แม่มดสาวมุ่งมิ่ง ตอนที่ 41 ไปตลาด
ขณะที่หลิงจนรู้สึกลําบากใจที่จะต้องเลือก แม่มดสาวได้กล่าวขี้นมาอย่างกะทันหันว่า
” พลังของฉันสามารถสะกดมันเอาไว้ได้ไม่เกินสองนาที ถ้าพวกคุณไม่รีบตัดสินใจฉันจะยกเลิกพิธีกรรมแล้วนะ!”
ทันใดนั้นกลุ่มพลังงานที่เป็นกลุ่มหมอกควันสีดําก็พุ่งตัวไปยังบริเวณเหนือศีรษะของแม่มดสาวและเริ่มหมุนวนอย่างรุนแรง ขณะที่เธอถือตุ๊กตาเวทมนตร์
สิ่งนี้ทําให้เหลียงจ้าวเชิ้นกับคนในครอบครัวถึงกับตาเบิกกว้างทันที
“นายท่าน! ให้ผมจัดการกับมันเลยมั้ยขอรับ?” ตุ๊กตาเวทมนตร์เอ่ยถาม
“เดี๋ยวก่อน!” ฮันเปาเม่ยหยุดยั้งและหันมาเอ่ยถามเหลียงจ้าวเซิ่นอย่างรวดเร็วว่า
“ฉันมีข้อเสนอ!”
“ว่ามาเลยครับ…” เหลียงจ้าวเพิ่นตอบกลับทันที
“ฉันจะช่วยคุณกําจัดวิญญาณร้ายตนนี้ แต่ค่าธรรมเนียมต้องเพิ่มเป็นสองเท่า โอเคหรือเปล่า?”
“ตกลงครับ! ตกลง! “ เหลียงจ้าวเซินตอบอย่างตื่นเต้นโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
จากนั้นฮันเปาเม่ยจึงหันไปส่งสัญญาณให้กับตุ๊กตาเวทมนตร์โดยการพยักหน้า แต่ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการ พลังงานกลุ่มหมอกควันสีดําก็ควบแน่นเป็นรูปทรงกลมขนาดเท่ากําปั้นและพุ่งตรงเข้าหากตาเวทมนตร์ในทันที
“รีบอ้าปากสิ!” แม่มดสาวกล่าวอย่างรีบร้อน
” อ้าาา…” ตุ๊กตาเวทมนตร์ปฏิบัติตามทันที และชั่วอึดใจรอยยิ้มที่สดใสก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจ ขณะที่ดวงวิญญาณของผีร้ายถูกกลืนกินเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว และเส้นใยสีดําที่เชื่อมต่อสองสามีภรรยาก็หายไปในทันที
“อาจิน!”
เหลียงจ้าวเชิ้นร้องเรียกภรรยาทันทีหลังจากที่เส้นใยสีดํานั้นหายไป และรีบวิ่งเข้าไปตรวจสอบสภาพร่างกายของหลิงจินพร้อมกับกล่าวว่า
“เป็นยังไงบ้าง? รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“ฉันสบายดี..” หลิงจินตอบด้วยอาการตื่นเต้นและถ้าไม่มีคนนอกอยู่ด้วย ในเวลานี้เธอคงจะโผเข้ากอดสามีด้วยน้ําตาแห่งความดีใจ
ขณะที่คนในครอบครัวนี้กําลังตื่นเต้นและมีความสุข แต่ฮันเปาเม่ยกลับมีอาการตาปรืออย่างอ่อนแรง เนื่องจากเธอหมดพลังงานไปมากกว่าที่คาดเอาไว้ในการประกอบพิธีกรรมครั้งนี้
เมื่อเห็นนายหญิงมีอาการเช่นนี้ เจ้าแมวน้อยก็เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนังห้องและเห็นว่าเป็นเวลาดึกแล้ว ดังนั้นมันจึงเตือนนายหญิงว่า
“นายหญิง…เรากลับกันเถอะ”
ฮันเปาเม่ยพยักหน้ารับทราบและกล่าวลาเจ้าของบ้านอย่างไร้เรี่ยวแรง
” ขอตัวกลับก่อนนะคะทุกคน…”
“ผมไปส่งเองครับ” เหลียงจ้าวเพิ่นกล่าวยังกระตือรือร้น
” ขอบคุณมาก”
หลังจากเข้ามานั่งประจําตําแหน่งคนขับแล้ว เหลียงจ้าวเซิ่นก็ขับรถออกไปพร้อมกับแม่มดสาวที่นั่งอยู่ด้านข้างบนที่นั่งผู้โดยสาร และเด็กสาวยังคงถือตุ๊กตาเวทมนตร์อยู่ในมือ
ทันใดนั้นเจ้าตุ๊กตาก็ร้องตะโกนขึ้นอย่างดังพร้อมกับดิ้นไปมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้เหลียงจ้าวเชิ้นซึ่งนั่งอยู่ในตําแหน่งคนขับถึงกับสะดุ้งโหยง
” อยากตายหรือ?! อยากตายใช่มั้ย?! โอ้ย! ฮ่าๆ ๆ” เสียงยังคงดําเนินต่อไปและพูดซ้ําไปซ้ํามาหลายสิบครั้ง ทําให้เหลียงจ้าวเซิ่นจ้องมองมันด้วยความหวาดกลัว
ฮันเปาเม่ยหันไปมองหน้าเหลียงจ้าวเชิ้นอย่างว่างเปล่าและกล่าวว่า
“มันเป็นแค่ผลข้างเคียงเท่านั้นไม่ต้องตื่นเต้น!”
เมื่อได้ยินคําอธิบายนั้นชายวัยกลางคนก็รู้สึกโล่งใจ และเขาได้ให้คําสัญญาว่าจะจัดการโอนค่าธรรมเนียมที่เหลือให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งเดือน
“เรื่องค่าทําเนียมไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”
หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว พบว่าทุกคนเข้านอนแล้ว ฮันเปาเม่ยก็ค่อย ๆ ย่องเข้าไปในบ้าน ขณะที่ตุ๊กตาเวทมนตร์ยังคงพร่ําบ่นประโยคเดิม ๆ ไปตลอดทาง ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะชื่นชอบประโยคเหล่านี้เป็นอย่างมาก
ทําให้แม่มดสาวเกิดความรู้สึกรําคาญจึงก้มหน้าลงพร้อมกับดว่า
“อย่าส่งเสียงดัง! เดี๋ยวสาปให้เป็นใบ้ซะเลย!”
“คร้าบ…” ตุ๊กตาเวทมนตร์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นจึงยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากของตนเองด้วยดวงตาที่หรี่ลง ราวกับว่ากําลังพยายามฉุดรั้งอารมณ์ของตนเองเอาไว้
หลังจากนั้นตุ๊กตาเวทมนตร์ก็ไม่ร้องตะโกนอีก แต่ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในห้องนอนแล้ว เจ้าตุ๊กตาก็ทําเหมือนว่าตัวเองถูกปลดปล่อยออกมาจากคุก โดยมันกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ ห้องอย่างเมามัน และร้องตะโกนประโยคที่ชื่นชอบ
“อยากตายเหรอ?! อยากตายใช่มั้ย?! ฮ่า ๆ ๆ” หลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้ว มันได้ร้องตะโกนออกมาอีกว่า
“ตายซะเถอะ! ตายซะเถอะ!”
จากนั้นเจ้าตุ๊กตาเวทมนตร์ก็วิ่งตรงไปยังดวงวิญญาณของเปาจื่อที่เดินเข้ามาในห้องหลังจากที่เขาได้ยินเสียงใครบางคนร้องตะโกน
” เกิดอะไรขึ้น? อ่า…”
ทันใดนั้นเจ้าตุ๊กตาเวทมนตร์ก็ตรงเข้าไปรวบมือของเปาจื่อเอาไว้ และร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งต่อไป
“ตายซะเถอะ! ตายซะเถอะ!”
ในตอนแรกเปาจื่อรู้สึกตกใจแต่ เมื่อเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าลูกตาเวทมนตร์กําลังอุ้มตนเองอยู่ เขาจึงรู้สึกสับสนทันที
” พี่ตุ๊กตา! พี่เป็นอะไรไป? นี่ผมเปาขื่อนะ”
ตุ๊กตาเวทมนตร์ไม่สนใจสิ่งที่เขากล่าวเลยแม้แต่น้อย และยิ่งเปาจื่อดิ้นรนมากขึ้นเท่าไหร่มันก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น จากนั้นเมื่อเห็นว่าการดิ้นรนของตนเองไม่เป็นผลเปาจือจึงร้องตะโกนไปทางแม่มดสาว
“แม่มดครับ!! ช่วยผมด้วย! พี่ตุ๊กตาจะกินผม!”
“ไม่เป็นไรหรอก…ตุ๊กตาแค่อยากเล่นกับเธอเท่านั้น…” แม่มดสาวกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย
” ทําไมมันถึงมีอาการแบบนี้?!” แมวน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัย
โดยปกติแล้วมันจะไม่เป็นแบบนี้… เว้นแต่วิญญาณร้ายที่เขากลืนกินเข้าไปจะมีพลังมหาศาลจึงเกิดการต่อต้านการอยู่ภายในร่างของมัน!” ฮันเปาเม่ยกล่าว
“อ้อ! เป็นอย่างนี้นี่เอง” แมวขนปุกปุยพยักหน้ารับรู้และเอ่ยถามอีกครั้งว่า
” แล้วมันจะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ย?”
” ประมาณครึ่งเดือน ฮ่า ๆ ๆ” แม่มดสาวกล่าวอย่างอารมณ์ดี
”… ” แมวน้อย
” แต่ไม่ต้องเป็นห่วง…เดี๋ยวฉันจะเก็บมันเอาไว้ในกล่องเก็บเสียง”
” ค่อยยังชั่วฟังทั้งวันก็รําคาญเหมือนกันนะเนี่ย!” แมวน้อยกล่าว พร้อมกับถอนหายใจ
เช้าวันพรุ่งนี้ขึ้นเป็นวันหยุดประจําสัปดาห์ ดังนั้นฮันเปาเม่ยจึงต้องการนอนพักผ่อนให้เต็มที่ แต่ในเวลาชั่วครู่เสียงเคาะประตูก็ดัง
”เปาเม่ย! เปาเม่ย! ตื่นได้แล้ว…ออกมากินข้าวเร็วเข้า! เดี๋ยวจะได้ไปตลาดเป็นเพื่อนย่า”
” ค่า” เด็กสาวตอบกลับไป แต่ตาของเธอยังไม่ทันได้ลืมอย่างเต็มที่ด้วยซ้ํา
หลังจากอาบน้ําแต่งตัวและทานอาหารเรียบร้อยแล้วคุณย่าก็กล่าวกับหลานสาวอย่างอารมณ์ดีว่า
“เราไปกันดีกว่า…ถ้าไปสายเดี่ยวจะร้อน!”
” ค่ะย่า”เด็กสาวกล่าวอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเดินไปถึงฮันเปาเม่ยก็พบว่ามีผู้คนจํานวนหลายสิบคนกําลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่บริเวณหน้าตลาด หลานสาวจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยทันที
” คุณย่าคะคนพวกนั้นกําลังมุงดูอะไรคะ?”
“อ๋อ! พรุ่งนี้หวยออก พวกเขาคงกําลังเลือกซื้อล็อตเตอรี่กันอยู่นะ!” คุณย่ากล่าวด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย
MANGA DISCUSSION