นิยาย แม่มดสาวมุ่งมิ่ง ตอนที่ 54 เรียกวิญญาณ
ตอนที่ 54 เรียกวิญญาณ
เป่ยเหรินนิ่งเงียบไปและมองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง แม้เวลานี้เธอยังคงหมดสติ แต่เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกใกล้ชิดอย่างลึกลับ ส่งผลให้เชื่อมั่น ว่านี่ต้องเป็นพี่สาวของเขา
“ผมจะไปหาเจ้านายเพื่อขอยืมเงิน พี่คิดว่าเค้าจะให้ผมยืมหรือเปล่า?” เป่ยเหรินกัดฟันถาม
ตอนนี้คนที่มีฐานะดีที่เขารู้จักเพียงคนเดียวคือ โจวถัง
“ฉันพอมีทางออก ทําไมแกไม่ไปขอความช่วยเหลือจากคุณเป่าเม่ยล่ะ?”
ชายหนุ่มรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อยที่อีกฝ่ายพูดถึงเด็กสาวอย่างให้เกียรติ
“เป่าเมียมีเงินมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ฉันไม่ได้บอกให้แกไปขอยืมเงินจาก ผู้หญิงคนนั้น แต่บอกให้แกไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์เป่าเม่ย” ฉางหาวกล่าว
“เป่าเม่ยเป็นอาจารย์เหรอ?” เป่ยเหรินกระพริบตาหลายครั้งแล้วกลืนน้ําลาย อย่างดุเดือด “ทําไมผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย?”
“ใช่” ฉางหาวพยักหน้าอย่างหนักและ พูดอีกครั้งว่า “ยิ่งไปกว่านั้นวิธีที่อาจารย์หญิงคิดค่าธรรมเนียมยังถูกกว่ามากและแกสามารถจ่ายได้อย่างแน่นอน”
“เท่าไหร่?” เป่ยเหรินเอ่ยถาม อย่างไม่ลังเล
“สิบเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิทั้งหมดของแก
ห้าร้อย?!” เป้ยเหรินคํานวณเงินออมของเขาในใจ
ฉางหาวรู้สึกตกใจมากเมื่อได้ยินคํากล่าวนี้
ทําไมนายถึงเป็นเด็กหนุ่มที่ยากจนขนาดนี้?
แม้เปยเหรินจะยากจนมาก แต่เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่วิญญาณฮัวชิวเซียนออกจากร่างนานเกินไปทําให้ไม่สามารถล่าช้าได้อีก ดังนั้นทั้งสองแทบไม่ลังเลเลยที่จะโทรหาแม่มดสาวเพื่อนัดพบกันหลังกลับออกไปจากโรงพยาบาลในตอนนี้ยา
อีกชั่วโมงต่อมาทั้งสามคนนัดพบกันที่ประตูทางเข้าบ้านพักคนชราที่ทั้งหมดทํางานอยู่
“อะไรนะ! ห้าร้อย? ทําไมแกถึงมีเงิน แค่ห้าพันเหรียญ เงินเดือนของเดือนที่แล้วบวกกับโบนัสรายไตรมาส มันประมาณห้าหมื่นเหรียญไม่ใช่เหรอ?” ฉางหาวถามด้วยความอยากรู้
ฉางหาวรู้ว่าเป่ยเหรินมีฐานะไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่คิดไม่ถึงว่าผู้ที่มีเงินเดือนประจําปีสามแสนเหรียญจะมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมเพียงห้าพันเหรียญ ใครจะเชื่อเรื่องนี้?
“ผมเพิ่งจ่ายค่าเช่าห้องไปเมื่อไม่กี่วันก่อน” เป่ยเหรินรู้สึกเสียใจเล็กน้อยแต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายต้องตกใจถึงเพียงนั้น แม้เขาจะยากจน ทว่าเขาก็ไม่เคยใช้เงินของคนอื่น
“นายไม่มีเงินเก็บเลยเหรอ?”
“ไม่ครับ”
ฉางหาวถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อประเชิญหน้ากับสีหน้าเศร้าสร้อยของอีกฝ่าย
อันที่จริงเค้ารู้อยู่ในใจว่าเงินเดือนส่วนใหญ่ของเป่ยเหรินนั้นมอบให้กับสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าที่เด็กหนุ่มคนนี้เติบโตมา เค้ายังเคยบอกให้เด็กหนุ่มเก็บเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉินบ้างแต่เด็กหนุ่มกลับไม่ยอม
“แค่ห้าร้อย ใช้ซื้อยันต์จากอาจารย์ยัง ไม่พอเลย!”
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ช้างหาวยิ่งรู้สึกว่าลําบากใจมากเท่านั้น แต่เป่ยเหรินเปรียบเสมือนน้องชายของเขา ดังนั้นคงจะต้องลองเสี่ยงต่อความเห็นใจจากอาจารย์หญิงดู
“เดี๋ยวถ้าได้พบกับอาจารย์หญิงแล้ว ห้ามพูดว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิของนาย มีแค่ห้าพันเหรียญนะ ฉันไม่แน่ใจว่าถ้าบอกกรอาจารย์หญิงจะโกรธหรือเปล่า”
ครั้งก่อนสําหรับการแก้ปัญหาให้กับอาจารย์ของเขาหญิงสาวได้รับการเสนอ ราคาถึงหนึ่งเหรียญ แต่ครั้งนี้เด็กหนุ่มมีเพียงห้าร้อยเหรียญ มันช่างเป็นช่องว่างที่แตกต่างกันอย่างไม่น่าให้อภัย
“ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินกับอาจารย์หญิง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี นายค่อยหาโอกาสมาชดเชยให้กับท่านในภายหลัง หรือว่าเราจะขอยืมเงินจากเจ้านายหนึ่งล้านเหรียญก่อน ส่วนอีกวิธีคือ รอให้พี่สาวของแกฟื้นซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ฉางหาวเสนอทางเลือก
อย่างไรก็ตามกฎของแม่มดสาวคือไม่ ว่ามูลค่าทรัพย์สินจะสูงหรือต่ําเธอจะได้ รับสิบเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าสุทธิทรัพย์สินทั้งหมด ดังนั้นครั้งนี้เธอจะได้รับเงินเพียงห้าร้อยเหรียญ ดังนั้นจากมุมมองนี้ อันที่จริงเด็กหนุ่มก็ไม่ได้โกหก
ขณะที่กําลังสนทนาทั้งสองได้เดินทางไปถึงประตูทางเข้าของบ้านพักคนชราแล้ว เมื่อมองจากระยะไก่พวกเขาเห็นฮันเป่าเม่ยในชุดเดรสยาวสีขาวที่เธอมักจะใส่อยู่เป็นประจํา และยืนอยู่หน้าแผงลอยเล็ก ๆ ด้านหน้าประตูซึ่งดูเหมือนกําลังซื้ออะไรบางอย่าง
“อาจารย์หญิง” ทั้งสองคนลงรถประจําทางและตะโกนจากระยะไกล
แม่มดสาวหันศรีษะมาด้วยรอยยิ้ม “รอแป๊บ ขอจ่ายเงินก่อน”
ผ่านไกลครู่หนึ่งแม่มดสาวเดินมาพร้อมกับบะหมี่หนึ่งชามและยื่นไปข้างหน้าของทั้งสองคน “กินด้วยกันไหม?”
“ไม่ครับ” ทั้งสองสายหัวพร้อมกันขณะนึกถึงเรื่องที่จะขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย
แม่มดสาวไม่ได้คิดอะไรมากดังนั้นเธอจึงเอ่ยถามอย่างเป็นกันเองว่า “พวกคุณ เรียกฉันมาพบด้วยเรื่องอะไรเหรอ?”
เป่ยเหรินเหลือบมองไปที่ฉางหาวที่อยู่ด้านข้างด้วยอาการลุกลี้ลุกลน จากนั้นอีกฝ่ายจึงพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมดและประวัติการเป็นมาอย่างคร่าว ๆ เกี่ยวกับเป่ยเหริน และการแยกทางกันของจิตวิญญาณกับร่างพี่สาวเขา
ฮันเป่าเม่ยกะพริบตาและตระหนักว่า “ตอนนี้คุณสงสัยว่าผีที่ติดตามเบี้ยเหรินเป็นพี่สาวของเขาใช่หรือเปล่าอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ” ฉางหาวพยักหน้า
แม่มดสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปมองเด็กหนุ่ม “เป่ยเหริน คุณรู้หรือเปล่าว่าการขอความช่วยเหลือจากฉันจะต้องเสียค่าธรรมเนียม?”
“ผมรู้ครับ…” เป่ยเหรินกล่าวทันที
“คุณรู้?” แม่มดสาวรู้สึกตกใจ
หนังศรีษะของฉางหาวกระชับโดยไม่รู้ตัว และแสดงสีหน้าเคร่งเครียดจนแทบจะหยุดหายใจ
“ใช่ ผมรู้ครับว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ง่ายเลย ดังนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่าย” เป่ยเหรินอธิบายอย่างจริงจัง
“อย่างนั้นฉันขอบอกเรื่องค่าตัวของฉันก่อน” ฮันเป่าเม่ยยัดลูกชิ้นปลาที่แทง ด้วยตะเกียบจากชามบะหมีใส่ปากแล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้ว่า “ตามปกติฉันคิดค่าธรรมเนียมเป็นเงินสิบเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าสุทธิทั้งหมดที่ลูกค้ามี โดยรับเฉพาะเงินสดหรือการโอนเท่านั้น ไม่รับบัตรเครดิต และงดเชื่อเพื่อทวงคุณคิดว่าโอเคเปล่า?”
แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นเหมือนที่ฉางหาวเล่าให้ฟัง
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” เด็กหนุ่มตอบตกลงทันที
“โอเค งั้นก็ตกลง” แม่มดสาวหยุดนิ่งชั่วอึดใจก่อนจะพูดว่า “แต่ตอนนี้ฉันต้องกลับไปเอาตุ๊กตาเวทย์มนตร์กับเจ้านายก่อน”
“ไม่ต้องหรอกครับ เพราะตอนกลางวัน ผมไปขอยืมมันมาจากบอสแล้วครับ สงสัยอาจารย์หญิงคงจะลืม” ฉางหาวรีบเดือน
“เออใช่! จริงด้วย! ดีเลย เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” แม่มดสาวเกาหัว
คงไม่ดีแน่ หากปล่อยให้ดวงวิญญาณออกจากร่างกายของหญิงสาวนานเกินไป!
“ตอนนี้เราต้องไปชุมชนที่เป่ยเหรินอาศัยอยู่ ผมคิดว่าวิญญาณของพี่สาว เขาจะต้องอยู่ที่นั่น” ฉางหาวเตือน
“เราไม่จําเป็นต้องไปที่นั่น” แม่มดสาวโบกมือและพูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย “ตุ๊กตาเวทมนตร์ของฉันสามารถเรียกวิญญาณของฮัวชิวเซียนได้โดยตรง ดังนั้นเราไม่จําเป็นต้องไปตามหาให้เหนื่อย”
“เรียกวิญญาณอย่างนั้นหรือ? อาจารย์หญิงสามารถเรียกวิญญาณได้ทุกดวง อย่างนั้นหรือครับ?” ฉางหาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่ เธอเป็นพี่สาวของเปยเหริน ตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่ เราก็สามารถดึงดูดวิญญาณของเธอได้” แม่มดสาวอธิบาย
“แล้วถ้ามันไม่ใช่ล่ะ?” ฉางหาวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
แม่มดสาวตกตะลึงกับคําถามนี้และไม่นานนักเธอได้หันหน้าไปหาเด็กหนุ่มพร้อมพูดอย่างจริงจังว่า “เป่ยเหริน ถึงแม้ดวงวิญญาณนั้นจะไม่ใช่พี่สาวของคุณ แต่ถ้าเปิดใช้งานตุ๊กตาเวทมนต์แล้วก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมอยู่ดี เรื่องนี้คุณเข้าใจหรือเปล่า?”
หลังจากฉางหาว ได้ยินสิ่งนี้หัวใจของเขาพลันเต้นแรงและอดไม่ได้ที่จะเตือนว่า “ใช่แล้ว สิบเปอร์เซนต์ของมูลค่าสุทธิทั้งหมดนั้นค่อนข้างมากนะ”
ริมฝีปากของเบี้ยเหรินถึงกับกระตุก และรู้สึกตกใจอย่างมากกับความไร้ยางอายของฉางหาว
“ครับ!” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างเด็ดขาด
MANGA DISCUSSION