“เลวอน โมนิก้า พวกเรามาช่วยแล้วนะ… ชะเฮ้ย!?”
เสียงของชายวัยรุ่นรายหนึ่งพลันดังแว่วขึ้น ในขณะที่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางกระแสพายุ บุรุษแวมไพร์จึงชำเลืองหางตามองดูทางด้านหลังโดยยังปลดปล่อยพลังเวทซัดใส่ศัตรูอย่างไม่ลดละ แล้วพบว่าวัตสัน พ่อมดหนุ่มนักปรุงยาได้วิ่งรุดหน้ามาพร้อมกับสหายของตน ทั้งอิทสึกิ สเตฟาเนีย อาเธอเรีย ออเดรย์ เวสน่า ฮิคาริ และคลาร่า
โดยที่แต่ละคนต่างเตรียมอาวุธหรืออุปกรณ์สื่อนำมาพร้อมเสร็จสรรพ
สิ่งที่ทำให้วัตสันอุทานตกใจออกมานั้น ไม่ใช่เพราะการต่อสู้ระหว่างสองพ่อมดจอมขมังเวท การปรากฏตัวของไซตอน บุคลิกลักษณะท่าทีซึ่งเปลี่ยนไปของเลวอน หรือแม้กระทั่งสิ่งมหัศจรรย์สุดตระการตาที่สำแดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นตรงเบื้องหน้า
แต่เป็นเพราะเห็นโมนิก้า หนึ่งในเพื่อนสนิทของตนกำลังนอนแน่นิ่งสลบไสลบนพื้นดินต่างหาก
ไม่รอช้าพ่อมดหนุ่มนักปรุงยาและพรรคพวก ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาเธอ คุกเข่ายกประคองร่างอีกฝ่ายพลางส่งเสียงเรียกด้วยความเป็นห่วงทันที
“ทำใจดี ๆ เอาไว้ อย่าเผลอหลับนะยัยเปี๊ยก!”
“ร่างกายดูอ่อนเพลียมาก เดี๋ยวฉันขอเสกคาถารักษาให้คุณโมนิก้าก่อนนะคะ!”
พูดจบเวสน่าจึงพลันลงมือร่ายเวทมนตร์รักษาให้แก่โมนิก้า ด้วยคาถา “Misericordias Domini (พระเมตตาแห่งพระผู้เป็นเจ้า) ” โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครออกคำสั่ง ระหว่างนั้นเองอิทสึกิสังเกตเห็นรอยแผลบนต้นคอฝั่งซ้ายของเด็กหญิงนัยน์ตาสีฟ้าก่อนจะเกริ่นทักท้วงต่อผองเพื่อนด้วยสีหน้าท่าทีหวั่นวิตก
“ตรงต้นคอของท่านโมนิก้ามีรอยกัดด้วยขอรับ อย่าบอกนะว่าโดนท่านเลวอนดูดเลือดไปแล้ว!?”
“ที่ร่างกายอ่อนแรงและตัวเย็นเฉียบขนาดนี้น่าจะเป็นเพราะเสียเลือดมากเกินไป รบกวนคุณวัตสันช่วยใช้น้ำยาฟื้นฟูพลังเวทรักษาให้คุณโมนิก้าด้วย”
คลาร่าหันไปย้ำเตือนแก่วัตสัน โดยที่เธอเองก็คอยร่ายคาถารักษาให้กับโมนิก้าเช่นเดียวกัน เด็กหนุ่มรีบตอบกลับด้วยท่าทีและน้ำเสียงร้อนรนใจ พลางล้วงมือหยิบหลอดยาขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายบ่า
“ไม่ต้องบอกก็รู้น่า!”
“เฮ้ อย่าพาลขึ้นเสียงใส่คนอื่นสิเจ้าบ้า ช่วยสงบสติอารมณ์ลงก่อนจะได้ไหม!?”
อาเธอเรียตำหนิใส่ จนวัตสันสะดุ้งตกใจพลางถอดสีหน้าสำนึกผิดออกมา แต่กระนั้นคลาร่ากลับไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไร โดยยังคงมุ่งมั่นเสกคาถาสนับสนุนเวสน่าเพื่อช่วยชีวิตโมนิก้าต่อไป
เมื่อพ่อหมอนักปรุงยาวัยเยาว์เริ่มทำใจให้สงบนิ่งลง ก็รีบเปิดจุกฝาไม้คอร์กออกจากหลอดขวดยา นำมือซ้ายประคองใต้คางของโมนิก้า แล้วตามด้วยป้อนของเหลวสีแดงใสเข้าไปในปาก โดยที่อาการของเธอค่อย ๆ ทรงตัวและดีขึ้นตามลำดับ
ขณะเดียวกันฮิคาริได้หันไปซักถามสเตฟาเนีย ซึ่งทั้งคู่กำลังยืนจับจ้องมองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไปพร้อมกับออเดรย์
“น… นี่ ท้องฟ้าหลากสีนั่นมันคืออะไรกัน? แถมจิตสังหารของสองคนนั้นก็รุนแรงจนน่าสะอิดสะเอียนด้วย!”
“Septema auroratium เจ็ดแสงอรุโณทัยและเจ็ดแสงทมิฬ หนึ่งในมนตราโบราณขั้นสูงสุด มีเพียงแค่จอมเวทระดับชั้นพาลาดินเท่านั้นที่สามารถแสดงพลังออกมาได้… ส่วนบุรุษชุดดำที่กำลังประชันเวทมนตร์กับรุ่นพี่เลวอนคนนั้น คือศัตรูตัวฉกาจของโลกที่เหล่าพ่อมดแม่มดต่างก็รู้จักและยำเกรง… จอมมารไซตอนยังไงล่ะคะ”
“เอ๊ะ!?”
เวสน่าและผองเพื่อนต่างตื่นตระหนกตกใจ หลังจากล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของศัตรู สายตาทั้งหมดจับจ้องไปยังราชันแห่งปีศาจด้วยความหวั่นสะพรึง อาเธอเรียได้ยินดังนั้นก็ถึงกับออกอาการเดือดดาล รีบลุกขึ้นยืนก้าวเท้ากวาดสายตาเขม็งเล็งใส่ไซตอนอย่างโกรธแค้นโดยพลัน
“โผล่หัวออกมาจนได้สินะไซตอน คราวนี้ฉันจะขยี้แกให้ตายคามือเอง ให้สาสมกับที่แกเคยทำต่อพ่อแม่ฉันเอาไว้!”
“อย่านะอาเธอเรีย!” ออเดรย์รีบยกแขนซ้ายห้ามปรามไว้ “พลังของทั้งสองคนนั้นรุนแรงเกินกว่าจะเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ได้ ขืนบุ่มบ่ามเข้าไปตอนนี้ แม้แต่คนที่มีร่างกายแข็งแกร่งทนทานอย่างเธอก็อาจถึงตายได้เชียวนะ รอหาจังหวะดี ๆ ก่อนแล้วค่อยเข้าไปแก้แค้นมันก็ยังไม่สายเกินไป”
“ชิ…!”
อาเธอเรียเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์ โดยยังคงส่งสายตาเกรี้ยวกราดใส่จอมมารแห่งปีศาจอย่างไม่ลดละ ทางด้านจิ้งจอกสาวจอมดาบเวทตัดสินใจรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมโจมตีไซตอน พลางดึงดาบยักษ์สองเล่มซึ่งเก็บไขว้ประสานจากทางด้านหลังขึ้นมาตั้งท่าเตรียมประจัญบาน แล้วเริ่มถ่ายทอดคำสั่งแก่มิตรสหาย
“ทุกคนเตรียมร่ายคาถาโจมตีไซตอน คอยตัดกำลังช่วยเหลือรุ่นพี่เลวอนเข้าไว้จนกว่ามนตรา “เจ็ดแสงทมิฬ” ของศัตรูจะสิ้นฤทธิ์ จากนั้นค่อยให้อาเธอเรียเปิดฉากบุกตะลุมบอนใส่ ตอนนี้อีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว… ส่วนซิสเตอร์เวสน่า รบกวนช่วยฝากดูแลโมนิก้าให้ที”
“เข้าใจแล้วค่ะ!”
นักพรตสาวตอบกลับก่อนที่จะลงมือร่ายเวทรักษาโมนิก้าต่อไป อิทสึกิ วัตสัน ฮิคาริ และคลาร่า ต่างลุกขึ้นยืนเตรียมศัสตราวุธหรืออุปกรณ์สื่อนำที่อยู่ในมือเอาไว้เสร็จสรรพ ก้าวเท้าเข้าไปสมทบรวมกลุ่มกับออเดรย์ สเตฟาเนีย และอาเธอเรีย ซึ่งยืนอยู่ใกล้แนวหน้าพร้อมตั้งท่าจู่โจม
“เปิดฉากโจมตีได้!”
วูมมม ซูมซูมมม เปรี้ยง!
สิ้นเสียงคำสั่งจากแม่มดจิ้งจอกสาว สมาชิกทีมประกาศิตแห่งมังกรก็พลันเสกคาถาโบราณขั้นสูงซัดใส่เป้าหมายทันที ทั้งลำแสงเวทมนตร์ชุดใหญ่จากปลายไม้กายสิทธิ์และไม้กวาดแม่มด หรือแม้กระทั่งคลื่นอากาศซึ่งเกิดจากการฟาดฟันคมดาบด้วยความเร็วเหนือเสียง จนสนั่นลั่นดังกึกก้องไปทั่วพงไพร
น่าเสียดายที่การโจมตีทั้งหมดกลับสูญสลายกลายเป็นละอองแสงเพียงชั่วพริบตา สลาติก้าซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังของไซตอนสังเกตเห็น และร่ายโดมบาเรียสีใสขนาดใหญ่ป้องกันเอาไว้อย่างทันท่วงที ก่อนจะกล่าวน้ำเสียงเยือกเย็นออกมาภายใต้สีหน้าดุดัน ทั้งที่ร่างกายยังมีอาการบาดเจ็บอยู่
“ไม่ยอมให้ทำแบบนั้นหรอก!”
“บ-บ้าเอ๊ย ยัยนั่นป้องกันเอาไว้ได้หมดเลย…!”
วัตสันสบถด้วยความประหลาดใจ ฮิคาริและพรรคพวกเองก็รู้สึกแบบนั้นไม่ต่างกัน ถึงกระนั้นแล้วออเดรย์ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจลงง่าย ๆ โดยออกคำสั่งเตรียมโจมตีชุดถัดไป
“ทุกคนอย่าเพิ่งถอดใจสิ ต่อให้ม่านพลังนั่นจะป้องกันการโจมตีเอาไว้ได้ทั้งหมด แต่ก็คงสภาพแบบนั้นเอาไว้ได้ไม่นาน ถ้างั้นลองจู่โจมพลังเวทจากทางด้านบนและด้านล่างดูเผื่ออาจจะได้ผล-”
“ในเมื่อคาถามันไม่ได้ผล เราก็ใช้กำลังบุกเข้าไปซึ่ง ๆ หน้าซะเลยสิ… ลำนำสัประยุทธ์! (Cantus Bellax) ”
ไม่ทันที่จิ้งจอกสาวจอมดาบเวทจะอธิบายจบ อาเธอเรียก็พลันก้าวเท้าบุกเข้าหาไซตอนอย่างรวดเร็ว โดยร่ายพลังเวทและผนวกจิตเข้ากับร่างกาย หมายจะใช้ศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเข้าซัดใส่บุรุษหน้ากากกะโหลกปีศาจ ซึ่งกำลังประชันมนตรากับราชันผีดูดเลือดอยู่ คลาร่า วัตสัน และอิทสึกิ รีบส่งเสียงทักท้วงรั้งเอาไว้ แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
“ไม่ได้นะ!/เดี๋ยวสิเฮ้ย!/อย่าเข้าไปขอรับ!”
“ไซตอน ลงนรกไปซะ—!!”
เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวย แผดเสียงบันดาลโทสะเรียกขานอริศัตรู พลางง้างหมัดขวาเตรียมชกใส่โดยเล็งไปที่กลางอกคู่ต่อสู้ จังหวะเดียวกันจอมมารไซตอนได้ยกนิ้วชี้ซ้ายทำท่าจะโบกสะบัดใส่เธอด้วยคำสาปพิฆาต พร้อมทั้งปรากฏดวงไฟสีเขียวตรงบริเวณดังกล่าว
วลาดจอมเสียบเห็นท่าไม่ดี จึงรีบขยับมือซ้ายกระชากร่างของอาเธอเรียให้ออกห่างจากไซตอนด้วยเวทมนตร์ ส่งผลให้แม่มดสาวผู้เลือดร้อนกระเด็นถอยหลังพลิกตัวกลางอากาศ รอดพ้นจากลำแสงสีเขียวมรณะซึ่งแสกผ่านหน้าแบบฉิวเฉียด ก่อนจะทิ้งตัวล้มหัวคะมำหลังกระแทกพื้นเต็มรักอย่างน่าสงสาร
“ว้าย!?”
“คุณอาเธอเรีย!/อาเธอเรีย!”
คลาร่าและผองเพื่อนรุดหน้าเข้าไปประคองร่างของยุวสตรีจอมห้าวอย่างเป็นห่วง ฮิคาริซึ่งไม่พอใจต่อการกระทำของราชันผีดูดเลือดจึงส่งเสียงเอ็ดใส่ ลืมไปเสียสนิทว่าพ่อมดหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตนนั้นหาใช่เลวอนคนเดิมตามปกติ
“นี่เจ้าลูกแกะ ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!?”
“เจ้าพวกเด็กโง่ ถ้ายังนึกเป็นห่วงชีวิตตัวเองอยู่ก็อย่าริเข้ามาเป็นตัวถ่วงข้า เจ้านั่นแข็งแกร่งเกินกว่าที่คนอ่อนแออย่างพวกเจ้าจะต้านไหว เว้นเสียแต่อยากจะโดนคำสาปพิฆาตร่ายใส่จนตัวตายก็ตามใจ!”
แม่มดสาวซามูไรถึงกับสะอึกต่อถ้อยคำของเจ้าชายแห่งวาลาเคีย โดยมิอาจสรรหาคำพูดใดมาโต้แย้งกลับ และทำได้แค่เพียงเผยสีหน้าคิ้วขมวดด้วยความละอายใจเท่านั้น ขณะที่วัตสันและคลาร่ากำลังประคองร่างอาเธอเรียให้ลุกขึ้นยืน อิทสึกิก็พลันซักถามสงสัยด้วยความฉงน
“ท… ทำไมท่านเลวอนถึงดูก้าวร้าวแบบนั้นล่ะขอรับ!?”
“ก็เพราะว่านั่นไม่ใช่รุ่นพี่เลวอน แต่เป็นวลาดที่สามยังไงล่ะคะ”
สเตฟาเนียให้คำตอบกับทุกคน โดยที่สายตายังคงจับจ้องมองแผ่นหลังของเลวอนด้วยความกังวลใจ
“คุณออเดรย์ ขอคำสั่งโจมตีด้วยค่ะ” คลาร่ารีบเกริ่นทักท้วง
“อ-อื้อ…! ทุกคนเตรียมร่ายคาถาโจมตีจากมุมสูงและพื้นดิน จุดอ่อนของโดมบาเรียป้องกันส่วนใหญ่จะอยู่ตรงบริเวณสองจุดนั้น ถ้าหากปลดปล่อยพลังเวทโจมตีใส่พร้อม ๆ กันคงน่าจะทำลายมันได้!”
จิ้งจอกสาวนัยน์ตาสีอำพันประกาศคำสั่งอีกครั้ง เหล่าสมาชิกประกาศิตแห่งมังกรแนวหน้าทุกคนพร้อมใจกันถืออาวุธหรืออุปกรณ์สื่อนำ เตรียมเสกคาถาต่อสู้กับเป้าหมายเป็นครั้งที่สอง เวสน่าที่กำลังร่ายมนตรารักษาให้แก่โมนิก้าอยู่ทางแนวหลังจึงทำได้แค่เพียงคอยส่งกำลังใจแก่เหล่าบรรดาสหายศึกไปพลาง
ไซตอนกวาดสายตามองดูสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่มนตรา “Septema auroratium (เจ็ดแสงอรุโณทัยและเจ็ดแสงทมิฬ) ” ยังคงทำงานต่อไป ก่อนจะเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่แล้วเริ่มกล่าวไหว้วานต่อแม่มดสาวผมสีโลหิตไปดังนี้
“สลาติก้า ส่งศิลานักปราชญ์คืนมาให้ข้า พวกเราในตอนนี้คงต่อกรกับอีกฝ่ายที่มีจำนวนมากกว่าไม่ได้ ดังนั้นจงตัดใจจากอัญมณีสีน้ำเงินนั่นเสียเถอะ,,, ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ โอกาสที่จะฟื้นคืนชีพให้กับแม่ของเจ้าก็ยังไม่สูญหายไปไหน”
“…รับทราบค่ะท่านพ่อ”
สลาติก้านำอัญมณีสีแดงส่งคืนให้แก่ราชันจอมมารอย่างว่าง่ายหลังจากใช้เวลาทำใจได้ไม่นาน แม้นว่าความรู้สึกที่อยู่ภายในใจส่วนลึกคิดอยากจะปฏิเสธต่อคำสั่งก็ตาม
“คิดจะหนีงั้นเรอะไอ้ขี้ขลาด!?”
วลาดจอมเสียบส่งเสียงตะโกน เมื่อเห็นว่าในอุ้งมือซ้ายของไซตอนมีศิลานักปราชญ์ อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงพลังเวทของอีกฝ่ายที่เริ่มอ่อนแรงลง บุรุษหน้ากากกะโหลกปีศาจจึงโต้ตอบถ้อยคำกลับคืนไปเพื่อเตรียมจากลา โดยที่อัญมณีสีชาดเริ่มส่องสว่างวูบวาบเปล่งประกายชัดเจน
“น่าเสียดายที่ต้องแยกจากกันตรงนี้ เพราะข้าไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะมาเล่นสนุกกับพวกเจ้า ทว่าสักวันหนึ่งเราคงได้พบเจอกันอีกอย่างแน่นอน แต่ถึงตอนนั้นอารยธรรมจอมปลอมของโลกใบนี้คงล่มสลายลงไปจนหมดสิ้นแล้ว… ลาก่อนวลาดแห่งวาลาเคีย”
“หยุดนะ!”
ไม่ทันที่ราชันผีดูดเลือดจะยกมือซ้ายเตรียมตวัดร่ายคาถาหมายจะผนึกการเคลื่อนไหวของศัตรู แสงสว่างสีขาวโพลนก็พลันเจิดจ้าไปทั่วทุกสารทิศ ส่งผลทำให้สายตาเกิดพร่ามัวไม่อาจมองเห็นสิ่งต่าง ๆ โดยรอบได้ชั่วคราว ออเดรย์และสมาชิกทีมประกาศิตแห่งมังกรซึ่งกำลังจะโจมตีใส่ก็พลอยได้รับผลกระทบนี้ตามไปด้วย
“ว้าย!? /เหวอ!?”
ไม่กี่อึดใจแสงสว่างจึงเริ่มริบหรี่ลง ทั่วท้องฟ้ากลับกลายเป็นสีเทาครึ้มเมฆฝน สายลมซึ่งเคยโบกพัดอย่างรุนแรงพลันสงบนิ่ง พร้อมด้วยหยาดน้ำตกที่โปรยปรายลงมาตามปกติ บัดนี้การประชันกันระหว่างสองพ่อมดจอมขมังเวทถึงคราวสิ้นสุดลง รวมถึงการหายตัวไปของไซตอนและสลาติก้าด้วยอำนาจของศิลานักปราชญ์ ทิ้งไว้เพียงเสียหายที่เกิดขึ้นภายในป่าทึบเท่านั้น
ความเงียบสงัดเริ่มกลับมาเยือนยังป่าทึบอีกครั้งท่ามกลางเสียงของสายฝน หลังจากที่ทัศนวิสัยการมองของบุรุษหนุ่มผมสีเทาแกมดำกลับมาเป็นปกติ เขาก็ถึงกับกัดฟันดังกรอดเมื่อพบว่าราชันจอมมารได้อันตรธานหายไปแล้ว ก่อนจะเคลื่อนเท้าออกตามล่าค้นหาศัตรูคู่อาฆาตเพื่อล้างแค้นต่อไป
ช่วงวินาทีที่วลาดจอมเสียบขยับฝีเท้าได้เพียงสองสามก้าว ทันใดนั้นเสียงของเด็กสาวก็พลันดังแว่วขึ้น
“Vinea ligatum! (เถาวัลย์พันธนาการ) ”
——แซ่กแซ่ก พรึ่บ!
มีกิ่งไม้เถาวัลย์หลายสิบเส้นปรากฏขึ้นจากพื้นดินที่เจ้าชายแห่งวาลาเคียกำลังเหยียบย่ำอยู่ เข้าตวัดรัดเกี่ยวขาทั้งสองข้างเอาไว้จนถึงเอว ทำให้เขาไม่สามารถขยับร่างกายช่วงล่างได้ อีกทั้งยังมีความเหนียวทนทานเป็นพิเศษยากที่จะตัดมันให้ขาดในคราวเดียว เว้นเสียว่าแต่ต้องใช้เวทมนตร์ในการลบล้างเท่านั้น
วลาดรีบก้มลงมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเงยศีรษะหันหน้าไปยังพวกอิทสึกิซึ่งเพิ่งตั้งสติขึ้นมาได้หลังจากที่ทุกคนโดนแสงสีขาวโพลนเล่นงานใส่เมื่อสักครู่นี้ และคนที่ร่ายเวทมนตร์ผูกรัดใส่เขานั้นคือคลาร่า แม่มดสาวร่างเล็กผมทวินเทลเจ้าของนัยน์ตาสองสีนั่นเอง
“ดิฉันจะไม่ยอมปล่อยให้คุณใช้ร่างของเขาไปทำเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างเด็ดขาดค่ะ!”
MANGA DISCUSSION