“อย่ามาขวางทางข้านังสามัญชน!”
ราชันผีดูดเลือดตวาดใส่อย่างเดือดดาลพลางขยับขาดิ้นรนสุดกำลัง คลาร่าซึ่งเห็นท่าทีดังกล่าวก็ถึงกับสะดุ้งเสียขวัญ วัตสันได้ทีจึงสบโอกาสพูดจาแซวใส่อาเธอเรียถึงเรื่องนั้นแบบทันควัน
“เฮ้ ไอ้หมอนี่เองก็พูดจาไม่ดีใส่คลาร่าเหมือนกันนะ ทำไมไม่เห็นมีใครทักท้วงอะไรบ้างเลยฟะ!?”
“เจ้าบ้า นี่มันใช่เวลามายอกย้อนไหมเนี่ย!?”
เด็กสาวทอมบอยซึ่งยืนอยู่เคียงข้างพ่อมดหนุ่มนักปรุงยารีบเอ็ดเพื่อเตือนสติ ยกศอกขวากระทุ้งเข้าที่หน้าท้องอีกฝ่ายด้วยแรงพอประมาณ ทำเอาวัตสันออกอาการตัวงอทั้งน้ำตาคลอด้วยความจุก ในระหว่างนี้ออเดรย์ได้ตัดสินใจประกาศคำสั่งแก่สมาชิกทีมประกาศิตแห่งมังกร เพื่อรับมือกับปัญหาใหม่ที่ปรากฏอยู่ตรงเบื้องหน้า
“ตอนนี้แหละ ทุกคนรีบกระจายกำลังดักล้อมเป้าหมายเอาไว้เร็วเข้า!”
“…Tragere in teapa (ปฐพีเสียบลงทัณฑ์) ”
ไม่ทันที่ฮิคาริและพรรคพวกเตรียมดำเนินแผนการ วลาดได้ฉวยโอกาสนี้แอบขยับริมฝีปากร่ายคาถา ทันใดนั้นพื้นดินบริเวณโดยรอบซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าเถาวัลย์พันเกี่ยว ถูกเฉือนคมตัดขาดสะบั้นอย่างง่ายดายด้วยเสาหนามแหลมเรียวนับสิบเล่ม ทำให้เจ้าชายแห่งวาลาเคียหลุดพ้นจากพันธนาการไปในที่สุด
“Magna cupola! (คาถาม่านพลัง) ”
คลาร่าพลันยกมือขวาตวัดร่ายวิชา ปรากฏให้เห็นคลื่นทรงกลมสีใสคล้ายฟองสบู่ขยายตัวใหญ่ขึ้นจากแหวนกายสิทธิ์บนนิ้วชี้ตน ทะลุผ่านทุกสรรพสิ่งอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นโดมครึ่งทรงกลม คอยปกคลุมพื้นที่ภายในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร ปิดกั้นไม่ให้บุรุษจอมดาบเวทชั้นพาลาดินหลบหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งยังส่งผลให้คาถาในการเคลื่อนย้ายร่างไร้ผล
“Gabrielus lumine (แสงแห่งทูตสวรรค์กาเบรียล) ”
เวสน่าซึ่งอยู่ในท่านั่งพับเข่าโดยมีโมนิก้านอนสลบหนุนตักเธอ รีบยกสองมือบางขึ้นมากุมประสานเข้ากับจี้ไม้กางเขนคอยตั้งจิตอธิษฐาน ผลของเวทมนตร์ดังกล่าวทำให้พื้นที่รอบ ๆ ตัวของวัตสันและผองเพื่อนเริ่มสาดฉายแสงออร่าสีขาวบริสุทธิ์ ฟื้นฟูความแข็งแกร่งของพลังเวทและพลังกายได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ภายหลังจากที่วัตสัน อิทสึกิ ฮิคาริ คลาร่า ออเดรย์ อาเธอเรีย และสเตฟาเนีย ได้รับพลังเสริมจากซิสเตอร์สาวสายสนับสนุนเสร็จสิ้น วลาดที่สามก็เร่งกล่าวเตือนทุกคนด้วยสายตาถมึงทึง
“พวกเจ้าอย่าทำให้ข้าเสียเวลาไปมากกว่านี้ หากไม่คิดที่จะช่วยเหลือกันก็อย่ามาขัดขวางข้า!”
“พูดจาใหญ่โตทั้ง ๆ ที่ท่านทำตัวเป็นกาฝากสิงร่างเพื่อนสนิทข้าแท้ ๆ คิดว่าตัวเองเป็นใครกันขอรับ!?”
——ตู้ม!!
สิ้นคำถากถางแทงใจจากอิทสึกิ ร่างของนักดาบเทพสุนัขหนุ่มก็พลันกระเด็นถอยหลังลอยกลางอากาศ ด้วยแท่งเสาที่ผุดขึ้นมาจากเบื้องล่างพุ่งปะทะเข้าใส่หน้าท้อง ก่อนจะล้มลงหลังกระแทกพื้นอย่างจัง เหล่าสมาชิกทีม Order of the Dragon เห็นดังนั้นจึงพากันตื่นตระหนก ส่งเสียงเรียกสหายด้วยความเป็นห่วงทันที
“อิทสึกิ!/รุ่นพี่อิทสึกิ!”
“โอ๊ย…! พ-พูดจาแค่นี้ก็ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยรึขอรับ!?”
อิทสึกิเปล่งเสียงโอดครวญทั้งน้ำตา พลางยกมือกุมหน้าท้องนอนดิ้นพล่านไปมาด้วยความจุกเสียด เคราะห์ดีที่ปลายแท่งเสาเรียวยาวนั้นไม่ได้แหลมคมเพียงพอที่จะเสียบแทงทะลุร่างเข้าไป ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงมากนัก
คลาร่า ออเดรย์ วัตสัน และฮิคาริต่างถอนหายใจโล่งอกโดยที่ทุกคนยังไม่ลดการป้องกันหรือสูญเสียรูปขบวนในการโอบล้อมเป้าหมาย ในขณะที่สเตฟาเนียรู้สึกได้ถึงการกระทำอันน่าผิดสังเกตของวลาดจอมเสียบอย่างเงียบ ๆ ส่วนอาเธอเรียก็รีบหันไปทักท้วงตำหนิต่ออิทสึกิทั้งที่ตนยังนึกเป็นห่วงอีกฝ่าย
“เจ้าหมาบ๊องนี่ ไปยั่วโมโหอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ตายก็บุญแค่ไหนแล้ว รีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า!”
“นี่ทุกคน อย่าเผลอลงมือหนักจนถึงขั้นปางตายเชียวล่ะ อย่าลืมนะว่าอีกฝ่ายกำลังยึดร่างของเลวอนอยู่!”
วัตสันย้ำเตือนให้เหล่ามิตรสหายระมัดระวัง อิทสึกิรีบพยุงตัวลุกขึ้นยืน แล้วมุ่งหน้ากลับเข้าประจำตำแหน่งเพื่อตั้งวงปิดล้อมราชันผีดูดเลือดต่อไป ขณะนั้นเองฮิคาริได้ตั้งท่าเลื่อนมือขวาจับด้ามคาตานะที่เก็บซ่อนในฝักดาบตรงบริเวณเอวฝั่งซ้าย เตรียมชักดึงออกมาในท่าวิชาอิไอโด แอบกัดฟันอย่างไม่สบอารมณ์พลางตอบกลับอย่างฉุนเฉียว
“รู้แล้วล่ะย่ะ พูดน่ะมันง่ายแต่จะให้พวกเราลงมือกันยังไงเนี่ยสิ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงจอมเวทชั้นพาลาดิน… ขืนไม่รีบจัดการแบบฆ่าฟันให้ตายกันไปข้างหนึ่งคงไม่มีทางเอาชนะได้แน่ แถมจิตสังหารของหมอนั่นก็รุนแรงเกินมนุษย์มนาสุด ๆ รู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย”
“สามหาวจริง คิดว่าข้าอยากทำตัวเป็นกาฝากนักรึไง!” วลาดแผดเสียงตวาด “ปล่อยข้าไปซะ ให้ข้าได้ออกตามล่าเพื่อเด็ดหัวจอมมารไซตอนก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างจะสายเกินแก้ ถ้าหากยังคอยขัดขวางกันไม่เลิกข้าก็จะถือว่าพวกเจ้าคือศัตรู!”
“รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทางเราและคุณต่างมีเป้าหมายเดียวกัน แต่นั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าหากยังไม่รีบคืนร่างให้กับรุ่นพี่เลวอนตอนนี้ฉันเองก็จะถือว่าคุณคือศัตรูเช่นกัน พวกเราจะไม่ยอมปล่อยให้คุณใช้ร่างของเขาไปทำเรื่องเสี่ยงอันตรายตามลำพังแน่”
สเตฟเนียกล่าวเตือน พลางนำสองมือบางควงตวัดไม้กวาดด้ามยาวอันเป็นอาวุธคู่ใจสลับไปมาอย่างพลิ้วไหว ก่อนจะตั้งท่าชี้ปลายด้ามเข้าหาข้าศึกในลักษณะคล้ายท่าถือหอกเล่มยาว สีหน้าของเธอตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจชัดเจน
ออเดรย์ที่กำลังนึกกังวลถึงสภาพร่างกายและจิตใจของเลวอนซึ่งถูกวลาดเข้าควบคุม ได้ตัดสินใจประกาศคำสั่งโจมตีออกไปอย่างไม่ลังเล เนื่องจากเธอไม่อยากให้เรื่องราวทั้งหมดต้องบานปลายไปมากกว่านี้
“เจรจาต่อไปก็เปล่าประโยชน์แฮะ… ทุกคนเปิดฉากโจมตีได้!”
“Subcinctus – Hastam aqua! (คมหอกวารี) ”
คลาร่าซึ่งยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าของราชันผีดูดเลือดเริ่มลงมือจู่โจม โดยใช้แหวนกายสิทธิ์เป็นอุปกรณ์สื่อนำร่ายมนตรา ทันใดนั้นหยาดน้ำที่เปียกซึมอยู่บนพื้นดินรวมถึงสายฝนโปรยปราย ได้เกาะกลุ่มกันกลายเป็นก้อนน้ำแข็งแหลมเกลียวเสมือนดั่งหัวสว่าน หมายพุ่งเข้าเสียบหน้าท้องเลวอนเพื่อเลี่ยงจุดตายเอาไว้
เมื่อคมน้ำแข็งเข้าใกล้ถึงเป้าหมายด้วยระยะห่างเพียงหนึ่งเซนติเมตร ศัสตราวุธที่ถูกรังสรรค์ด้วยธาตุน้ำบริสุทธิ์ก็พลันระเหิดกลายเป็นไอเพียงชั่วพริบตา เนื่องจากพ่อมดหนุ่มผมสีเทาแกมดำได้เนรมิตบาเรียคอยปกคลุมร่างเอาไว้ โดยที่เขายังคงยืนนิ่งไม่ได้ขยับปากบริกรรมคาถาใด ๆ ทั้งสิ้น
“X Sword Skill – Fang of Crescent! (เขี้ยวแห่งเสี้ยวจันทรา) ”
ออเดรย์ซึ่งยืนประจำตำแหน่งตรงทิศทางแปดนาฬิกาของวลาดจอมเสียบ รีบเหวี่ยงสะบัดดาบยักษ์คู่สีดำโจมตีใส่เขา ก่อกำเนิดคลื่นอากาศคล้ายเขี้ยวหรือดวงจันทร์เสี้ยวที่ประสานไขว้กันเป็นรูปกากบาท แล้วพุ่งตรงเข้าหาเป้าหมายด้วยความเร็วเหนือเสียงชวนแสบแก้วหู
ครึ่กครึ่ก ปึ้ง!!
เจ้าชายแห่งวาลาเคียรีบแก้ไขสถานการณ์ โดยการเสกเหล่าบรรดาแท่งเสาเรียวยาวนับสิบเล่มผุดขึ้นมาจากผืนปฐพี ให้เรียงรายซ้อนกันกลายเป็นกำแพง ต่อต้านสายลมแห่งคมดาบเอาไว้จนกระทั่งสิ้นฤทธิ์ ก่อนที่โล่แห่งธรณีจะถูกพังทลายตามลงไป แล้วกล่าวเย้ยหยันพลางชมเชยแก่จิ้งจอกสาวอย่างชอบใจ
“โฮ่… ถึงขั้นทำลายล้าง ‘ปฐพีเสียบลงทัณฑ์’ ของข้าได้เลยเชียวรึ แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะสร้างบาดแผลให้แก่ข้าผู้นี้!”
“น… นึกอยู่แล้วว่ามันไม่ได้ผล แต่ขืนมัวทำตัวชะล่าใจแบบนี้ระวังจะจบไม่สวยนะท่านราชา”
ออเดรย์ยอมรับในความแข็งแกร่งของวลาด พลางแสยะยิ้มกล่าวสำบัดสำนวนพอให้อีกฝ่ายได้รับทราบ ขณะนั้นเองราชันผีดูดเลือดสัมผัสได้ถึงพลังจิตกล้าแกร่งจากทางด้านหลังเยื้องขวา หรือตำแหน่งห้านาฬิกาของตน เขารีบหันไปมองดูแล้วพบว่า อาเธอเรียกำลังพุ่งตัวเข้ามาทางนี้ด้วยความเร็วสูงสุด โดยที่ทั่วทั้งร่างถูกร่ายด้วยวิชา “Cantus Bellax (ลำนำสัประยุทธ์) ”
——เปรี้ยง!!
กว่าที่แวมไพร์จอมขมังเวทจะพลันโต้ตอบกลับคืนไปตามสัญชาตญาณ หมัดซ้ายตรงของเด็กสาวจอมห้าวก็ได้ปะทะเข้าที่แก้มซ้ายอย่างจัง จนเขาสะบัดใบหน้าเซถลาถอยหลังไปตามแรงเหวี่ยง พลางเผยสีหน้าตาโตด้วยความประหลาดใจ
อึ๊ก… นังหนูนี่รวดเร็วมาก แถมยังหมัดหนักเกินคน… แต่แรงแค่นี้มันยังไม่พอหรอก!
บ้าน่า ตั้งใจจะซัดให้สลบแท้ ๆ ถ้างั้นแล้วหมัดนี้ล่ะเป็นยังไง!
อาเธอเรียเองก็รู้สึกแปลกใจไม่แพ้กัน แต่เพื่อไม่ให้จังหวะการโรมรันในระยะประชิดต้องหยุดชะงัก เธอจึงรุกคืบต่อด้วยกำปั้นขวาโดยเล็งไปยังสีข้างเป้าหมาย ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้าง เมื่อบุรุษหนุ่มรีบขยับแขนซ้ายลงไปปัดป้องด้วยท่ามวยหวิงชุน หมุนตัวก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าพลางสะบัดศอกซัดใส่เข้ากลางอกเธอแบบฉับพลัน ในท่าวิชาแปดปรมัตถ์
——ตู้ม!!
“อั๊ก!?”
ร่างของอาเธอเรียกระเด็นถอยหลังลอยกลางอากาศก่อนจะกระแทกลงบนพื้นดินอีกครั้ง แม้นว่าการโจมตีเมื่อสักครู่นี้จะไม่ได้มีพละกำลังที่รุนแรงเหนือกว่าของตนมากนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกเจ็บเจียนตายได้เช่นเดียวกัน
วัตสันซึ่งยืนประจำตำแหน่งยังทิศทางสองนาฬิกาของวลาดจอมเสียบ รีบสบโอกาสหยิบหลอดยาบรรจุของเหลวสีขาวจำนวนสามแท่งขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วขว้างใส่ศัตรูที่กำลังยืนหยิ่งผยองอยู่ท่ามกลางวงล้อมแบบโจ่งแจ้ง
“เหอะ หลอดน้ำยาของเจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นรึ?”
ด้วยความลำพองใจ เจ้าชายแห่งวาลาเคียจึงยกมือขวาเล็งไปยังหลอดแก้วทั้งสามที่พุ่งตรงเข้ามา แล้วเนรมิตมนตราทำลายให้สิ้นซาก ทว่าทันทีที่มันแตกสลายกลางอากาศ แสงสีขาวโพลนก็พลันสาดส่องเจิดจ้าใส่เบื้องหน้า จนบุรุษจอมเวทต้องยกแขนซ้ายขึ้นมาป้องบังแสงเอาไว้ ส่งผลทำให้ทัศนวิสัยพร่ามัวไปชั่วขณะหนึ่ง
“ชิ…!”
“Claudo lapis! (แท่นศิลาจองจำ) ”
วัตสันเปล่งเสียงตวัดไม้กายสิทธิ์เพื่อลอบโจมตี ทันใดนั้นพื้นดินโดยรอบก็พลันปรากฏบรรดาแท่นเสาขึ้นมา หมายจะพันธนาการร่างของคู่ต่อสู้ ทว่ากลับถูกลบล้างลงด้วยคาถา “Tragere in teapa (ปฐพีเสียบลงทัณฑ์) ” โดยการใช้เสาหนามจากพื้นปฐพีเข้าทำลายจนสิ้นซาก ทำเอาพ่อมดหนุ่มมาดทะเล้นเอ่ยน้ำเสียงหวั่นสะพรึงกลัวออกมาทันที
“ป… ประสาทสัมผัสหมอนี่ว่องไวเป็นบ้า ขนาดตามองไม่เห็นแล้วแท้ ๆ”
“Rin Pyou Tou Sha Kai Jin Retsu Zai Zen! (ผู้เผชิญทัพล้วนเรียงรายเบื้องหน้า) ”
ฮิคาริและอิทสึกิ ซึ่งยืนประจำตำแหน่งตรงทิศทางสิบเอ็ดนาฬิกาและสี่นาฬิกาตามลำดับ ได้ร่ายคาถา “ปางมือเก้าคำศักดิ์สิทธิ์” พลางทำสัญลักษณ์มือทั้งสองประสานสลับกันไปมาตามแต่ละถ้อยคำเพื่อทำสมาธิ จนปรากฏออร่าแสงสีทองผุดขึ้นรอบตัว ทำเอาวลาดขนลุกซู่ต่อกระแสจิตของทั้งคู่ ที่กดดันถาโถมเข้ามาหาตนด้วยความหวั่นสะพรึงกลัวเพียงชั่วขณะ
“On namu dai komoku ten sowaka! (ดาบเขี้ยวอสรพิษ) ”
“On aganaya in maya sowaka! (ดาบอัคนีสีชาด) ”
เทพสุนัขหนุ่มและซามูไรสาวต่างชักคาตานะออกจากฝัก เปล่งเสียงร่ายวิชาเพลงดาบประจำตัวแล้วพุ่งตรงเข้าปะทะเพื่อฟาดฟันใส่เป้าหมาย ในขณะที่ทัศนวิสัยของอีกฝ่ายยังไม่กลับคืนสู่สภาวะปกติ ทว่าเนื่องด้วยพลังจิตสังหารของสองนักดาบกลับทำให้ราชันผีดูดเลือดรู้สึกตัว เขาจึงอาศัยลางสังหรณ์ขยับเคลื่อนไหวร่างกายไปตามสัญชาตญาณ สไลด์เท้าขวาถอยหลังแล้วเอี้ยวตัวหลบอยู่ในท่าเตรียมสวนกลับการโจมตี
เคร้ง!!
ดาบของฮิคาริและอิทสึกิปะทะเข้าหากันจนเกิดประกายไฟหลังจากพุ่งตัวเข้าใส่ศัตรู กลับกลายเป็นว่าศัสตราวุธของทั้งสองคนต้องมากระทบกระทั่งกันเองเสียกระนั้น สร้างความประหลาดใจให้แก่คู่หูองเมียวจิ รวมถึงสมาชิกทีมประกาศิตแห่งมังกรเป็นอย่างมาก
ไม่ทันที่ซามูไรสาวและเทพสุนัขหนุ่มจะผละดาบออกจากกันเพื่อพุ่งเป้าจู่โจมใส่คู่ต่อสู้ วลาดก็รีบชักคาตานะออกจากฝักด้วยวิชาบัตโตจุทสึ หรือท่าจับด้ามแบบหงายปลายคมลงพื้น ตวัดซัดใส่หน้าท้องฮิคาริและสีข้างของอิทสึกิเข้าเต็มเปาโดยใช้เพียงสันดาบ ก่อนจะสะบัดมือซ้ายขวาออกทางด้านข้างจนเกิดกระแสลม พัดร่างของสองวัยรุ่นชายหญิงให้ปลิวกระเด็นออกไป
ซูมมมม!
“อั๊ก!? /ว้าย!?”
และคนสุดท้ายของแผนการโจมตีข้าศึกแบบตั้งวงล้อมรูปดาวเจ็ดแฉกในครั้งนี้คือ สเตฟาเนีย ซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งเจ็ดนาฬิกาจากจุดศูนย์กลาง เธออาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้าโจมตีแผ่นหลังของเด็กหนุ่มผมสีเทาแกมดำด้วยปลายด้ามไม้กวาด แล้วเริ่มปลดปล่อยพลังมนตราที่มีอยู่ในตัวทั้งหมดออกมาทันที
“Hastam in iustitia! (หอกแห่งการพิพากษา) ”
——เปรี้ยง!!
ลำแสงสีขาวสลับเงินส่องสว่างวูบวาบเป็นรูปหอกเล่มยักษ์บนตัวไม้กวาดแม่มด ความรุนแรงประดุจอสนีบาตฟาดฟันได้ก่อกำเนิดแรงปะทะอันมหาศาลส่งเสียงกัมปนาทชวนแสบแก้วหู ส่งผลทำให้เจ้าชายแห่งวาลาเคียได้รับบาดเจ็บพร้อมกระอักเลือดออกมา จนแทบจะขาดใจตายตรงนี้เสียให้ได้
“อ๊อก…!? น-นี่เจ้าไม่นึกเป็นห่วงร่างของสหายบ้างเลยรึยังไง นังผู้หญิงเลือดเย็น!”
“คิดว่าฉันไม่รู้สึกเจ็บปวดใจงั้นเลยเหรอคะ ก็เพราะใครกันล่ะที่บีบบังคับให้พวกเราต้องลงมือรุนแรงกันแบบนี้?”
วลาดยืนเซถลาพลางชำเลืองสายตามองสเตฟาเนียอย่างโกรธแค้น แม่มดสาวเจ้าของเรือนผมสีส้มให้คำตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าสีหน้าคิ้วขมวดของเธอกลับสื่อให้เห็นถึงอารมณ์ขุ่นมัว พร้อมทั้งกัดฟันสะกดกลั้นความทรมานใจ
เมื่อออเดรย์ อาเธอเรีย อิทสึกิ และฮิคาริ ซึ่งเป็นสายต่อสู้ระยะประชิดเล็งเห็นว่าคู่ต่อสู้เริ่มเผยท่าทีอ่อนกำลังลง ทุกคนจึงตัดสินใจเข้าโรมรันอย่างพร้อมเพรียงเพื่อช่วยสเตฟาเนียอีกแรง โดยมีคลาร่าและวัตสันคอยสนับสนุนร่ายคาถาโจมตีใส่บุรุษจอมดาบเวทจากระยะกลาง เพื่อปิดฉากการต่อสู้ทั้งหมด
“ย้ากกกกกก!!”
ครืนนน ตู้มตู้ม เปรี้ยง!!
เสียงแผดร้องของเหล่าหนุ่มสาวประสานกันกึกก้อง ทั้งคมดาบคาตานะ คมดาบยักษ์ ลูกเตะ รวมทั้งประกายแสงไฟจากเวทมนตร์ ได้มุ่งตรงเข้าหาราชันผีดูดเลือดหมายจะเผด็จศึก แต่การโจมตีชุดใหญ่ทั้งหมดกลับถูกสะท้อนออกไปจนหมดสิ้น เนื่องจากวลาดที่สามได้เสกคาถาม่านพลังขนาดย่อม ในลักษณะโดมครึ่งทรงกลมสีใสปกคลุมร่างตนขึ้นมา
“Obice praemium! (ระเบิดม่านพลัง) ”
ไม่ทันที่เหล่าพ่อมดแม่มดแห่งสมาชิกทีม Order of the Dragon จะแสดงสีหน้าตกตะลึง บุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำทะเลก็พลันกล่าวขานนามแห่งมนตรา เมื่อสิ้นเสียงคำร่าย บาเรียครึ่งทรงกลมสีใสจึงระเบิดคลื่นแรงอัดอากาศออกมาเกิดเสียงดังตูม ซัดร่างบรรดาคู่ต่อสู้ซึ่งตั้งค่ายกลดักล้อมศัตรูให้ปลิวกระเด็นออกไปไกลทั่วทุกสารทิศ
“ว้าย!!? /เหวอ!!?”
ออเดรย์ อาเธอเรีย อิทสึกิ ฮิคาริ สเตฟาเนีย รวมทั้งคลาร่าและวัตสันซึ่งยืนอยู่ห่างจากวลาดที่สามไม่มากนัก ต่างได้รับผลกระทบจากแรงอัดอากาศโดยตรง จนซัดปลิวถอยหลังไปไกลถึงสิบเมตร ก่อนจะกระแทกตัวลงกับพื้นเต็มรัก ส่งผลให้ทุกคนหูอื้อได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแทบสิ้นสติ
อย่างไรก็ดีคาถาม่านพลังของคลาร่านั้นสามารถทนต่อคลื่นแรงอัดอากาศ ทำให้ยังคงสภาพในการกักขังจองจำไม่ให้บุรุษแวมไพร์หลบหนีไปไหนได้พ้น ด้วยมนตราที่ถูกตัดขาดแยกมิติออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง วลาดจึงมิอาจใช้คาถาเสกให้ตัวเองหายไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ ตราบใดที่เธอยังไม่สิ้นแล้วซึ่งสติสัมปชัญญะ
MANGA DISCUSSION