แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 401 เหวินชื่อ
สาวใช้กลุ่มใหญ่เข้ามายืนเป็นแถวยาวเหยียดอยู่ด้านหลังคุณหญิงผู้สูงส่งทั้งสอง แต่เพราะรู้เรื่องกฎระเบียบดี สาวใช้ส่วนใหญ่จึงหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าฉากกันลม คนที่ตามพวกเจ้านายเข้ามาในตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ก่อนที่เจียงป่าวชิงจะมาจวนติ้งกั๋วโฮ่ว แน่นอนว่านางสอบถามกงจี้เกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวของเขาและทำการบ้านมาเป็นอย่างดีแล้ว
เช่นเดียวกับเหวินชื่อหรือคุณหญิงสองผู้ซึ่งเป็นผู้คุมอำนาจในจวน ถึงอย่างไรตำแหน่งก็ส่งต่อไปยังสามีของนาง และเหวินชื่อก็มีเหตุผลที่ตัวนางจะดูแลเรื่องต่าง ๆ ภายในจวน
กงหว่านนั้นเป็นบุตรสาวของเหวินชื่อหรือก็คือคุณหญิงสอง นางยังมีพี่สาวกับพี่ชายอย่างละคน พี่สาวของนางเกิดจากเมียน้อยซึ่งแต่งออกไปหลายปีแล้ว และจะไปมาหาสู่กันตามช่วงเทศกาลเท่านั้น กงหว่านมีความภาคภูมิใจที่เป็นลูกสาวเมียหลวงจึงไม่ชอบอยู่กับกงชานพี่สาวที่เกิดจากเมียน้อย
กงซู่พี่ชายกงหว่าน เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของบ้านหลังที่สองและแต่งงานแล้ว จงเกอเอ๋อร์ลูกชายคนโตของเขาอายุได้ห้าขวบปีและเป็นที่โปรดปรานของนายท่านหญิงตี๋อย่างมาก
ส่วนถังชื่อหรือคุณหญิงสามแห่งจวนติ้งกั๋วโฮ่ว เนื่องจากนางแต่งงานกับลูกเมียน้อยซึ่งไม่เป็นที่โปรดปรานเท่าไรนัก ตำแหน่งของนางในจวนจึงค่อนข้างน้อยนิด แต่ถังชื่อเป็นคนที่รู้จักว่าอะไรสำคัญไม่สำคัญ แม้นางมีความสัมพันธ์เป็นน้องสะใภ้ของเหวินชื่อ แต่เพราะไม่ใช่สายตรงจึงต่ำต้อยกว่าเป็นธรรมดา ถังชื่อมักประจบประแจงคุณหญิงเหวินอย่างระมัดระวังเสมอ อีกทั้งยังรู้จักวางตัว ไม่เคยคิดยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในจวนตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เพียงแค่ใช้ชีวิตดูแลอะไรต่อมิอะไรอยู่ที่บ้านหลังที่สามของนางเท่านั้น คุณหญิงเหวินก็ถือว่าค่อนข้างดีกับนางเช่นกัน
กงจิ้งที่ติดตามอยู่ข้างหลังกงหว่านเป็นลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎบ้านเมืองของถังชื่อผู้เป็นภรรยาบ้านหลังที่สาม
ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎบ้านเมืองแต่กลับเป็นสายรอง สถานะของกงจิ้งเองก็ค่อนข้างน่าเก้อเขินพอสมควร เพื่อให้อยู่รอดได้ในจวนนี้ นางต้องคอยประจบประแจงกงหว่านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนที่ถังชื่อแม่ของนางคอยประจบเหวินชื่อ
ความคิดในหัวของเจียงป่าวชิงจางหายไปอย่างรวดเร็วทันทีที่หูได้ยินเสียงนายท่านหญิงตี๋เรียกขึ้นมาว่า “แก้วตาดวงใจ” อย่างเต็มปาก นางนำเด็กผู้ชายที่ถูกจูงมือโดยสตรีสูงส่งคนที่นำอยู่ข้างหน้าเข้ามาในอ้อมกอด
“อ้า… อากาศหนาวเช่นนี้ ย่าของเจ้านี่ก็จริง ๆ เลย เจ้าเพิ่งหายจากโรคหวัดแท้ ๆ แต่ทำไมย่าเจ้าถึงให้เจ้าออกมาแล้วเล่า ?” นายท่านหญิงตี๋โมโห
เด็กผู้ชายคนนั้นเงยหน้าพูดขึ้นอย่างรู้เรื่องตามประสาเด็ก “คารวะท่านย่าเป็นเรื่องใหญ่ขอรับ จงเกอเอ๋อร์สบายดีแล้ว ต้องมาคารวะท่านย่าขอรับ”
เจียงป่าวชิงหลุบตาลง สีหน้ายังคงราบเรียบเช่นเดิม
เจ้าเด็กน้อยคนนี้ช่างรู้เรื่องดีจริง ๆ แม้แต่เด็กอายุห้าขวบก็ยังรู้จักคารวะ ทำตัวกตัญญู นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการเปรียบเทียบกับคนอกตัญญูบางคนที่ไม่ได้ก้าวเข้ามาในบ้านเป็นเวลากว่าสิบปีหรอกรึ
นายท่านหญิงตี๋รู้สึกรักจงเกอเอ๋อร์อย่างสุดหัวใจ นางโอบกอดกงจงและเอื้อนเอ่ยออกมาว่า “แก้วตาดวงใจ” ด้วยท่าทางรักใคร่เสียเต็มประดา
ในตอนนี้เอง คุณหญิงเหวินถึงจะหันไปมองกงจี้ นางเห็นว่ากงจี้ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่าแลดูสูงศักดิ์อย่างเคย ที่สำคัญประกายแห่งความมืดมิดฉายวาบอยู่ในดวงตาของอีกฝ่าย กงจี้ก็ยังเป็นกงจี้คนเดิม
“จี้เอ๋อร์ใช่ไหม ? นี่ก็ผ่านไปกว่าสิบปีแล้วที่แยกจากกัน น้าสองเกือบจำเจ้าไม่ได้แล้วเชียว ขาของเจ้าหายดีแล้วหรือ ? …เจ้าเด็กคนนี้จริง ๆ เลยนะ จากไปก็ไปนานกว่าสิบปี เจ้าไม่รู้รึว่านายท่านหญิงคิดถึงเจ้าแค่ไหน! เจ้าเองก็ช่างใจดำจริง ๆ ที่ไม่เคยกลับมาจวนเลย!”
เมื่อคุณหญิงเหวินพูดถึงจุดสะเทือนใจ น้ำตาของนางพลันหลั่งไหลออกมา นางใช้ผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาที่หางตาด้วยสีหน้าทอดถอนใจ “เฮ้อ… ที่แม่เจ้ากินเจและไหว้พระตลอดกว่าสิบปีนี้ไม่ได้สูญเปล่า นี่เจ้าก็กลับมาในสภาพเป็นปกติแล้ว”
กงจี้พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ขอบคุณน้าสองที่เป็นห่วงข้า”
คุณหญิงเหวินใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาและพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมถึงยังทำนิสัยดื้อรั้นอยู่อีก… นี่เจ้าไปพบแม่ของเจ้าหรือยัง ?”
เมื่อนายท่านหญิงตี๋ได้ยินที่เหวินชื่อพูด นางก็อดส่งเสียงออกมาทางจมูกไม่ได้ “หึ! ยังต้องให้คนอื่นพูดเร่งอีกรึ ไปพบมาแล้วถึงค่อยมาที่เรือนข้าน่ะสิ”
ความหึงหวงเจืออยู่ในคำพูดเล็กน้อย
คุณหญิงเหวินถอนหายใจ “ท่านแม่ ดูท่านแม่พูดเข้าสิ จี้เอ๋อร์กับพี่สะใภ้เป็นแม่ลูกกัน พวกเขามีหัวใจที่ผูกพันกันเป็นธรรมดา เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่จี้เอ๋อร์จะไปพบพี่สะใภ้ก่อน” พูดจบ คุณหญิงเหวินก็เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น “แม่เจ้าสบายดีไหม ? …นางมักเก็บตัวอยู่แต่ในหอกราบไหว้และเคาะปลาไม้ของนาง ข้าไปหานางสิบครั้งแต่สวนใหญ่จะไม่เจอนาง แม่นมหลีบอกว่านางมีจิตใจเลื่อมใสในการไหว้พระจึงไม่สามารถเจอแขกได้บ่อยนัก”
นายท่านหญิงตี๋อดพูดขึ้นอีกครั้งไม่ได้ “เพราะอาหยูนิสัยดี หากเป็นข้าคงโมโหไปแล้ว นิสัยแม่ของจี้เอ๋อร์ก็แข็งทื่อเหมือนจี้เอ๋อร์นั่นแหละ”
อาหยูเป็นชื่อของคุณหญิงเหวิน จะเห็นได้ว่านายท่านหญิงตี๋สนิทสนมกับคุณหญิงเหวินจริง ๆ
คุณหญิงเหวินยิ้ม ในฐานะแม่สามีนายท่านหญิงตี๋ นางสามารถบ่นได้เล็กน้อย แต่นางที่เป็นน้องสะใภ้กลับไม่ง่ายที่จะวิจารณ์คุณหญิงช่างเช่นนี้ ถ้าหากเรื่องนี้ถูกพูดออกไปจะเป็นเช่นไร… ให้เขาพูดกันว่าคุณหญิงจวนโฮ่วอย่างนางให้อภัยพี่สะใภ้ที่เป็นแม่หม้ายไม่ได้อย่างนั้นรึ
ดังนั้น คุณหญิงเหวินต้องสนองความต้องการของคุณหญิงช่างเป็นอย่างดี แม้สิ่งของในหอกราบไหว้สรวงสวรรค์จะดูเรียบง่าย แต่มันกลับเป็นสิ่งของชั้นดีทั้งหมด และคุณหญิงเหวินจะไม่ล้มเหลวอย่างเด็ดขาด
แน่นอนว่ามีความไม่พอใจเช่นกันแต่นางเป็นคนมากวิธีการ เพียงแค่สนองความต้องการของคุณหญิงช่าง นายท่านหญิงตี๋จะออกหน้าช่วยเหลือแทนนางเอง
เวลาผ่านไป แม้ว่าคุณหญิงช่างจะปิดตัวเป็นเวลานานแล้วแต่ยังคงมีคนพูดถึงนางว่า “อารมณ์แปรปรวนอย่างมาก” “เป็นบ้า” และ “เข้ากับคนยาก” อยู่ดี
“ท่านย่าของเจ้าค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมา เจ้าอย่าได้นำไปใส่ใจ…” คุณหญิงเหวินพูดกับกงจี้ยิ้ม ๆ “…คาดว่าอีกประเดี๋ยวเมื่ออาสองกับอาสามของเจ้าเสร็จการประชุมราชสำนักตอนเช้าแล้วก็คงพากันมาที่นี่ ยังมีน้องสองของเจ้าอีก เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเข้าไปสั่งสมประสบการณ์ที่ฝ่ายจัดหาคน ผู้บังคับบัญชาของเขาจัดสรรงานให้เขามากมาย ไม่รู้ว่าไปเอางานมากมายถึงเพียงนั้นมาจากไหน คิดว่าเขาคงเลิกงานช้าสักหน่อย”
คุณหญิงถังที่เงียบมาตลอดถอนหายใจแล้วพูดขึ้นจากข้าง ๆ “พี่สะใภ้สองช่างมีหัวใจของคนเป็นแม่จริง ๆ ลูกชายพี่มีบุญวาสนาแต่พี่กลับไม่เข้าใจในบุญวาสนานี้ ที่ฝ่ายจัดหาคนไม่ว่างงานก็เพราะซู่เอ๋อร์เป็นที่โปรดปรานของผู้บังคับบัญชายังไงเล่า ผู้บังคับบัญชาของซู่เอ๋อร์คงอยากทุ่มเทปลูกฝังเขา ถึงได้จัดสรรงานมากมายให้กับเขาเพื่อให้ได้ฝึกฝน ครอบครัวอย่างเรามั่งคั่งมาแต่กำเนิด ไม่ต้องร้องขออะไรใคร แต่การที่ได้พบเจอกับลูกหลานที่มีความสามารถอย่างซู่เอ๋อร์เป็นเรื่องโชคดีอย่างมาก ถ้าหากว่าลุ่นเอ๋อร์ของข้ามีความสามารถได้สักครึ่งของซู่เอ๋อร์ เกรงว่าคนเป็นแม่อย่างข้าคงหัวเราะจนปลุกตัวเองให้ตื่นจากความฝันได้”
ด้วยความเกลียดชังที่นายท่านหญิงตี๋มีต่อบ้านหลังที่สาม แต่พวกบ้านหลังที่สามยังสามารถอยู่ในจวนติ้งกั๋วโฮ่วได้เป็นอย่างดีมาจนถึงตอนนี้นั้น ต้องบอกว่าคุณหญิงถังกับกงจิ้งถือว่ามีความดีความชอบอย่างมาก สองแม่ลูกต่างก็พูดเป็นและพูดเก่งกันทั้งนั้น พวกนางมักประจบประแจงจนทำให้นายท่านหญิงตี๋กับคุณหญิงเหวินรู้สึกสบายใจ
คุณหญิงถังพูดชนิดที่ว่าถึงกับเหยียบย่ำลูกชายของนางในคำพูดอย่างไม่เสียดายเพื่อยกกงซู่ให้สูงขึ้น หลังจากที่นางพูดเช่นนี้ ไม่ว่านายท่านหญิงตี๋หรือคุณหญิงเหวินต่างก็รู้สึกสบายใจเมื่อได้ฟัง
กงจี้หัวเราะเยาะในใจแต่เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงมองดูอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
หลังจากที่พูดแสดงความเกรงใจยกใหญ่แล้ว ในที่สุดคุณหญิงเหวินก็ลากหัวข้อสนทนาไปยังเจียงป่าวชิงที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ
“จะว่าไปแล้วตั้งแต่มานี่ ข้ารู้สึกประหลาดใจนะ เอ่อ… ไม่ทราบว่าแม่นางคนงามคนนี้ เจ้าเป็นใครมาจากที่ไหนรึ ?” คุณหญิงเหวินพูดขึ้นด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าตัวเองตาลายไปเสียแล้ว และคิดว่าเมื่อใดกันที่ในเมืองหลวงมีสตรีงามไม่เป็นสองรองใครเช่นนี้เพิ่มมาอีกคน ?”