แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 402 ขอข้าจับชีพจรให้ท่าน
“ท่านแม่ ท่านแม่ไม่รู้อะไร แม่นางเจียงคนนี้เป็นถึง ‘ผู้มีพระคุณ’ ของพี่ชายใหญ่เชียวนะเจ้าคะ นางช่วยกำจัดพิษที่ขาให้พี่ชายใหญ่ซึ่งยอดเยี่ยมมากเลย” กงหว่านพูดเน้นหนักตรงคำว่า “ผู้มีพระคุณ”
ความมืดหม่นซับซ้อนแปลก ๆ ฉายวาบอยู่ในดวงตาของคุณหญิงเหวิน
ที่แท้ก็เป็นแม่นางคนนี้…
“ไม่คิดว่าจะมีหมอเทวดาอายุน้อยที่ทั้งเด็กและหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเช่นนี้” คุณหญิงเหวินรีบปิดบังอารมณ์ในดวงตาของนางอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้นอย่างตื่นตะลึง “ทั้งจวนติ้งกั๋วโฮ่วของเราต้องขอบคุณหมอเทวดาจริง ๆ ที่ช่วยจี้เอ๋อร์ของเรา”
เดิมทีเจียงป่าวชิงกำลังทำความเข้าใจนิสัยของคนพวกนี้อยู่ และตอนที่นางกำลังสนุกกับการทำความเข้าใจนิสัยของพวกเขา จู่ ๆ นางก็ถูกคุณหญิงเหวินพูดถึง ทว่านางไม่ได้ลุกลี้ลุกลน เพียงยิ้มตอบอย่างสุภาพเรียบร้อยและเอ่ยขึ้น “คุณหญิงสองไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ คุณชายกงให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับข้าแล้วเจ้าค่ะ”
ไม่แสดงตัวต่ำต้อยและไม่แสดงตัวโอหัง การพูดจาก็ไม่หนักไม่เบาจนน่าเบื่อ ช่างเป็นคนที่รับมือยากจริง ๆ
ลึกในดวงตาของคุณหญิงเหวินฉายแววความหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย นางไม่คิดว่ากงจี้จะมีผู้ช่วยแสนฉลาดเช่นนี้เพิ่มมาอีกคน “ดูเหมือนว่าข้าจะแก่แล้ว ข้าเห็นว่าแม่นางเจียงคนนี้รูปโฉมงดงามจึงคิดว่าเป็นคนรู้ใจของจี้เอ๋อร์ซะอีกนะ”
คุณหญิงถังหัวเราะเบา ๆ “อื้ม ข้าเองก็ไม่คิดว่านางจะเป็น ‘ผู้มีพระคุณ’ ของจี้เอ๋อร์ นี่เป็นครั้งแรกที่จี้เอ๋อร์กลับจวนติ้งกั๋วโฮ่วในรอบสิบปี เขาพาแม่นางเจียงมาให้เรารู้จัก คิดว่าจี้เอ๋อร์คงให้ความสำคัญกับแม่นางเจียงคนนี้มาก เช่นนี้แล้วเราจะทำให้เขาเสียหน้าไม่ได้”
พูดจบ คุณหญิงถังดึงกำไลข้อมือออกจากบนข้อมือของนางแล้วเข้าไปจับมือเจียงป่าวชิง ราวกับว่านางต้องการมอบของขวัญสำหรับการพบหน้ากันให้กับเจียงป่าวชิง
พฤติกรรมนี้ค่อนข้างแปลกประหลาดอยู่พอสมควร การมอบของขวัญสำหรับการพบหน้ากันนั้น ผู้อาวุโสมักเป็นคนให้ผู้น้อยมาแต่ไหนแต่ไร แม้เจียงป่าวชิงจะถือว่าเป็นผู้น้อยของคุณหญิงถังจริง ๆ แต่สถานะของนางในตอนนี้คือ “ผู้มีพระคุณ” ที่ช่วยรักษาขาของกงจี้จนหายดี การที่คุณหญิงถังปฏิบัติต่อนางอย่างมีพิธีรีตองเช่นนี้เปรียบเสมือนเป็นการผลักดันให้เจียงป่าวชิงดำรงตำแหน่งผู้หญิงของกงจี้โดยสมบูรณ์
แววความนึกสนุกฉายวาบอยู่ในดวงตาของคุณหญิงเหวิน
กงหว่านกับกงจิ้งก็เตรียมตัวดูละครฉากสำคัญแล้วเช่นกัน มีเพียงคุณหญิงตี๋เท่านั้นที่ไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด ถึงอย่างไรนางก็ไม่ชอบเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงไม่ได้สนองความปรารถนาของคนที่รอดูอยู่ นางรอจนถึงตอนที่คุณหญิงถังยื่นมือมาตรงหน้าตัวเอง รีบเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ คว้าข้อมือของคุณหญิงถังมาจับไว้หมับ นิ้วเรียวพลันวางลงไปบนจุดชีพจรของคุณหญิงถังเพื่อจับชีพจรให้คุณหญิงโดยตรง
นี่คือสิ่งที่คนอื่น ๆ ไม่คาดคิด
คุณหญิงถังถือว่าสงบอยู่พอสมควร นางถึงกับพูดขึ้นยิ้ม ๆ “แม่นางเจียงคงไม่ได้ไม่ชอบกำไลข้อมือนี้หรอกใช่ไหม ?”
เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดออะไร ยังคงตั้งใจฟังเสียงชีพจรอย่างเงียบ ๆ ท่าทางตั้งใจฟังเสียงชีพจรที่นางแสดงออกมานั้นยากที่จะบอกว่านางเสียมารยาทที่ไม่สนใจผู้อื่น
อุตส่าห์มีคนมาตั้งอกตั้งใจจับชีพจรให้ แล้วจะให้ไปต่อว่าได้รึ ?
ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ เจียงป่าวชิงเก็บมือกลับมาพลางถอนหายใจเบา ๆ “คุณหญิงสาม ช่วงนี้ท่านมีอาการนอนไม่หลับ ปวดหัว กระสับกระส่าย ขี้หลงขี้ลืม และเหงื่อออกเยอะใช่ไหมเจ้าคะ ?”
คุณหญิงถังตกตะลึง เดิมทีนางตั้งใจปฏิเสธสิ่งที่หมอเทวดาคนนี้พูดทุกอย่างเพราะอยากฆ่าความกล้าหาญของหมอเทวดาคนนี้ แต่ไม่คิดว่าสาวน้อยแซ่เจียงจะพูดตรงกับอาการของนางทุกอย่าง
คุณหญิงถังถึงกับไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไรเลยทีเดียว
“จะ… เจ้าพูดอะไรของเจ้า” คุณหญิงถังสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามยิ้มอย่างฝืดฝืน “สุขภาพร่างกายข้าดีมาก ไม่มีอาการผิดปกติอย่างที่เจ้าว่าหรอก”
นี่เป็นการฝืนปฏิเสธทักษะการตรวจรักษาโรคของเจียงป่าวชิง
ทว่าเมื่อสักครู่คนส่วนใหญ่ต่างก็เห็นสีหน้าตกตะลึงของคุณหญิงถังแล้ว ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะปฏิเสธ ใคร ๆ ก็มองออกว่าคุณหญิงถังโกหก
เจียงป่าวชิงไม่ได้โต้เถียงอะไร “อื้ม เป็นเรื่องปกติที่คุณหญิงสามจะไม่เชื่อใจข้า แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ จะดีกว่าถ้าหากคุณหญิงสามไปพบหมอตั้งแต่เนิ่น ๆ”
นางพูดจนสีเลือดบนใบหน้าของคุณหญิงถังไม่เหลือเลยทีเดียว
กงจิ้งกัดริมฝีปากล่าง นางฝืนยิ้ม “แม่นางเจียง แม่ข้าไม่มีความแค้นอะไรต่อเจ้า เจ้าอย่าขู่แม่ข้าเช่นนี้สิ”
“โถ ๆ ๆ คุณหนูกง” เจียงป่าวชิงมองตรงไปที่กงจิ้ง “เจ้าจะโต้เถียงให้สบายใจด้วยเรื่องแบบนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา ? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายของแม่เจ้า แต่เจ้ากลับหยิบยกมันมาเป็นแต้มต่อเพื่อโกรธข้ารึ ?”
เจียงป่าวชิงพูดอย่างโหดเหี้ยมกว่า
กงจิ้งถูกเจียงป่าวชิงโต้กลับจนพูดไม่ออก นางมองคุณหญิงถังอย่างขอความช่วยเหลือ “ท่านแม่…”
อันที่จริงคุณหญิงถังก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเช่นกัน ถ้าหากว่าสาวน้อยแซ่เจียงคนนี้เจตนาพูดขู่ให้กังวลก็แล้วกันไป แต่นางกลับมีอาการเหล่านี้ทั้งหมดจริง ๆ นี่สิ ช่วงนี้เนื่องจากงานค่อนข้างยุ่ง นางไม่มีเวลาตามหมอในจวนมาจับชีพจร แค่คิดว่าจะรักษาตัวให้ดีหลังจากเสร็จจากงานนี้แล้ว ใครเล่าจะคิดว่าต้องมาถูกสาวน้อยคนหนึ่งชี้ให้เห็นถึงอาการเช่นนี้ นี่ทำให้คุณหญิงถังหวาดหวั่นโดยไม่ตั้งใจ หรือว่าอาการป่วยของนางรุนแรงแล้วอย่างนั้นรึ
“ช่างเถอะ เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า” คุณหญิงถังพยายามพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้ว นางเพียงแค่อยากหลีกเลี่ยงเรื่องที่คุณหญิงถังจะมอบของขวัญสำหรับการพบหน้ากันให้กับนางเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเมื่อจับชีพจรจะเจอเข้ากับปัญหาจริง ๆ ช่วงนี้คุณหญิงถังคงใช้พลังงานมากเกินไป พลังปราณและโลหิตนางจึงไปหล่อเลี้ยงอวัยวะร่างกายไม่เพียงพอ อีกทั้งนางยังมีอาการบางอย่างที่สงสัยว่าจะเข้าสู่ช่วงหมดประจำเดือนอีกด้วย
หลังจากที่เจียงป่าวชิงชี้ให้เห็นเกี่ยวกับอาการของคุณหญิงถัง บรรยากาศภายในห้องก็แปลกไปมาก
อันที่จริงทุกคนที่อยู่ในเรือนสืออันในตอนนี้ มีไม่น้อยที่รู้สึกตงิด ๆ และคิดว่า “ผู้มีพระคุณ” อะไรกัน ไม่แน่อาจเป็นเพียงหน้าฉากก็ได้ แต่เจียงป่าวชิงกลับแสดงฝีมือให้เห็นจริง ๆ แม้คุณหญิงถังจะไม่ยอมรับ แต่เมื่อดูจากท่าทีของคุณหญิงถังก็รู้แล้วว่าที่นางไม่ยอมรับก็เพราะไม่อยากเสียหน้าเท่านั้น ปัญหาที่แม่นางเจียงคนนี้ตรวจเจอกลับกลายเป็นถูกทำเหมือนว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย
เป็นเช่นนี้… เมื่อคิดไปถึงที่กงจี้บอกว่าขาของเขาที่โดนพิษเล่นงานถูกแม่นางเจียงรักษาจนหายดี ภาพลักษณ์ของเจียงป่าวชิงจึงสูงขึ้นอย่างมากในทันใด
โดยเฉพาะนายท่านหญิงตี๋ นางจับไม้เท้าหัวมังกรในมือแน่นด้วยความลังเล เดิมทีนางสั่งให้เย่ชุ่ยไปหยิบไม้เท้าหัวมังกรนี้มาให้นางเพราะคิดว่าถ้าหากหลานชายคนโตไม่เชื่อฟัง นางจะใช้ไม้เท้าหวดลงโทษสักทีสองที แต่หลังจากที่เจอหลานชายคนโตแล้ว นางก็ลืมความคิดลงโทษอีกฝ่ายไปเสียสนิท
นางเริ่มคิดแล้วว่าตัวเอง… ควรให้หมอเทวดาแซ่เจียงคนนี้ช่วยจับชีพจรให้ดีหรือไม่…
นายท่านหญิงตี๋สองจิตสองใจ ถ้าไม่ให้อีกฝ่ายตรวจดูก็รู้สึกเหมือนพลาดโอกาสที่ได้ตรวจกับหมอเทวดาผู้มากฝีมือ และเหมือนจะเป็นการเสียเปรียบอย่างมาก แต่ถ้าหากให้ตรวจดู นางเป็นถึงนายท่านหญิง นั่นมันทำให้รู้สึกเสียหน้าเกินไป
แต่โชคดีที่เจียงป่าวชิงเป็นคนเฉลียวฉลาดมาก เมื่อเห็นว่าเจตนาร้ายของนายท่านหญิงตี๋ที่มีต่อนางไม่ได้รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งในแววตาของหญิงชรายังเต็มไปด้วยความลังเล หลังจากที่นางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจ
นี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเจียงป่าวชิงเลย นางเดินไปข้างหน้า ทำความเคารพนายท่านหญิงตี๋อย่างอ่อนโยน
“นายท่านหญิงเจ้าคะ ท่านเป็นท่านย่าของคุณชายกง แม้คุณชายต้องถูกเนรเทศไปอยู่ข้างนอกตลอดสิบกว่าปีนี้ แต่เขากลับเป็นห่วงเรื่องสุขภาพร่างกายของท่านเสมอ การที่คุณชายพาข้ามาที่จวนนี้ก็เพราะเขาอยากให้ข้าจับชีพจรให้ท่าน หากท่านไม่รังเกียจ ขอข้าจับชีพจรให้ท่านหน่อยได้ไหมเจ้าคะ ?”
.