แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 396 พบคุณหญิงช่างครั้งแรก
“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วแต่เจ้าก็ยังไม่ชอบใส่เสื้อตัวใหญ่อยู่ดีนะ”
สาวใช้ได้ยินเสียงเย็นชาที่คล้ายกับพูดอย่างละเหี่ยใจ นางลอบเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าคุณชายใหญ่ที่ผู้คนลือกันว่าไร้ความปราณีคุ้มดีคุ้มร้ายกำลังขมวดคิ้ว ถือเสื้อคลุมตัวใหญ่ไว้ในมือ ก่อนจะนำเสื้อคลุมไปพาดไว้บนไหล่ของสาวน้อยคนนั้น เมื่อดูจากขนาดของเสื้อคลุมแล้ว มันเหมาะกับรูปร่างของสาวน้อยอย่างพอดิบพอดี
สาวใช้เห็นแล้วถึงกับตกใจ นางรีบก้มหน้าอย่างรวดเร็วแต่ในใจครุ่นคิดว่าแม่นางคนนี้เป็นสตรีผู้สูงส่งมาจากบ้านไหนกันแน่… เป็นหยุนซีบุตรสาวของท่านหลินอันจากตระกูลหวัง หรือเป็นคุณหนูหยุนเคอจากบ้านของอัครเสนาบดีซือหม่า
“ไม่ใช่ว่าไม่ชอบใส่ ข้าแค่รู้สึกว่ามันหนักไปหน่อย” สาวน้อยอธิบายเสียงเบา เสียงนั้นเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังเดินมาทางนี้
ในที่สุดสาวใช้ก็อดลอบเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้ แล้วนางก็ต้องเบิกตากว้างโดยไม่รู้ตัว สาวน้อยคนนี้ไม่ใช่สตรีผู้สูงส่งในภาพความประทับใจเก่า ๆ ของนาง แต่สาวน้อยคนนี้เป็นผู้มาใหม่ที่งดงามไม่เป็นสองรองใครยิ่งกว่าสตรีผู้สูงส่งทุกคนที่นางเคยเห็นมา แม่นางคนงามนี้ให้ความรู้สึกราวกับเสียงต้นฤดูใบไม้ผลิที่น้ำแข็งในลำธารแตกกะทันหัน ทำให้ผู้คนตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้เห็น เมื่อสักครู่นางยังคงคิดว่าสาวน้อยแต่งกายเหมือนนางฟ้าที่บินออกมาจากภูเขาและผืนน้ำสีเขียว และกลัวว่าโฉมหน้าของสาวน้อยจะคุมการแต่งกายของตัวเองไม่อยู่ แต่หลังจากที่ได้เห็นโฉมหน้าของสาวน้อยแล้ว สาวใช้ถึงจะรู้ว่าตัวเองคิดผิด รูปโฉมไม่เป็นสองรองใครเช่นนี้จะไม่สามารถคุมการแต่งกายของตัวเองได้อย่างไร ตรงกันข้าม การแต่งกายดังกล่าวขับให้นางดูเด่นเอามาก ๆ
สาวใช้มองจนใจลอย ทันใดนั้นเอง นางพบว่าคุณชายใหญ่ที่ลือกันว่าจิตใจโหดเหี้ยมไร้ความปราณียืนอยู่ตรงหน้านางแล้ว ใบหน้าเขาบึ้งตึงสมคำร่ำลือ คล้ายกับว่าเขารู้สึกไม่พอใจอาการใจลอยของนาง
สาวใช้ดึงสติกลับมาและคว่ำหน้าลงกับพื้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ตอนนี้ในใจของนางมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้นคือ…
แย่แล้ว!
แม่ชราที่ป่วยหนักในบ้านยังคงรอเงินจากนาง นางต้องซื้อยากลับไปให้แม่ จะมาตายเอาตรงนี้ไม่ได้!
“เอาล่ะ ไม่ใช่ว่าท่านป้ากำลังรอเราอยู่หรอกรึ ?” น้ำเสียงของสาวน้อยเบาทว่าเป็นธรรมชาติ …คล้ายกับว่ากำลังพูดกล่อมคุณชายใหญ่ที่น่ากลัวมากคนนั้น
สาวใช้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นคนจมน้ำที่เก็บกลั้นอากาศหายใจเฮือกสุดท้ายเอาไว้ นางคว่ำหน้าลงกับพื้น กลั้นหายใจจนร่างแข็งทื่อไปทั้งตัว ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว นางได้ยินเพียงแค่เสียงพ่นลมไม่พอใจที่ออกจากจมูกอย่างเย็นชา ในที่สุดเสียงฝีเท้าที่ได้ยินก็ค่อย ๆ ห่างออกไป
ผ่านไปนาน สาวใช้ก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น เหงื่อไหลซึมอยู่ภายใต้เสื้อกันหนาวราวกับว่าเพิ่งถูกดึงขึ้นมาจากในน้ำอย่างไรอย่างนั้น และนางรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองรอดพ้นจากความตายแล้ว
……
ทั้งหมดเดินกันไปตามทางเดินเล็ก ๆ หิมะขาว ๆ เพิ่งตกไปทำให้ยังมีหิมะเกาะอยู่บนต้นไม้ข้าง ๆ จนทุกสิ่งอย่างดูขาวโพลนไปหมด ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมองเพลินมาก เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็จะเห็นทางเดินหินยาว ๆ ที่ยื่นออกมาบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง สุดทางเดินหินเป็นศาลาที่มีชายคา
เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “คุณชายกง คนออกแบบบ้านคุณชายต้องเป็นท่านอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน หมุนฝีเท้าหันมองดูทิวทัศน์ก็สามารถชื่นชมความงามในฤดูหนาวเช่นนี้ได้ เมื่อถึงเวลาที่ดอกไม้ผลิดอกแพรวพราว ก็ไม่รู้ว่าทิวทัศน์ที่นี่จะเป็นเช่นไรยามที่ดอกไม้บานสะพรั่ง”
กงจี้พูดขึ้นอย่างสงบ “นี่คือบ้านที่บรรพบุรุษส่งต่อกันมาและมีประวัติหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่จะมีการซ่อมบำรุงรักษาทุกรุ่น ส่วนที่ว่าใครเป็นคนออกแบบตั้งแต่แรกนั้นคงตรวจสอบไม่ได้แล้ว”
เจียงป่าวชิงยิ้มน้อย ๆ “ตระกูลเก่าแก่ของพวกคุณชายมักเป็นเช่นนี้จริง ๆ นั่นแหละ”
สำหรับภูมิหลังของตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของกงจี้กลับยอมรับอย่างใจเย็น หลายปีมานี้การล้มหายตายจากกันเข้ามาเยือนแล้ว จะมองเห็นสิ่งเหล่านี้ไม่ชัดได้อย่างไร
ทั้งสองคนพูดคุยกันเบา ๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าลานเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในไม่ช้า กงจี้เงยหน้าขึ้นมองตัวอักษรตัวเล็ก ๆ ดูไม่ค่อยสะดุดตาที่ประทับอยู่บนประตูโค้งว่า ‘หอกราบไหว้สรวงสวรรค์’
ตอนที่เจียงป่าวชิงมาที่นี่ นางได้ยินกงจี้บอกว่าในปีที่เขากับพ่อประสบเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาอย่างรุนแรง พ่อของเขาเสียชีวิต ส่วนตัวเขาโดนพิษร้ายแรงเล่นงาน ถ้าหากว่าเขาไม่ได้หาทางบังคับพิษให้ลงไปที่ขา เกรงว่าตอนนี้เขาคงตามพ่อของเขาไปแล้ว เขานั้นเร่งสั่งคนให้ตรวจหาไอ้คนอำมหิตที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ว่ามาเป็นเวลานาน และสุดท้ายก็ตัดสินใจไปจากเมืองหลวงภายใต้ความผิดหวังของตัวเอง ตั้งแต่นั้น แม่ของเขาก็ย้ายเข้าไปอยู่ในหอกราบไหว้สรวงสวรรค์แห่งนี้ นางเหลือเพียงแม่นมที่คอยรับใช้นางตั้งแต่ยังเล็กอยู่ข้างกาย นางไม่สนใจเรื่องทางโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ขณะนี้ ประตูห้องหลักในลานเล็ก ๆ ที่ดูเงียบเหงาของหอกราบไหว้สรวงสวรรค์แห่งนี้เปิดออกแล้ว แม่นมที่แต่งกายเรียบง่ายคนหนึ่งเดินออกมาจากในบ้าน เมื่อเห็นเจียงป่าวชิงกับกงจี้ อีกฝ่ายก็ยิ้มบาง ๆ ให้ “คุณชาย คุณหญิงกำลังรอพวกท่านอยู่ในบ้านเจ้าค่ะ”
กงจี้จับมือเจียงป่าวชิงไว้ นางชะงักงันเล็กน้อย
เนื่องจากตอนอยู่ต่อหน้าผู้คนของจวนติ้งกั๋วโฮ่ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นเพียง “ผู้ถูกรักษาขากับหมอที่รักษาขาให้จนกลับมาเดินได้ …ทั้งสองคนต่างก็มีความเข้าใจกันในเรื่องนี้
เจียงป่าวชิงดิ้นจะเอามือออกแต่กงจี้กลับจับมือของนางแน่นกว่าเดิม นางได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบไป
แม่นมเห็นทั้งสองจับมือกันก็รู้สึกงุนงง
กงจี้จูงมือเจียงป่าวชิงเดินผ่านลานบ้านมุ่งตรงเข้าไปในบ้าน ประตูบ้านเปิดออก พร้อมกันนั้นกลิ่นธูปไหว้พระลอยมาจาง ๆ
เมื่อเข้ามาในบ้านจะเห็นโถงพระ หญิงคนหนึ่งคุกเข่าบนเบาะรองพื้นโดยหันหลังให้กงจี้และเจียงป่าวชิง นางกำลังกราบไหว้พระโพธิสัตว์ที่เหนือบนศีรษะ หลังจากกราบไหว้ครบสามครั้ง นางถึงค่อย ๆ ลุกขึ้นในท่าทางอย่างผู้ที่มีความเคร่งศาสนามาก
ผู้หญิงคนนั้นหันกลับมา นางสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายไม่หวือหวา แม้มีรอยย่นบนใบหน้าเล็กน้อยแต่รูปโฉมนางนั้นงดงามมาก ดวงตาหวานปรายมองกงจี้กับเจียงป่าวชิง สีหน้าก็อบอุ่นให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
ตอนที่สายตาของนางไปหยุดที่เจียงป่าวชิง ความตกตะลึงพลันฉายวาบขึ้นมาในดวงตาของนาง
“ท่านแม่ นี่คือเจียงป่าวชิงที่ข้าเคยบอกกับท่าน” กงจี้พูดขึ้น
คุณหญิงช่างจากจวนติ้งกั๋วโฮ่วผู้เป็นท่านแม่ของกงจี้ส่งยิ้มให้เจียงป่าวชิง พร้อมยกมือไหว้เจียงป่าวชิงอย่างจริงใจ
แน่นอนว่าเจียงป่าวชิงกับกงจี้ตกใจ ทั้งสองรีบพากันหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
กงจี้ขมวดคิ้วพูด “ท่านแม่ นี่ท่านแม่ทำอะไรขอรับ ?”
ช่างชื่อไม่สนใจกงจี้ นางเลือกที่จะพูดกับเจียงป่าวชิงอย่างตั้งใจ “ได้ยินมาว่าแม่นางรักษาขาลูกชายข้าจนหายดี นี่เป็นการตอบแทนบุญคุณที่แม่นางให้ชีวิตใหม่แก่ลูกชายข้า ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน” พูดเสร็จ นางกำลังจะทำความเคารพอีกครั้งจึงถูกกงจี้ต้านไว้ เขาล่ะปวดหัวแท้ ๆ
เรื่องขอบคุณเพื่อการตอบแทนบุญคุณที่เจียงป่าวชิงให้ชีวิตใหม่แก่เขานั้น ไม่ต้องให้แม่ของเขาออกโรงเองด้วยซ้ำ เขาทำเองก็ได้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เตรียมพร้อมอุทิศร่างกายทั้งหมดให้กับนางอยู่แล้ว
หญิงงามผู้นี้อาจจะเป็นแม่สามีของเจียงป่าวชิงในอนาคต แล้วเจียงป่าวชิง… นางจะรับการทำความเคารพจากช่างชื่อได้อย่างไร
“คุณหญิงช่างไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้เจ้าค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว” ‘มิเช่นนั้น ลูกชายของคุณหญิงคงฆ่าปิดปากข้าแล้วในตอนนั้น’
แน่นอนว่าเจียงป่าวชิงไม่ได้พูดคำพูดช่วงหลังออกไป
หลังจากที่นั่งลงแล้ว แม่นมที่ฝากบอกข้อความเมื่อครู่ไปชงชามาสองสามถ้วยแล้วยกมาวางไว้บนโต๊ะเล็กที่อยู่ข้างกายแต่ละคน
เช่นเดียวกับในถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้าเจียงป่าวชิงและกงจี้ นี่เป็นชาหลงจิ่งที่สดใหม่ กลิ่นหอมของชากระจายไปทั่วทุกสี่ทิศ แต่ในถ้วยชาข้างกายของช่างชื่อกลับมีสิ่งที่มองดูเหมือนวัชพืชวางอยู่สองสามท่อน
ช่างชื่อเห็นว่าเจียงป่าวชิงสังเกตเห็นถึงสิ่งนี้จึงคิดในใจว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กช่างสังเกตและมีความคิดละเอียดรอบคอบ นางยิ้มและเป็นฝ่ายพูดอธิบาย “ข้าทำให้แม่นางเจียงต้องหัวเราะแล้ว ข้าไหว้พระมาเป็นเวลาหลายปีจึงคุ้นชินกับการใช้สิ่งนี้มาแช่น้ำน่ะจ้ะ เมื่อเทียบกับใบชาเหล่านั้น น้ำแรกชะเอมจะมีรสชาติอ่อนกว่าเล็กน้อย แต่เมื่อดื่มจนคุ้นชิน ในภายหลังก็จะรู้สึกว่ามันมีรสหวานเล็กน้อยเช่นกัน”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ถูกอย่างที่คุณหญิงช่างกล่าว ชะเอมนี้เรียกอีกอย่างว่าหญ้าหวาน มันมีรสหวานในตัวมันเองและในแง่ของเรื่องสรรพคุณทางยา มันช่วยบรรเทารสขื่น ๆ ในเครื่องปรุงยาบางตัว ประกอบกับชะเอมเองก็มีผลในการขับถ่ายความร้อน ล้างพิษ กำจัดเสมหะ บรรเทาอาการไอ บำรุงม้ามและช่วยให้หายใจโล่งดี หากใช้มันแช่น้ำ ในระยะยาวมันจะส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วยเจ้าค่ะ”
เดิมทีช่างชื่อรู้สึกซาบซึ้งใจต่อเจียงป่าวชิงมากอยู่แล้ว มาเจอวันนี้ นางพบว่าสาวน้อยคนนี้มีรูปลักษณ์ที่งดงามน่าหลงไหลมาก ดวงตาใสสะอาดเป็นประกายสว่างไสว ทำให้ช่างชื่อรู้สึกชอบสาวน้อยเจียงมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เมื่อได้ยินสาวน้อยพูดถึงชาชะเอมที่นางสนใจอย่างคล่องแคล่ว นางก็รู้สึกชอบสาวน้อยเจียงมากขึ้นเรื่อย ๆ
======
โรงละครเล็ก:
ตอนที่กงจี้เข้าพบคุณหญิงช่างอย่างลับ ๆ หลังจากกลับเมืองหลวง
ช่างชื่อ: จี้เอ๋อร์ ใครกันที่รักษาขาให้เจ้าจนหายดี ทำให้เจ้ากลับมาฮึกเหิมได้อีกครั้งเช่นนี้ แม่ต้องการทำความเคารพขอบคุณหมอเทวดาคนนั้น
กงจี้: ท่านแม่ หมอเทวดาคนนั้นต่างหากที่ต้องทำความเคารพท่านในอนาคต
ช่างชื่อ: ? ? ?
กงจี้: หมอเทวดา นางคือลูกสะใภ้ของท่านแม่ นางไม่เพียงแต่จะทำความเคารพท่านอย่างเดียว แต่ยังต้องมีพวกหลาน ๆ อีกมากมายให้ท่านด้วย