นิยาย แม่มดสาวมุ่งมิง ตอนที่ 51 ทายาทเศรษฐี
ตอนที่ 51 ทายาทเศรษฐี
“โทรแจ้งตํารวจเหรอ? ไม่ต้องหรอกครับ! มันคงเป็นแค่อุบัติเหตุ! เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่รถคันนั้นจะตั้งใจชน
ผม…”
คํากล่าวของเด็กหนุ่มทําให้ฉางหาวสึกหงุดหงิดและรีบคว้าตัวของเขาไว้ก่อนที่เป่ยเหรินจะเดินกลับไปที่โต๊ะทํางาน
“ไม่ต้องพูดมากแล้ว รีบไปโรงพักกับฉันเดี๋ยวนี้เลย! เดี๋ยวฉันจะโทรลางานบอสให้เอง!”
“หะ?” เป่ยเหรินรู้สึกตกใจกับท่าทางดุดันของฉางหาว
“ฉันจะปล่อยให้แกตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ไม่ได้!ถ้าวันนี้แกไม่ไปแจ้งความที่โรงพักฉันจะทุบแกให้ตายเดี๋ยวนี้แหละ!เราจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่ต้องการให้แกตาย!”ฉางหาวกล่าวอย่างจริงจังอีก
ว่า
“ถ้าเป็นคนอื่น ฉันก็ไม่อยากยุ่งด้วยหรอกแต่ฉันรักแกเหมือนน้องชายแท้ ๆ และเหตุผลอีกอย่างคือแกไม่มีใครเลย ดังนั้นฉันจึงเป็นห่วงแกมาก!”
เป่ยเหรินรู้สึกไม่สบายใจในทันใดขณะที่ดวงตาของเขาเป็นสีแดงและเต็มไปด้วยน้ําตาอีกทั้งริมฝีปากยังสั่นเทา ราวกับ
กําลังจะร้องไห้ในวินาทีถัดมา
[เรื่องมันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?]
“พี่ฉางหาว…ผมไม่รู้ว่าพี่เป็นห่วงผมมากขนาดนี้…” เบี้ยเหรินคร่ําควรญอีกว่า
“ผมเป็นเด็กกําพร้าและไม่มีเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก…ไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไง? แต่เมื่อผมได้มาทํางานที่นี่ผมก็รู้สึกมีความสุขมากเพราะทุกคนปฏิบัติเหมือนผมเป็นคนในครอบครัว…”
“เช็ดหน้าก่อน” พนักงานสาวที่ชื่อซินอกล่าวพร้อมกลับยื่นกระดาษชําระให้เด็กหนุ่ม
“เลิกงานแล้วผมจะไปแจ้งความเองครับ! พวกพี่ ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง…”
เมื่อวานนี้เป่ยเหรินไปแจ้งความที่สถานีตํารวจตามคําแนะนําของฉางหาวและวันนี้ตอนบ่ายเจ้าหน้าที่ตํารวจได้โทรมาแจ้งเด็กหนุ่มว่าคนร้ายถูกจับกุมแล้ว
[การทํางานของตํารวจเมืองนี้มีประสิทธิภาพจริง ๆ
ด้วยความรู้สึกประหลาดใจนี้เปยเหรินจึงเดินทางไปที่กองบังคับการตํารวจอาชญากรรมและได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เขานึกไม่ถึง
“จากการสอบสวนของเราคนที่ขับรถชนคุณมีชื่อว่าเหอซวนเป็นนักพนันมืออาชีพโดยมีคนจ้างวานเขาด้วยเงินห้าแสนเหรียญให้ขับรถชนคุณและถ้าเขาสามารถฆ่าหรือทําร้ายคุณได้จะถือว่างานของเขาสําเร็จ!”สารวัตรหมิงเทียนกล่าว
“เดี๋ยวก่อน…” ในสมองของเปียเหรินรู้สึกสับสนและจ้องมองไปที่หมิงเทียนอย่างไม่เชื่อ
“คุณพูดว่าเขาตั้งใจที่จะขับรถชนผมเหรอครับ?”
“ใช่! เราจับผู้ชายคนนั้นได้เมื่อวานนี้และเขาสารภาพแล้ว”รองสารวัตรจางเต๋อหยูกล่าวแทรกขึ้น
“แต่…ทําไม? ทําไมเขาถึงต้องการฆ่าผม…ผมไม่รู้จักกับเขาด้วยซ้ํา!” เป่ยเหริ นกล่าวด้วยอาการตกตะลึง
เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาที่ตั้งหน้าตั้งตาทําแต่งานและไม่เคยมีศัตรู ที่ไหน?…
คนผู้นี้โกรธแค้นเขามากขนาดไหนถึงต้องใช้เงินห้าแสนเหรียญจ้างให้คนมาฆ่าเขา
ถ้าผมทําอะไรให้คุณไม่สบายใจโปรดบอกผมตามตรงได้เลย!ผมจะแก้ไขมันทันที…จากนั้นเอาเงินจํานวนห้าแสน เหรียญนี้มาให้ผมแทนได้หรือเปล่า?
“นี่คือเหตุผลที่เรียกคุณมาพบในวันนี้!”รองสารวัตรจางเต่อหยูเอ่ยถามอีกว่า
“เราตรวจสอบประวัติคุณแล้ว…คุณเป็นเด็กกําพร้าใช่หรือเปล่า?”
“ใช่ครับ…” เบี้ยเหรินพยักหน้า
“คุณอายุเท่าไหร่ตอนที่เข้าไปอยู่ในบ้านเด็กกําพร้า?” รองสารวัตรจางเอ่ย
ถาม
“ตอนนั้นผมอายุห้าขวบครับ”
“คุณสามารถจําเรื่องราวก่อนที่คุณจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเด็กกําพร้าได้หรือเปล่า?” รองสารวัตรจางยังคงซักถามต่อไป
“จําไม่ได้ครับ…แต่เจ้าหน้าที่ของบ้านเด็กกําพร้าบอกว่าผมถูกอาสาสมัครนําตัวมาจากใต้สะพานลอยและตอนนั้นผมมีไข้สูงซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเป็นความทรงจําที่เลือนลางมากสําหรับผม”
เป่ยเหรินกล่าวด้วยความรู้สึกเศร้าใจแม้เขาจะยอมรับความจริงที่ว่าตัวเองเป็นเด็กกําพร้าได้และนับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีแต่เขาก็ไม่ได้อยากรับรู้ว่าตัวเอง
มาจากไหนหรือเหตุใดเขาจึงกลายเป็นเด็กกําพร้า
“คุณรู้จักคนนี้หรือเปล่า?” รองสารวัตรจางยื่นรูปถ่ายให้เด็กหนุ่ม
เป่ยเหรินรับรูปถ่ายใบนั้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวังมันเป็นภาพของหญิงสาวที่มีอายุประมาณยี่สิบห้าปีและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมอีกทั้งยังมีแววตาที่เปล่งประกายความเฉลียวฉลาด
แค่ภาพถ่ายใบเดียว เด็กหนุ่มก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่เต็มเปี่ยมของผู้ หญิงคนนี้!
“คุณไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้เหรอ?! คุณดูคล้ายกับเธอมาก!นี่ใช่รูปคุณหรือเปล่า?”สารวัตรหมิงเทียนเอ่ยขึ้น
“แล้วผมจะไว้ผมยาวทําไม?ผมเป็นผู้ชายนะครับ!”เบี้ยเหรินกล่าวอย่างนงง
“ไม่ใช่! ผมแค่สงสัยว่าพวกคุณอาจจะเป็นฝาแฝดกัน”หมิงเทียนกล่าวอย่างอดทน
ดวงตาของเป่ยเหรินเบิกกว้างทันทีด้วยความรู้สึกตกใจขณะที่รองสารวัต รจางกล่าวว่า
“เธอชื่อฮัวชิวเซียน และเป็นซีอีโอของชิวไห่กรุ๊ปเมื่อเดือนที่แล้วครอบครัวฮัวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทําให้พ่อแม่ของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนตัวฮัวชิวเซียนเองก็กลายเป็นเจ้าหญิงนินทรา
แต่สิ่งที่ทราบมาคือเธอมีพี่น้องฝาแฝดซึ่งหายตัวไปตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็กและบ้านตระกูลฮัวก็ไม่ได้พบเขามายี่สิบปีแล้ว
ในเวลานี้เปยเหรินไม่เพียงเบิกตากว้างแต่เขายังอ้าปากค้างด้วยและสารวัตรหมิงเทียนได้กล่าวว่า
“และจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นของชิวไห่กรุ๊ปตกลงไปมากดังนั้นรองประธานของชิวไห่กรุ๊ปที่ชื่อหยูเทียนคู่จึงใช้โอกาสนี้ช้อนซื้อหุ้นเก็บเอาไว้เป็นจํานวนมากมันจึงทําให้ ผมแน่ใจว่าต้องเป็นหยูเทียนคู่ที่จ้างวานฆ่าคุณ”
“แรงจูงใจเดียวของเขาที่คิดจะฆ่าคุณคือปกป้องไม่ให้คุณกลับไปที่บ้านตระกูลฮัวเพราะก่อนที่คุณปู่ของฮัวชิวเซียนจะเสียชีวิตไปเมื่อสิบปีที่แล้วเขาได้ มอบหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของตัวเองให้กับห ลานชายที่หายตัวไป!”
เป่ยเหรินกระพริบตาถี่ยิบก่อนที่จะหยิบแก้วน้ําตรงนั้นขึ้นมาดื่มจนหมดและเมื่อตั้งสติได้แล้วจึงเอ่ยถามว่า
“แล้ว…แล้วผม…จะต้องทํายังไงต่อไป?”
“หยูเทียนคู่สั่งการทุกอย่างโดยให้เลขาส่วนตัวเป็นคนจัดการ และหลังจากที่เราจับเลขาได้เธอยืนยันว่าทําคนเดียวดงนั้นเราจึงจับหยูเทียนไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาทํากลับถูกเปิดเผย ผมจึงคิดว่าต่อไปเขาคงไม่กล้าทําอะไรคุณอีก
ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดคือการกลับไปบ้านตระกูลฮัวเพื่อรับโอนหุ้นจํานว นสิบเปอร์เซ็นต์นั้นซะ!”สารวัตรหมิงเทียนกล่าว
“แล้ว…ผมจะเริ่มต้นยังไงดี?” ปริมาณข้อมูลมีมากมายจนเป่ยเหรินรู้สึกสับสนอย่างมากในเวลานี้
รองสารวัตรจางอดไม่ได้ที่จะกล่าวอีกว่า
“หยูเทียนคู่คงจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณแล้วและครอบครัวฮัวก็น่าจะรู้เรื่องนี้ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องการฆ่าคุณก่อนอื่นเพราะตราบใดที่คนบ้านตระกูลฮัวฟื้นขึ้นมาคุณก็จะกลายเป็นภัยคุกคาม”
“อ้อ! ลืมบอกไป! จุดที่ครอบครัวฮัวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อยู่ใกล้กับชุมชนที่คุณพัก…ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะตามหาตัวคุณอยู่” สารวัตรหมิงเทียนกล่าวเสริม
เมื่อกลับออกมาจากหน่วยอาชญากรรมของสถานีตํารวจแล้วเป่ยเหรินนั่ง มึนงงราวกับมีเมฆหมอกอยู่ในสมองส่งผลให้เพื่อนร่วมงานต่างก็รู้สึกเป็นห่วง
“เป็นอะไร? ทําไมนั่งทําหน้าอย่างนั้น?ตํารวจบอกอะไรแกมั่ง?” ฉางหาวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
MANGA DISCUSSION