แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 384 หวังชื่อ
ซุนจงเลี่ยงตกใจอย่างมาก
นี่… นี่คือหมอเทวดาที่ป้าเวินบอกอย่างนั้นรึ นางดูเหมือนเด็กผู้หญิงอายุสิบหกสิบเจ็ดปีเอง อีกทั้งยังเป็นเด็กผู้หญิงที่รูปโฉมงดงามด้วย
ซุนจงเลี่ยงส่ายหน้าทันที เขาอยากพูดอะไรบางอย่างแต่รู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่จึงขยับเข้าไปใกล้ครูเวินแล้วเอ่ยถามนางเสียงเบา “ท่านป้า นั่นคือหมอเทวดาที่ท่านบอกรึ ? นางเด็กเกินไปหรือเปล่า ?”
ครูเวินเองก็กดเสียงให้เบาลงด้วยเช่นกัน “จงเลี่ยง ดูคนอย่าดูแค่ที่ภายนอก ข้าเคยเห็นทักษะการรักษาของแม่นางเจียงด้วยตัวเองแล้ว มันน่าทึ่งนัก”
“อ้อ” ซุนจงเลี่ยงลูบศีรษะตัวเองป้อย ๆ แม้ยังคงมีความสงสัยมากมายในใจแต่เขาข่มมันไว้
“เจ้าเด็กบ้านี่ ไม่ใช่ว่าข้าสั่งให้เจ้าไปต้มน้ำหรอกรึ มามัวซุบซิบอะไรกับคนอื่นต่อหน้าแม่ของเจ้าอีกฮะ!” หวังชื่อ ลูกสะใภ้ของฉินโผหรือภรรยาของซุนเอ้อมู่ซึ่งเป็นแม่ของซุนจงเลี่ยง คว้าหูซุนจงเลี่ยงและด่าเขาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“อ๊ะ! แม่ ๆ ๆ ปล่อยข้า! ปล่อย!” ซุนจงเลี่ยงสีหน้าขมขื่นแต่กลับไม่กล้าส่งเสียงดังมากเกินไปเพราะเขากลัวว่าจะรบกวนหมอเทวดาคนนั้นจึงต้องร้องขอให้แม่ตัวเองยกโทษให้ “พอเถอะแม่ได้โปรด หูข้าจะขาดอยู่แล้ว”
หวังชื่อส่งเสียงออกมาทางจมูกอย่างเย็นชา “ถ้าข้าไม่ทำแบบนี้แล้วจะทำให้เจ้าจำได้ยังไง ?! ไสหัวไปต้มน้ำซะ! ถ้าไม่ไปต้มให้ดี ๆ มาเตรียมรอไว้ อีกประเดี๋ยวถ้าย่าของเจ้าต้องการใช้จะทำยังไง เมื่อถึงตอนนั้นคนอื่นจะเห็นเป็นเรื่องตลกเอาได้”
แม้ครูเวินจะสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีขนาดนี้ แต่ตอนนี้นางก็อดที่จะเปลี่ยนสีหน้าไม่ได้เช่นกันเพราะความหมายในคำพูดของหวังชื่อนั้นแสนร้ายกาจ เห็นได้ชัดว่านางหมายความว่าอีกประเดี๋ยวจะใช้น้ำร้อนชำระร่างกายของฉินโผ เพื่อไม่ให้คนนอกเห็นเป็นเรื่องตลกในระหว่างพิธีแห่ขบวนศพ
“แม่… แม่พูดเหลวไหลอะไร ?!” สีหน้าของซุนจงเลี่ยงเองก็ดูย่ำแย่ด้วยเช่นกัน เขาตำหนิแม่ตัวเองอย่างกล้าหาญ “แม่พูดเหลวไหลแล้ว ท่านย่ายังสบายดีอยู่เลยนะ!”
“หึ! ดีบ้าดีบออะไรเล่า หมอยังบอกเลยว่าช่วยไม่ได้แล้ว แต่เจ้าดันถ่อไปที่บ้านป้าของเจ้าทำไมตอนกลางดึกก็ไม่รู้ ป้าเจ้านี่ก็น่าสนใจ ยังอุตส่าห์รับปากว่าจะหาหมอเทวดามาให้แต่กลับพาสาวน้อยที่ขนยังขึ้นไม่ครบคนหนึ่งมา แค่นี้ก็ถือว่ารู้ผลแล้ว เจ้าลูกโง่! นี่เจ้าดูไม่ออกจริง ๆ รึว่านางก็แค่ตบตาเจ้าเท่านั้น ขนาดหมอแท้ ๆ ยังรักษาไม่ได้ นังเด็กนี่ก็รักษาไม่ได้หรอก” หวังซื่อเบะปากหลังจากพูดจบ นางพูดจาน่าเกลียดมากทีเดียวแต่นางไม่สนใจ
ครูเวินโกรธจัดจนต้องใช้มือจับหน้าอกตัวเอง พยายามระงับร่างกายไม่ให้สั่นสะท้าน
“แม่ไม่ต้องพูดแล้ว!” ซุนจงเลี่ยงผลักหวังชื่ออย่างจนปัญญา เขาหันไปกล่าวขอโทษครูเวินอย่างต่อเนื่องด้วยความรู้สึกผิด “ท่านป้าอย่าเอาไปใส่ใจเลย แม่ข้าก็แค่ปากร้ายใจดีไปอย่างนั้นเอง”
ใจดีหรือเปล่านั้นยังบอกไม่ได้ แต่ปากใบมีดโกนถือเป็นความจริงทั้งหมด
ครูเวินถอนหายใจพลางคิดในใจว่าถึงแม้ซุนเอ้อมู่จะธรรมดาไปหน่อย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ถือว่าเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจคนหนึ่ง เหตุใดเขาถึงหาภรรยาเช่นนี้
ครูเวินมองซุนจงเลี่ยงที่ก้มหน้ากล่าวขอโทษด้วยแววตาเต็มไปด้วยความละอายใจอีกครั้ง นางคิดว่าเด็กคนนี้ก็เป็นเด็กดีเช่นกัน แม้หวังชื่อจะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ลูกชายกับสามีของนางต่างก็เป็นคนดีไม่น้อยเลย
ตอนนี้เจียงป่าวชิงตรวจดูอาการเสร็จแล้วจึงพูดกับครูเวิน “อาการป่วยของแม่นมฉินโผค่อนข้างรักษายาก ที่นางเป็นอย่างนี้ไม่ได้เกิดจากการหกล้มอย่างเดียวแต่ยังมีอาการอื่นแทรกซ้อนมาด้วย”
เจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อพลางชี้ไปที่ศีรษะของตัวเอง “นางเลือดออกที่ตรงนี้”
กล่าวคือสาเหตุหลักที่ฉินโผสลบไม่ได้เกิดจากการล้ม แต่เป็นเพราะอาการเริ่มต้นของเลือดออกในสมอง ส่งผลให้แขนขาหมดแรงและสูญเสียการควบคุมชั่วขณะจึงทำให้ล้มลงในที่สุด
เนื่องจากที่นี่ไม่มี*เครื่องฉายรังสีอย่างในยุคใหม่ที่ “เธอ” จากมา เจียงป่าวชิงจึงยืนยันได้เพียงแค่ว่าฉินโผมีอาการเลือดออกในสมองระยะเริ่มต้นโดยอาศัยการจับชีพจรเพียงอย่างเดียว ส่วนถ้าถามว่าจุดศูนย์รวมของโรคอยู่ที่ไหนนั้น นางยังระบุตำแหน่งอะไรไม่ได้ในตอนนี้
*เครื่องฉายรังสี = เครื่องเอกซเรย์
แต่โชคดีที่อยู่ในระยะเริ่มต้น ร่างกายของฉินโผแข็งแรงมาโดยตลอด ถ้าหากได้รับการฝังเข็มและเสริมด้วยดื่มยาต้มก็คงสามารถรักษาร่างกายได้อย่างช้า ๆ
ครูเวินกำมืออย่างประหม่า “แม่นม… อาการป่วยของนางรุนแรงมากไหม ?”
“เนื่องจากเป็นระยะเริ่มต้น อาการจึงยังคงเบาอยู่ ไม่ถือว่ารุนแรงอะไร” เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “แต่ถ้าหากว่าปล่อยไว้ไม่สนใจ แน่นอนว่ามันจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ”
หวังชื่อพูดขึ้นจากด้านข้าง “นังเด็กนักต้มตุ๋นนี่มาจากไหนกัน! แม่สามีข้าแค่หกล้ม เหอะ! ข้าคิดว่าเจ้าแค่ต้องการหลอกเอาเงินมากกว่า!”
แม้จะอยู่กับหวังชื่อได้ไม่นานแต่เจียงป่าวชิงก็รู้แล้วว่านางเป็นคนยังไงจึงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับหวังชื่อ “ข้าไม่คิดเงินค่าตรวจ พวกเจ้าเพียงแค่ต้องพกเงินจำนวนหนึ่งเมื่อถึงตอนที่ต้องไปซื้อยา”
หวังชื่อกลอกตาไปมา “ใครจะไปรู้ เจ้าอาจสมรู้ร่วมคิดกับพวกคนขายยาก็ได้ ในยามปกติครอบครัวยากจนอย่างเราก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากพออยู่แล้ว จะมีเงินซื้อยาได้ยังไง!”
“เจ้า! อย่าให้มันมากนัก” ครูเวินทนไม่ไหวอีกต่อไป “ข้านี่แหละจะจ่ายค่าตรวจอาการกับค่ายาของแม่นมเอง”
หวังชื่อได้ยินดังนั้นก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจแต่นางยังคงอดพูดออกมาไม่ได้ “เช่นนั้นก็แล้วแต่ แต่ว่าข้าขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าเจ้ารักษาแม่สามีของข้าจนอาการแย่ลง เจ้าต้องรังผิดชอบ!”
เจียงป่าวชิงเห็นจนชินแล้วเรื่องประเภทนี้
ครูเวินพูดกับเจียงป่าวชิงด้วยความรู้สึกผิดอย่างมาก “แม่นางเจียง ข้าทำให้เจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมเสียแล้ว”
เจียงป่าวชิงยิ้มจาง ๆ “เธอ” เรียนรู้การฝังเข็มกับปู่ของตัวเองมาจากยุคปัจจุบัน และเคยเห็นสมาชิกในครอบครัวที่รับมือยากกว่านี้มาแล้วมากมาย ปู่ของ “เธอ” มักพูดหยอกล้อด้วยประโยคหนึ่งอยู่เสมอว่า “เคยฆ่าคนและวางเพลิงในชาติที่แล้ว ชาตินี้จึงต้องมาจับเข็มเพื่อช่วยเหลือผู้คน และทั้งหมดเป็นการล้างบาปให้กับชาติที่แล้ว”
เจียงป่าวชิงเขียนใบรายการยาสองชุด ชุดหนึ่งเป็นยาใช้ลดเลือดออกในสมอง อีกชุดใช้ช่วยทำให้จิตใจสงบและบรรเทาอาการปวด ถึงอย่างไรฉินโผก็อายุมากแล้วย่อมหายช้า นางจะต้องพบกับกระบวนการพักฟื้นที่ยาวนาน และระยะเริ่มต้นของอาการกระดูกหักเป็นความทรมานที่ยากที่จะทนได้ยิ่งกว่า
หวังชื่อขยับเข้ามาดูเจียงป่าวชิงที่กำลังเขียนใบรายการยา แต่นางไม่รู้หนังสือจึงพูดพึมพำเสียงเบา “หืม มีฝีมือหนิ เขียนหนังสือเป็นด้วย”
เจียงป่าวชิงไม่สนใจหวังชื่อ นางเลือกที่จะยื่นใบรายการยาให้กับซุนจงเลี่ยง “ไปที่ร้านขายยาข้างนอก แล้วให้ทางร้านหยิบยาตามใบรายการนี้”
ซุนจงเลี่ยงพยักหน้ารับ เขากำลังยื่นมือไปรับใบรายการยานั้น แต่หวังชื่อกลับมาขวางไว้เสียก่อน นางเอียงตามองครูเวินแต่ไม่ได้พูดอะไร
ครูเวินรู้สึกโมโหกับความหมายที่เปิดเผยในสายตาของหวังชื่อจนไม่อยากพูดอะไรอีก นางหยิบถุงหอมออกมาส่งให้ซุนจงเลี่ยง “รับไป นี่คือเงินค่าไปหาหมอของย่าเจ้า ถ้าไม่พอก็ค่อยมาเอาที่ข้า”
หวังชื่อพึงพอใจ แต่ซุนจงเลี่ยงกลับรู้สึกละอายใจจึงผลักถุงหอมในมือครูเวินกลับไปเบา ๆ และพูดขึ้นอย่างเก้อเขิน “ป้าเวิน นี่ท่านทำอะไร เป็นเราที่ควรจ่ายค่ารักษาพยาบาลของท่านย่าเองต่างหากล่ะ”
หวังชื่อโมโหจนต้องยกมือขึ้นตบศีรษะของซุนจงเลี่ยง ‘…เจ้าลูกโง่ พี่ใหญ่ของเจ้าหาเมียและมีลูกแล้ว เหลือแต่เจ้ายังไม่ได้แต่งงาน สามารถประหยัดเงินได้เท่าไหร่ก็ควรประหยัดเท่านั้น!’
น้ำเสียงครูเวินนุ่มนวลแต่แน่วแน่ “แม่นมเลี้ยงข้าตอนเด็ก ส่วนข้าเคยบอกว่าจะเลี้ยงนางตอนชรา เป็นข้าเองที่ควรออกเงินนี้ จงเลี่ยง เจ้ารีบไปซื้อยาเถอะ อย่าเสียเวลาเลย”
ซุนจงเลี่ยงลังเลใจ แต่หวังชื่อกลับส่งสายตาให้เขาไม่หยุด “เจ้าเด็กนี่ ทำไมถึงไม่ฉลาดเลย ป้าของเจ้าให้เจ้าไปซื้อยาให้ย่าเจ้า เจ้าก็รีบไปสิมัวยืนบื้ออยู่ได้ ถ้าหากว่าย่าเจ้าอาการแย่ลง เจ้ารับผิดชอบไหวรึ ?”
คำพูดนี้ไม่น่าฟังอย่างมาก ครูเวินสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยู่หลายครั้งถึงจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
“ถะ… ถ้าอย่างนั้นข้าไปนะ” เสียงของซุนจงเลี่ยงเบามาก
ครูเวินรู้ว่าซุนจงเลี่ยงเป็นเด็กดีจึงไม่อยากให้เขาลำบากใจและเก้อเขินอีกต่อไป นางจึงพยักหน้า “รีบไปเถอะ”
ซุนจงเลี่ยงพุ่งออกไปซื้อยาอย่างรวดเร็วราวกับได้รับการอภัยโทษก็มิปาน