แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 399 นางเป็นใคร
เด็กสาวหนึ่งในนั้นที่สง่างามและสวยเพียบพร้อมยิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่ชายใหญ่ไม่ได้กลับบ้านนานกว่าสิบปี คิดว่าคงจำพี่หว่านเอ๋อร์ไม่ได้แล้ว แล้วพี่ชายใหญ่จำข้าได้ไหมจ๊ะ ข้า อาจิ้งจ้ะ”
นายท่านหญิงตี๋ยังมีอารมณ์แสดงออกมาทางใบหน้าอยู่เล็กน้อยเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ นางนึกได้ว่าหลานชายคนโตคนนี้ไม่ได้กลับจวนมากว่าสิบปี แต่เขากลับไม่มาพบท่านย่าอย่างนางก่อน ช่างไม่รู้จักให้ความสำคัญกับย่าตัวเองเลย!
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนายท่านหญิงตี๋เปลี่ยนแปลง กงหว่านก็ส่งสายตาชื่นชมไปให้กงจิ้งด้วยสีหน้าราบเรียบ
แต่กงจี้จะมองไม่แตกเกี่ยวกับวิธีการเจ้าเล่ห์เช่นนี้ได้อย่างไร เขาเพียงแค่คร้านจะสนใจพวกนางก็เท่านั้น “แน่นอนว่าจำไม่ได้ เมื่อสิบปีก่อนตอนที่ข้าถูกคนทรยศทำร้ายวางยาพิษใส่ข้าจนทำให้ข้าถึงกับเดินไม่ได้ พวกเจ้ายังเป็นแค่เด็กทารก”
พูดถึงเรื่องนี้ นายท่านหญิงตี๋ก็นึกเรื่องอะไรได้ว่าหลานชายคนโตคนนี้เกือบกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตแล้ว นางมองกงจี้ด้วยสีหน้าซับซ้อน
กงหว่านเห็นท่าไม่ดี นางรู้ว่าเมื่อคนแก่อายุมากขึ้น ความรู้สึกเป็นห่วงลูกหลานจะเหนือสิ่งอื่นใด นางกำลังคิดหาวิธีรับมือจวบจนสายตาของนางไปหยุดที่เจียงป่าวชิงซึ่งยืนอยู่ข้างหลังกงจี้ นางก็ตกตะลึง ก่อนที่ความอิจฉาริษยาลึกในทรวงอกของนางจะทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง
สายตากงหว่านหนักแน่นขึ้น แต่นางกลับเปลี่ยนเป็นยิ้มดีใจและแปลกใจไปพร้อม ๆ กัน “พี่ชายใหญ่ แม่นางที่อยู่ข้างหลังพี่ช่างงดงามมากจริง ๆ จ้ะ นางคือใครหรือจ๊ะ ?”
พูดถึงเรื่องนี้ ในที่สุดสายตานายท่านหญิงตี๋ที่จับจ้องหลานชายก็เบนไปมองเจียงป่าวชิงและอดขมวดคิ้วไม่ได้ สำหรับนางแล้ว ผู้หญิงที่เกิดมาสวยงามเกินไปล้วนแต่เป็นหายนะ
โจอี๋เหนียงที่ยั่วยวนนายท่านผู้ซึ่งเป็นเจ้าของจวนโฮ่วเมื่อก่อนก็เป็นเช่นนี้ ช่างชื่อที่โปรยเสน่ห์ให้กับลูกชายคนโตของนางเมื่อปีก่อนก็เป็นเช่นนี้ และหญิงผู้ที่หลานชายพากลับมาโดยไม่คำนึงถึงประเพณีและความรู้สึกละอายต่อบาปในตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้ด้วย!
นายท่านหญิงตี๋ไม่สนใจจะพูดคำพูดล่วงเกินกับหลานชายที่กลับมาพบหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอมานาน แต่เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านางคนนี้ เป็นนางแพศยาชวนให้หลงใหลที่ไม่สามารถหยิบยกขึ้นมาวางให้ผู้คนเห็นอย่างโจ่งแจ้งได้ในสายตาของนาง นางไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย
“เหลวไหล!” นายท่านหญิงตี๋ไม่รอให้กงจี้ได้พูดอะไร นางก็ตำหนิอย่างไม่พอใจ “จี้เอ๋อร์ เจ้าอยู่ข้างนอกกว่าสิบปีคงลืมกฎระเบียบในบ้านไปแล้ว ข้าเป็นย่า ข้ารักเจ้าจึงไม่โทษเจ้าในเรื่องนี้… แต่คนที่เจ้าพากลับมาด้วยนั้นเป็นใครมาจากไหน ในวันรวมญาติเช่นนี้เจ้าพาคนนอกกลับมาด้วยทำไมฮะ ?”
ความไม่พอใจอยู่เหนือคำบรรยาย
วันรวมญาติอย่างนั้นรึ… สายตากงจี้เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นทันที
ต้องขอบคุณบางคน พ่อของเขาเสียชีวิตในถิ่นทุรกันดาร เขาไม่มีโอกาสได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวอีกแล้วในชีวิตนี้
กงจี้ยังไม่ได้ตอบอะไร กงหว่านก็ออดอ้อนนายท่านหญิงตี๋ด้วยรอยยิ้มเสียก่อน “ท่านย่ายังต้องถามอีกหรือเจ้าคะ ? พี่ชายใหญ่กลับจวนครั้งแรกในรอบสิบปีแล้วพาพี่สาวนางนี้กลับมาด้วย คิดว่านางคงเป็นคนสำคัญมากอย่างแน่นอนเลยเจ้าค่ะ”
เดิมทีน้ำเสียงที่นางใช้พูดมักจะหวานและชัดเจน แต่นางกลับพูดว่า “คนสำคัญมาก” อย่างอ้อมแอ้มราวกับกำลังอมอะไรบางอย่างไว้ในปาก ทำให้คนฟังรู้สึกไม่สบายหูเมื่อได้ยิน
ทว่านายท่านหญิงตี๋กลับเป็นหนักกว่านั้น นางขมวดคิ้วสูงพลางเอ่ยออกมาว่า “ เหลวไหล ” และเรียกกงจี้อย่างเข้มงวด “หลานอย่างเจ้านี่นะ ต้องให้ข้าพูดยังไงเจ้าถึงจะเชื่อฟัง!”
“นายท่านหญิงเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ” เสียงใสของเจียงป่าวชิงดังขึ้นในห้อง แตกต่างจากบรรยากาศนุ่มนวลท่ามกลางกลิ่นของซูเหอเซียง น้ำเสียงนางเปรียบเสมือนน้ำพุข้างลำธารแฝงกลิ่นอายความหวานเย็นที่แทรกซึมอยู่ในใจของผู้คน “ที่คุณชายกงพาข้ากลับมาด้วยนั้นไม่ได้มีสาเหตุอื่น แต่เป็นเพราะคุณชายกงเคารพนายท่านหญิงเจ้าค่ะ”
“เคารพข้าอย่างนั้นรึ ?” นายท่านหญิงตี๋รู้สึกสับสนกับคำพูดของเจียงป่าวชิงเล็กน้อย แม้นางจะอคติต่อเจียงป่าวชิงไปแล้ว แต่ในตอนนี้คำพูดของเจียงป่าวชิงดึงดูดความสนใจของนางจนอดซักถามไม่ได้
‘แย่แล้ว’ กงหว่านคิดในใจ นางเกรงว่าหญิงที่มีรูปลักษณ์งามเกินจนทำให้นางรู้สึกไม่พอใจคนนี้จะไม่ใช่คนโง่เง่าเต่าตุ่น ฟังจากคำพูดไม่กี่ประโยค มันเหมือนกับว่านางเปลี่ยนจากฝ่ายถูกกระทำมาเป็นฝ่ายกระทำแล้ว
“พี่สาวรู้สึกเขินอายแล้วล่ะสิจ๊ะ” กงหว่านปิดปากเล็ก ๆ ของตัวเองด้วยผ้าเช็ดหน้าแล้วยิ้มหวาน “ถึงแม้การที่พี่ชายใหญ่พาพี่สาวกลับมาโดยไม่ได้ผ่านการตัดสินใจของพ่อแม่และการแนะนำจากแม่สื่อนั้นจะไม่ถูกหลักประเพณี แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พี่สาวอย่าได้นำไปใส่ใจเลยนะ ถึงยังไงที่นี่ก็มีแต่คนกันเอง พี่ชายใหญ่เองก็อยากให้ท่านย่าพบกับคนที่เขาเลือกแล้ว เขาถึงได้พาพี่กลับมาด้วยยังไงล่ะจ๊ะ”
นี่เป็นการพูดเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างเจียงป่าวชิงกับกงจี้
สีหน้านายท่านหญิงตี๋กลับมาย่ำแย่อีกครั้ง เมื่อได้ยินที่กงหว่านพูดนางก็รู้สึกไม่ชอบเจียงป่าวชิงมากยิ่งขึ้น จะให้คิดอย่างไรได้ ก็นี่ไม่ถูกหลักประเพณีจริง ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่นายท่านหญิงตี๋รู้สึกไม่ชอบเจียงป่าวชิงคือหลังจากที่นางได้ยินว่าหลานชายคนโตของนางกำจัดพิษที่ขาออกไปได้แล้ว ภายใต้คำว่าหวังดี นายท่านหญิงตี๋เริ่มใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานของกงจี้ด้วยความกระตือรือร้น
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่พวกสาวใช้ที่ใกล้ชิดอยู่ข้างกายนายท่านหญิงตี๋กลับรู้ดีว่าช่วงนี้นายท่านหญิงตี๋เล็งคุณหนูคนหนึ่งที่มีอายุเหมาะสมซึ่งกำลังรอที่จะแต่งงานจากบ้านพ่อแม่ของนางแล้วหลายครั้ง เพราะนางต้องการกำหนดเรื่องการแต่งงานของกงจี้กับคุณหนูจากตระกูลตี๋ของนาง
กงจี้กลับจวนตอนนี้ก็แล้วกันไป แต่กลับพาแม่นางคนหนึ่งกลับมาด้วยเป็นพิเศษ ทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่ทำให้ไม่สามารถเบนสายตาไปทางอื่นได้ง่าย ๆ อีก เช่นนี้จะไม่ให้นายท่านหญิงตี๋โมโหได้อย่างไร
เมื่อเผชิญกับสีหน้าหมองหม่นของนายท่านหญิงตี๋กับการพูดใส่ไฟของกงหว่าน เจียงป่าวชิงไม่ได้ลุกลี้ลุกลน นางเพียงยิ้มอย่างสง่าเท่านั้น
กงจี้เหลือบมองกงหว่านเล็กน้อย น้ำเสียงเขาเจือความเย็นยะเยือก “ไม่ถูกหลักประเพณีงั้นรึ กงหว่าน เจ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร นี่คือหมอเทวดาเจียง นางช่วยกำจัดพิษที่ขาของข้าจนหมด บอกว่านางเป็นผู้มีพระคุณของข้าก็ยังไม่เพียงพอด้วยซ้ำ ข้าพาผู้มีพระคุณกลับมาแนะนำให้ท่านย่ารู้จัก มันไม่ถูกหลักประเพณีตรงไหน ? ไหนเจ้าช่วยพูดขยายความหน่อยว่ามันไม่ถูกหลักประเพณียังไง”
รอยยิ้มของกงหว่านแข็งทื่ออยู่บนใบหน้าราวกับว่ามันแตกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างไรอย่างนั้น แม้ปฏิกิริยาของกงหว่านจะเร็วมาก แต่นางกลับสับสนเล็กน้อยในตอนนี้ “ผู้มีพระคุณ… นี่… เป็นไปได้ยังไง ?”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้เล่า ?!” กงจี้แค่นหัวเราะ
กงหว่านยิ้มทื่อ ๆ “พี่ชายใหญ่ไม่ต้องล้อเล่นแล้ว พิษที่ขาของพี่ในตอนนั้น ในวังส่งหมอหลวงมาที่นี่ บรรดาหมอหลวงตรวจพร้อมกันแต่ก็ไม่พบวิธีกำจัดพิษ จึงทำได้เพียงปล่อยให้มันรุกล้ำกัดกินขาของพี่… แม่นางคนนี้ดูเหมือนอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี นางจะสามารถกำจัดพิษได้ดีกว่าหมอที่มีประสบการณ์เหล่านั้นได้ยังไง ?”
เมื่อนายท่านหญิงตี๋ที่เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างได้ฟังคำพูดของกงหว่าน นางก็พยักหน้าต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว “จี้เอ๋อร์ เจ้าอย่าสร้างคำพูดมาหลอกข้าเพียงเพื่อต้องการหลุดพ้นจากโทษเลย” นางพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “หว่านเอ๋อร์พูดถูก ตอนนั้นทั้งหมอหลวงและหมอเทวดาพื้นบ้านมากมายต่างก็ไร้ซึ่งหนทาง แม่นางอายุน้อยคนนี้ไม่มีทางเก่งกาจกว่าหมอหลวงที่ทำงานอยู่ในวังได้หรอก!”
“ถ้าอย่างนั้น…” กงจี้ถามกลับ “…ท่านย่าคิดว่านางฟ้าบนสรวงสวรรค์รักษาขาของข้าจนหายดีอย่างนั้นรึ ?”
.