุนราชันแห่งปีศาจผู้ซึ่งเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของตน
********************
“ยัยคนน่ารังเกียจ คิดจะรั้งแฟนฉันไปถึงเมื่อไหร่กัน รีบใช้คาถาถอนเสน่ห์ให้เขาเดียวนี้!”
“แย่งแฟนชาวบ้านเพื่อมาสนองความใคร่ตัวเองมันน่าภาคภูมิใจนักรึไง!?”
“อยากทำตัวเป็นผู้หญิงอย่างว่ามากนักก็เชิญ แต่อย่ามาโปรยเสน่ห์ใส่แฟนฉันจะได้ไหม!?”
เสียงด่าทอของเหล่านักเรียนหญิงทั้งสามคนดังขึ้น ณ บริเวณทางเดินระเบียงหน้าห้องน้ำหญิงชั้นที่สี่ ภายในอาคารปราสาทสีขาว โดยที่สเตฟาเนียตกเป็นเป้าหมายของเหตุการณ์ในครั้งนี้ ส่วนเหล่าบรรดาสามหนุ่มซึ่งเป็นแฟนของผู้เสียหายเอง ต่างก็มีปากเสียงคอยโยนความผิดให้กันเนื่องจากถูกลากเข้ามาพัวพันด้วย
“โอ๊ยเจ็บเจ็บเจ็บ อย่าดึงหูฉันแรงสิ นี่ฉันไม่ได้โดนยาเสน่ห์จากสเตฟาเนียสักหน่อย ที่เธอเห็นภาพแอบถ่ายของยัยนี่จากมือถือฉันก็เพราะไอ้สองคนนี้มันส่งรูปมาให้ต่างหาก!”
“ไม่ใช่เฟ้ย คนที่ส่งรูปมาตั้งแต่แรกคือไอ้หมอนี่ต่างหาก ฉันไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วย!”
“จะบ้ารึไง ไม่ใช่แกหรอกเหรอที่เป็นคนบอกว่าสเตฟาเนียคือสาวขายบริการน่ะ!?”
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นจุดสนใจของเหล่านักศึกษาทุกชั้นปีซึ่งสัญจรไปมา ทว่าสเตฟาเนียยังคงก้มหน้าก้มตาใช้ไม้ม็อบถูพื้นต่อไปแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว โดยที่เธอให้คำอธิบายต่อหกวัยรุ่นชายหญิงด้วยความใจเย็น
“ฉันได้ใช้ยาถอนเสน่ห์คลายฤทธิ์ให้กับผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ อีกอย่างเดิมทีแฟนของพวกคุณเองต่างหากที่เป็นฝ่ายตามตื๊อฉันไม่เลิกเพราะข่าวลือชวนเข้าใจผิด ถ้าจะให้พูดแบบไม่เกรงใจกันเลยล่ะก็ ทั้งแฟนของพวกคุณและพวกผู้ชายในหมู่บ้านนี้ต่างก็ไม่ได้ตรงสเปคฉันเลยสักนิดเดียว”
แม้นจะเป็นถ้อยคำที่ทำให้เหล่าบุรุษแปลกหน้ารู้สึกเสียดแทงใจดำ ทว่าบรรดาแฟนสาวของพวกเขาหาได้ยอมเลิกราแต่โดยดี และยังคงส่งเสียงตวาดใส่สเตฟาเนียต่อไปด้วยแรงบันดาลโทสะ
“ถ้าไม่หลงโดนยาเสน่ห์เข้าจริง แล้วทำไมแฟนฉันถึงต้องออกมาปกป้องหล่อนขนาดนี้ด้วย!?”
“รีบ ๆ คลายเสน่ห์แฟนฉันสักที ไม่งั้นฉันจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องศาสตราจารย์ยาโรสลาฟ!”
“ระวังไว้ให้ดีเถอะ ขืนยังทำตัวนิสัยเสียคอยมั่วกามกับผู้ชายคนอื่น ๆ อยู่แบบนี้ สักวันหนึ่งหล่อนอาจท้องโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กแน่ หัดมีจิตสำนึกหรือยางอายเสียบ้างสิ!”
แม่มดสาวเจ้าของเรือนผมสีส้มถึงกับถอนหายใจเอือมระอา สองมือที่กำไม้ถูพื้นได้หยุดชะงักแน่นิ่ง ก่อนจะเงยศีรษะขึ้นมาสบตามองทุกคนด้วยสีหน้าแววตาราบเรียบ ทั้งที่ภายในใจนั้นแอบรู้สึกเจ็บปวดต่อถ้อยคำรุนแรงพอสมควร จากนั้นเกริ่นน้ำเสียงนุ่มลึกฟังดูสุขุมไปตามปกติ
“ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์เป็นห่วงกลัวว่าฉันจะท้องไม่มีพ่อนะคะ แต่ฉันดูแลตัวเองได้ ที่สำคัญฉันแอบมีคนที่สนใจอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ฉันเคยใช้ยาเสน่ห์แอบทดลองใส่พวกผู้ชายนั้น ทางนี้รู้สึกสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ต้องขอโทษทุกคนด้วย
แต่ถ้าหากยังข้องใจเรื่องที่ฉันป้ายยาเสน่ห์ใส่คนรักของพวกคุณอยู่ล่ะก็ รบกวนช่วยนัดเจอกันอีกทีหลังเลิกเรียนจะได้ไหมคะ ฉันสัญญาว่าจะใช้ยาถอนฤทธิ์เพื่อพิสูจน์ให้เห็นเอง เพราะขืนยังดื้อดึงต่อไปแบบนี้เกรงว่าฉันจะทำความสะอาดไม่แล้วเสร็จ และตอนนี้ทุกคนเองก็กำลังเหยียบพื้นที่ที่ฉันกำลังถูอยู่ด้วย… ถึงฉันจะไม่มีสิทธิ์พูดจาสั่งสอนแต่ได้โปรดช่วยนึกละอายใจกันสักหน่อยเถอะค่ะ”
“หน็อยแน่ยัยนี่!”
ด้วยวาจายอกย้อนที่ออกมาจากปากสเตฟาเนีย นักเรียนสาวผมยาวสลวยสีบลอนด์ทองเลยมิอาจสะกดกลั้นอารมณ์โกรธแค้นได้อีกต่อไป เธอก้าวเท้ามุ่งเข้าไปใกล้ ๆ ง้างมือขวาขึ้นหมายจะตบหน้าอีกฝ่าย เพื่อระบายความอัดอั้นทั้งหมดที่มีอยู่ในคราเดียว
เพียะ!
ทันใดนั้นเอง เลวอนพลันวิ่งเข้าแทรกระหว่างกลางคอยขัดขวาง ยกมือซ้ายขึ้นมาตั้งฉากรับการโจมตีจากเด็กสาวผมสีบลอนด์ทอง ส่วนมือข้างถนัดได้ผลักเข้าที่กลางอกของสเตฟาเนียเพื่อให้เธอหลบพ้นระยะ สร้างความประหลาดใจต่อทุกคนที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก
“พอได้แล้วทุกคน อย่าถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยนะครับ”
“น… นี่นายเป็นใครกันยะ ทำไมถึงเข้ามายุ่งเรื่องของพวกเรา…!? อ๋อ คงจะเป็นทาสเสน่ห์คนใหม่ที่กำลังหลงใหลยัยนี่แบบหัวปักหัวปำงั้นสิถึงได้วิ่งแจ้นเข้ามาปกป้อง!” แม่มดสาวผมสีบลอนด์ทองพูดประชดประชัน รีบก้าวเท้าถอยหลังชักมือบางเข้าหาตัวด้วยความตื่นตระหนก
“ถึงพวกคุณจะทำเรื่องหยาบคายต่อฉันได้ แต่ก็ไม่ควรด่วนตัดสินเพื่อนฉันแบบนี้นะคะ เขาไม่ใช่ทาสเสน่ห์สักหน่อย”
สเตฟาเนียรีบโต้แย้งใส่ด้วยสีหน้าคิ้วขมวด น้ำเสียงของเธอฟังดูแข็งกร้าวชัดเจนเนื่องจากไม่พอใจอีกฝ่ายที่พูดจาดูถูกเลวอนเพียงเพราะเขาเข้ามาห้ามปราม ทว่าไม่นานนักท่าทีของเด็กสาวเริ่มเปลี่ยนไป พร้อมทั้งก้มลงมองดูหน้าอกตัวเองเพียงชั่วขณะ หลังจากนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อสักครู่นี้ตนนั้นถูกมือหนาของเขาต้องสัมผัสตรงบริเวณดังกล่าวเข้าอย่างจัง แม้ว่าทางนั้นจะไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงก็ตาม
หลังจากนั้นเลวอนจึงเริ่มชี้แจงต่อทุกคนด้วยน้ำเสียงและท่าทีสุภาพ
“ผมเป็นเพื่อนของสเตฟก้าครับ ที่ทำแบบนั้นก็เพราะไม่อยากให้ทุกคนต้องมาก่อเรื่องในสถานศึกษาก็เท่านั้นเอง… ไม่ทราบว่าเธอได้สร้างปัญหาอะไรไว้ให้กับพวกคุณรึเปล่า ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับ เผื่อจะได้ช่วยหาทางออกร่วมกัน”
“ก็ยัยนี่ใช้ยาเสน่ห์ล่อลวงแฟนฉันน่ะสิ!” ยุวสตรีผมสีน้ำตาลเข้มชี้นิ้วไปยังสเตฟาเนียด้วยสีหน้าไม่รับบุญ “ฉันขอให้หล่อนใช้ยาถอนฤทธิ์เพื่อให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่กลับโกหกหน้าด้าน ๆ ว่าตัวเองได้คลายมนตร์สะกดไปตั้งนานแล้ว!”
“ถ้าหากหล่อนใช้น้ำยาคลายมนตร์เสน่ห์ให้แล้วจริง ๆ เจ้าพวกนี้ก็คงไม่นอกใจฉันกับเพื่อน ๆ จนไล่ตามตื๊อผู้หญิงของนายหรอก ไม่รู้รึไงว่ายัยนี่มีนิสัยชอบอ่อยผู้ชาย!?”
เด็กสาวผมสีม่วงอ่อนรีบกล่าวเสริมพลางผายมือบางไปยังสามหนุ่มเจ้าปัญหา เลวอนแอบสังเกตเห็นว่าพวกเขาต่างไม่กล้าสบสายตาตน บ้างก็เบือนหน้าหนีเล็กน้อยราวกับมีพิรุธ จากนั้นบุรุษจอมดาบเวทนัยน์ตาสีอำพันจึงหันไปสอบถามถึงข้อสงสัยต่อสเตฟาเนียเพื่อรับฟังคำยืนยัน
“เป็นความจริงรึเปล่า?”
“เป็นความจริงส่วนหนึ่งค่ะ ฉันเคยใช้ยาเสน่ห์ป้ายใส่เด็กผู้ชายหลายคนเพื่อทดลองดูว่าได้ผลหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไปตลอด เพราะงั้นฉันถึงได้ทำยาถอนฤทธิ์เผื่อเอาไว้ รุ่นพี่ก็รู้นี่คะว่ายาพิษที่ดีควรมียาถอนพิษควบคู่ไปด้วย เพื่อไม่ให้ผู้คิดค้นเป็นฝ่ายโดนกับตัวเสียเอง
…แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันค่ะว่าสิ่งที่ฉันทำลงไปนั้นถือเป็นเรื่องไม่สมควร และฉันควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว เพราะงั้นรุ่นพี่อย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเลยนะคะ ฉันไม่อยากให้คุณต้องถูกคนอื่นกล่าวนินทาว่าร้ายตามไปด้วย”
สเตฟาเนียก้มศีรษะสลดใจด้วยความสำนึกผิด ทว่าเลวอนยังคงยืนกรานที่จะช่วยเหลือเธอ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะทำเรื่องพลาดพลั้งลงไปก็ตาม
“พูดอะไรแบบนั้น ถ้าให้ทนยืนดูอยู่เฉย ๆ ล่ะก็ผมทำไม่ได้หรอกนะ… ว่าแต่สเตฟก้าพกยาเสน่ห์กับยาถอนฤทธิ์ติดตัวมาด้วยรึเปล่า พอดีผมอยากจะซื้อน่ะ”
“พกมาด้วยค่ะ หรือว่ารุ่นพี่คิดจะใช้มันกับฉันงั้นเหรอคะ? เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกค่ะ ก็ในเมื่อพวกเราสองคนเคยทำเรื่องลามกด้วยกันมาแล้ว—”
“ม-ไม่ใช่สักหน่อย ผมแค่จะเอามาทดลองเพื่อพิสูจน์ความจริงต่างหาก…!”
เลวอนรีบเกริ่นแทรกพลางลนลานหน้าแดงแจ๋ ทำให้สามหนุ่มจอมกะล่อนหรือคู่รักของเหล่าแม่มดสาวผู้ซึ่งได้รับความเดือดร้อน ที่กำลังยืนสดับรับฟังอยู่ต่างพากันจ้องเขม็งใส่เขาด้วยแรงริษยา พร้อมทั้งนึกจินตนาการไปไกลถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองชายหญิงคู่นี้
สเตฟาเนียล้วงมือหยิบหลอดแก้วขนาดเล็กที่อยู่ในกระเป๋ากระโปรงฝั่งซ้ายขึ้นมาสองขวด ภายในนั้นบรรจุของเหลวสีชมพูกับสีม่วงอ่อนตามแต่ละชนิด ก่อนจะส่งมอบให้กับเลวอนพร้อมทั้งเกริ่นน้ำเสียงราบเรียบออกไป
“ขวดละสามร้อยโครูนาเช็ก สีชมพูคือยาเสน่ห์ สีม่วงคือยาถอนฤทธิ์ค่ะ”
“น… นี่อย่าบอกนะว่านายคิดจะเอายาเสน่ห์นั่นมาทดลองใช้กับพวกฉัน!?”
ยุวสตรีผมสีบลอนด์ทองซักถามอย่างกังขา โดยที่เธอและพรรคพวกต่างพากันหวาดระแวง ส่วนเลวอนหลังจากที่หยิบธนบัตรออกมาจ่ายให้แก่สเตฟาเนียพร้อมทั้งรับสินค้าจากอีกฝ่ายเสร็จสิ้น ก็ได้หันมาส่งยิ้มละมุนละไมต่อเหล่าสามแม่มดสาว แล้วเริ่มชี้แจงเหตุผลสั้น ๆ ด้วยท่าทีสุขุมใจเย็น
“สบายใจได้ ผมไม่ทำเรื่องพรรค์นั้นกับสุภาพสตรีหรอกนะครับ”
MANGA DISCUSSION