แม่มดสาวมุ่งมั่ง ตอนที่ 39 หยดเลือด
ตอนที่ 39 หยดเลือด
วิญญาณร้ายที่กัดกินร่างกายของศัตรูตนนี้มีความโหดเหี้ยมและดุร้ายมากและเมื่อร่างนี้หมดลมหายใจลงไป มันก็จะถ่ายทอดพลังแห่งความโกรธแค้นและขุ่นเคืองใจทั้งหมดเข้าไปในจิตวิญญาณของหลิงจิน
ดังนั้นแม้ว่าเดิมที่ภรรยาของเหลียงจ้าวเชิ้นจะเป็นผู้ที่มีจิตใจดีและอ่อนโยนก็จะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างสิ้นเชิงจนกลายเป็นผู้ที่โหดเหี้ยมในที่สุด
“เรามาเริ่มกันเลย” แม่มดสาวเอ่ยขึ้น
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…!!”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองก็ดังขึ้นจนชวนให้ขนหัวลุกทําให้ผู้ที่ได้ยินเกิดความรู้สึกหวาดกลัวยกเว้นแม่มดสาวกับเจ้าแมวน้อย
แม้แต่เหลียงจ้าวเชิ้นผู้ซึ่งเคยเห็นวิญญาณร้ายมาแล้วนับไม่ถ้วนในการต่อสู้ก็ยังขมวดคิ้วขึ้น
ขณะที่บุตรชายของเขาเริ่มหน้าซีดด้วยอาการตื่นตระหนกมิหนําซ้ําขาของเขายังมีอาการสั่นเทาจนแทบจะก้าวไม่ออกแต่ชั่วพริบตาเขาก็สามารถฟื้นคืนสติได้อย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อเขามองเห็นตุ๊กตาที่อยู่ในมือของแม่มดสาวหันหน้ามามกว้างให้กับตนเองในทันที่เขาก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ
“ร้องทําไม? เดี๋ยวลูกฉันตกใจหมด!” ฮันเปาเม่ยดุพร้อมกับจ้องมองไปยังเหลียงเสี่ยวจื่อ
” เหลียงเสี่ยวจื่อยังคงสงสัยว่าเป็นใครกันแน่ที่ต้องตกใจ
ตุ๊กตาเวทมนตร์กระโดดลงมาจากอ้อมแขนของแม่มดสาวและวิ่งรอบห้องด้วยขาสั้นของเขาอย่างมีความสุข จากนั้นได้มาหยุดอยู่ตรงหน้านายหญิงขณะที่สามคนพ่อแม่ลูกจ้องมองมันด้วยความ ประหลาดใจ
โดยตุ๊กตาเวทมนตร์พบว่าผู้คนเหล่านี้น่าจะเป็นคนรู้จักของนายหญิงมันจึงหันไปทักทายพวกเขาด้วยความร่าเริง
“สวัสดีชาวโลก!”
เมื่อได้ยินน้ําเสียงนั้น ทั้งสามคนตรงหน้าก็จ้องมองตุ๊กตาตัวน้อยด้วยอาการระวังตัวมากขึ้น ขณะที่เหลียวจ้าวเชิ้นเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“เธอสามารถทําแบบนี้ได้ยังไง?”
“เอาไว้ค่อยคุยกันที่หลังสําหรับเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าอาจารย์เหลียงจะสนใจเวทมนตร์ของฉันมาก!” ฮันเปาเม่ยไม่ต้องการอธิบายให้อีกฝ่ายฟังมากเกินไป
” ขอโทษครับ…” เหลียงจ้าวเพิ่นตระหนักว่าคําถามของเขาเสียมารยาทจึงรีบกล่าวคําขอโทษทันที
“ในเมื่อมีคนรับช่วงวิญญาณร้ายแล้ว อย่างนั้นเรามาเริ่มกันเลย…อันดับแรกฉันต้องการเลือดของคุณหนึ่งหยด” แม่มดสาวกล่าวพร้อมกับมอบเข็มเงินที่เตรียมเอาไว้ให้เหลียงจ้าวเชิ้น
เมื่อชายวัยกลางคนรับสิ่งนั้นมาแล้วเขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้มันจิ้มเข้าไปที่นิ้วชี้ของมือข้างซ้ายตนเองอย่างรวดเร็วและก่อนที่ฮันเปาเม่ยจะกล่าวอะไรออกมาเหลียวจ้าวเพิ่นก็ยื่นนิ้วนั้นไปตรงหน้าหญิงสาวแล้ว
“อ้าว! รอแป๊ป…ฉันยังไม่ได้คุยเรื่องราคาเลย!” ฮันเปาเม่ยกล่าวพร้อมกับเกาศีรษะตนเองอย่างหงุดหงิด
“ลูกชายของผมบอกว่าคุณต้องการหนึ่งในสิบของทรัพย์สินทั้งหมดของผม ดังนั้นผมจึงเตรียมเงินสดมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว!” เหลี ยงจ้าวเชิ้นกล่าวด้วยความยินดีพร้อมกับยื่นซองสีน้ําตาลให้หญิงสาวและกล่าวอีกว่า
“นี่คือเงินสดหนึ่งในสิบของทั้งหมดที่ผมมี ส่วนอสังหาริมทรัพย์ที่ผมมีจะต้องนําไปประเมินราคาก่อน…หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมจะโอนให้คุณในภายหลัง”
หลังจากได้ยินเช่นนั้นดูเหมือนว่าเขาอาจจะกล่าวเท็จเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินในครอบครองได้และจ่ายให้เธอน้อยกว่าที่ควรจะเป็นท้ายที่สุดแม้ว่าฮันเปาเม่ยจะไม่ทราบแต่เหลียงจ้าวเชิ้นจะไม่มีวันทําเช่นนั้นเด็ดขาด
เหตุผลแรกคือปกติแล้วเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และมีคุณธรรมโดยเขาไม่คิดที่จะเอาเปรียบผู้อื่น
สําหรับเหตุผลอีกประการคือเขาทราบดีว่าแม้ฮันเปาเม่ยจะไม่ทราบมูลค่าสุทธิในทรัพย์สินของเขาว่ามีอยู่เท่าไร แต่ถ้าเธอต้องการทราบเธอก็คงมีวิธีที่สามารถหาคําตอบได้อย่างแน่นอน
” ก็ได้! แต่ขอเตือนก่อนว่าคุณจะได้รับบริการหลังการขายหลังจากที่ฉันได้รับเงินตามจํานวนแล้วเท่านั้น!”
คํากล่าวของฮันเปาเมียนั้นมีความชัดเจนมาก เพราะหากคุณไม่ชําระเงินตามจํานวนก็อย่าโทษเธอที่สัญญานั้นจะกลายเป็นโมฆะ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น” เหลียงจ้าวเช่นกล่าวอย่างมั่นใจ
หลังจากฮันเปาเม่ยรับซองสีน้ําตาลมาเก็บไว้ในกระเป๋าเป้ของตนเองแล้วเธอก็ก้มหน้าลงกล่าวกับตุ๊กตาเวทมนตร์
” พร้อมหรือยังลูก?!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
ตุ๊กตาเวทมนตร์หัวเราะอย่างร่าเริงอีกครั้ง พร้อมกับกางแขนที่ค่อนข้างสั้นของมันออกทํามุมหนึ่งร้อยแปดสิบองศาและหมุนตัวอย่างมีความสุข
แต่ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นหลังจากที่เดินหมุนไปมาอยู่ประมาณสี่ถึงห้ารอบ และพ่นกลุ่มหมอกควันสีดําออกมาด้วยพลังแรงราวกับพายุ
ชั่วอึดใจต่อมากลุ่มหมอกควันสีดําเหล่านั้นก็แพร่กระจายไปในชั้นบรรยากาศและในที่สุดก็กลายเป็นมิติที่เร้นลับและน่าพิศวงที่มีความซับซ้อน
“เอาเลือดของคุณมา!”ฮันเปาเม่ยกล่าวอย่างแผ่วเบา
เหลียงจ้าวเชิ้นกําลังทําท่าจะหยดเลือด แต่เมื่อเขามองลงไปที่นิ้วของตนเองกลับพบว่าเลือดที่นิ้วซึ่งเขาใช้เข็มเจาะไปเมื่อครู่ได้เดือดแห้งไปแล้วในเวลานี้ ดังนั้นเขาจึงใช้เข็มเจาะมันอีกครั้ง
ทําให้ฮันเปาเม่ยจ้องมองไปที่เขาด้วยความรู้สึกผิดเนื่องจากเธอควรจะต่อรองกับเขาก่อนที่จะส่งเข็มเงินให้ มิฉะนั้นเขาคงไม่ต้องเจ็บตัวซ้ําสอง
จากนั้นเหลียงจ้าวเชิ้นได้หยดเลือดลงบนพื้นด้านข้างตุ๊กตาเวทมนตร์และในทันใดกลุ่มหมอกควันก็ดูดซึมเลือดหยดนั้นทําให้มันมลายหายไปในพริบตา
“ใช้ได้แล้ว!” ฮันเปาเม่ยกล่าวพร้อมกับยื่นทั้งสองมือไปที่กลุ่มหมอกควันและกลางนิ้วออกทั้งสิบนิ้วและกล่าวอีกว่า
“ฉันจะเริ่มพิธีแล้วนะ! อีกสักครู่พลังของฉันจะเชื่อมต่อกับคุณดังนั้นอย่าใช้พลังต่อต้านเด็ดขาด”
“เดี๋ยวก่อน!” เหลียงจ้าวเชิ้นร้องตะโกนไปที่แม่มดสาวและหันไปมองภรรยาด้วยสายตาอ่อนโยน
เมื่อบุตรชายของเขาเห็นภาพนั้นจึงกล่าวแต่ขึ้นมาว่า
“ พ่อครับ! พ่อไปหลบที่ด้านหลังประตูสิครับ…”
ผู้เป็นบิดาพยักหน้าพร้อมกับจ้องมองไปยังบุตรชายของเขา
” อาจ๋อ! หลังจากที่พ่อเข้าไปในห้อง แกต้องถอดเครื่องรางออกจากคอของแม่…แล้วรู้หรือเปล่าว่าควรพูดว่าอย่างไรบ้าง?”
“รู้ครับ…” เหลียงเสี่ยวจือกล่าวด้วยดวงตาแดงก่ําแต่ยังคงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ฮันเปาเม่ยเลิกคิ้วขึ้นเห็นได้ชัดว่าพ่อกับลูกไม่ได้บอกความจริงกับคนในครอบครัว และเหตุผลที่เหลียงจ้าวเชิ้นต้องไปหลบที่หลังประตูเพราะเขากลัวว่าหลังจากที่ภรรยาฟื้นคืนสติและพบว่าวิญ ญาณอาฆาตได้ถ่ายโอนไปให้เขาแล้วเธอจะไม่เห็นด้วย
เมื่อเห็นว่าบุตรชายของเขาพยักหน้ารับทราบ เหลียงจ้าวเชิ้นจึงไม่ลังเลอีกต่อไปและเดินตรงไปอีกห้องหนึ่ง หลังจากที่เขาปิดประตูแล้วเหลียงเสียวจื่อก็เดินไปหามารดาและนําเครื่องรางออกมาจากลําคอของหญิงวัยกลางคน
ส่งผลให้วิญญาณร้ายฟื้นคืนชีพในทันใด หลังจากที่ไม่ได้ถูกเครื่องรางมันสะกดวิญญาณของมันเอาไว้
ทําให้เด็กหนุ่มรีบถอยห่างทันทีเพราะสิ่งที่เห็นคือมารดาของเขาที่นิ่งอยู่บนรถเข็น ผู้ซึ่งปกติแล้วมักจะมีใบหน้าที่บอบบางและอ่อนแอทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็กลับกลายเป็นหมองคล้ําและน่าขยะแขยงหลังจากที่เครื่องรางถูกถอดออก
โดยความน่าสะพรึงกลัวแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าหน้าตาของเธอเปลี่ยนไปแต่เป็นอารมณ์ต่างหากที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
และเมื่อได้เห็นเธอ ผู้คนจะรู้สึกถึงอันตรายและความโหดร้ายซึ่งเหมือนกับปีศาจร้ายในตํานาน
ตอนนี้ดวงตาของมารดาเหลียงเสี่ยวจื่อค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้นด้วยความโกรธแค้นที่ฝังแน่นอยู่ในจิตวิญญาณ แต่ทันใดนั้นก็ดูราวกับว่าวิญญาณร้ายนั้นถูกบางสิ่งบังคับให้สงบลง
โดยหญิงวัยกลางคนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องอย่างว่างเปล่าและในที่สุดก็จ้องมองไปยังบุตรชายพร้อมกับกล่าวว่า
“อาจ๋อ! ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”
MANGA DISCUSSION