แม่มดสาวมุ่งมั่ง ตอนที่ 38 ร่างกายถูกกัดกร่อน
ตอนที่ 38 ร่างกายถูกกัดกร่อน
ขณะนี้แม่มดสาวครุ่นคิดอยู่ในใจว่า เป็นเรื่องจริงที่วิญญาณร้าย ส่วนใหญ่มักจะมีความอาฆาตและเจ้าคิดเจ้าแค้น ดังนั้นหากมันไม่ สามารถฆ่าศัตรูได้ในทันทีพวกมันจะต้องหาโอกาสกลับมาล้าง แค้นอย่างแน่นอน
“มีคนเล่าให้ฟังว่า ตอนที่แม่กําลังจะคลอดผม ตอนนั้นครอบครัวของเรามีเรื่องวุ่นวายมาก ดังนั้นผีร้ายจึงเข้าไปสิงอยู่ในร่างแม่ของผมโดยที่พ่อไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย”
เด็กหนุ่มเริ่มมีน้ําตาคลอเบ้าขณะที่กล่าวอีกว่า
“สถานการณ์ตอนนั้นวิกฤตมาก เพราะพ่อของผมกลัวว่าการทําพิธีไล่ผีจะส่งผลกระทบต่อแม่และตัวผมจึงไม่กล้าทําโดยเขาคิดว่าจะรอให้การคลอดเสร็จสิ้นแล้วค่อยจัดการกับเจ้าผีร้ายในภายหลัง
แต่ท้ายที่สุดตอนนี้เจ้าวิญญาณร้ายก็ยังคงอยู่ในร่างของแม่ผมโดยไม่มีใครสามารถทําอะไรมันได้!”
” แต่สิ่งที่ฉันสามารถช่วยได้คือ การถ่ายโอนความอาฆาตนั้นไปที่อื่นเท่านั้น!” แม่มดสาวกล่าวอย่างจริงจัง
เด็กหนุ่มต้องการช่วยมารดาให้รอดพ้นจากวิกฤตแห่งชีวิตในครั้งนี้เพราะนอก จากมารดาของเขาจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกอย่างไม่มีความสุขแล้วหากเธอตายจากไปโดยไม่ได้ขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างก่อนหมดลมหายใจมารดาเขาก็จะกลายเป็นวิญญาณร้ายในที่สุด
” พี่ทําได้จริง ๆ ใช่ไหมครับ?”เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น
อย่าเพิ่งตื่นเต้นฟังให้จบก่อน!”
” ครับ ๆ ๆ!” แม้เด็กหนุ่มจะรู้สึกตื่นเต้นแต่เขาก็พยายามสงบสติอารมณ์
“มันง่ายมากที่จะใช้ทักษะของแม่มดเพื่อถ่ายโอนวิญญาณอาฆาตที่อยู่ในร่างกายของแม่เธอ…”
เด็กหนุ่มผู้รู้สึกตื่นเต้นพยักหน้าซ้ําแล้วซ้ําเล่า ขณะที่แม่มดสาวกล่าวต่อไปอีกว่า
“แต่เราจะย้ายมันไปไว้ที่ไหนล่ะ?!”ฮันเปาเม่ยเอ่ยถาม
เหลี่ยงเสี่ยวจื่อรู้สึกตกใจมากกับคําถามนี้แต่ทันใดนั้นเขาก็ตอบกลับมาว่า
” พี่หมายความว่าผมต้องหาคนมารับเอาวิญญาณร้ายนี้ไปใช่หรือเปล่าครับ?”
“ต้องเป็นการยอมรับอย่างเต็มใจด้วยนะ” ฮันเปาเม่ยอธิบายอีก
” พูดแบบให้เข้าใจง่ายก็คือ มันเป็นเหมือนการเจรจาธุรกิจโดยคนหนึ่งเป็นคนขายและอีกคนเป็นคนซื้อ จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็มาเจรจาเงื่อนไขก่อนที่จะเซ็นสัญญาร่วมกัน! โดยสิ่งนี้ฉันไม่สามารถบังคับให้คนคนนั้นตกลงได้เพราะทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจ!”
“ถ้าผมสามารถหาคนที่เต็มใจมารับวิญญาณร้ายนั้นได้แล้วผีตัวนั้นจะยอมเหรอครับ?”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะฉันสามารถช่วยจัดการให้เธอได้!”ฮันเปาเม่ยกล่าวพร้อมกับตบไหล่ของเด็กหนุ่มเบา ๆ
” ผมขอเบอร์ติดต่อพี่จะได้มั้ยครับ?” เด็กหนุ่มส่งสายตาวิงวอน
“ได้สิ!” ฮันเปาเม่ยตอบตกลงทันที
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับเข้าไปหามารดาในสวนสาธารณะเขาตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บิดาฟัง
เมื่อสองแม่ลูกกลับมาถึงบ้าน พวกเขาก็พบว่าเหลียงจ้าวเพิ่นกําลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยอาการกระสับกระส่ายและหันหน้ามาบริเวณ ประตูทางเข้าบ้าน
อย่างไรก็ตามเขามีอาการเช่นนี้ตั้งแต่ได้รับข้อความทางไลน์จากบุตรชายเกี่ยวกับเรื่องของแม่มดสาว
เมื่อเห็นภรรยากับบุตรชายเดินเข้ามา เหลียงจ้าวเชิ้นก็ทักทายพวกเขาอย่างกระตือรือร้น
” อาจื่อ เป็นยังไงบ้าง? ผู้หญิงคนนั้นตกลงที่จะช่วยเราหรือเปล่า?”
เหลียงเสี่ยวจื่อถอนหายใจอย่างหนักขณะที่เปลี่ยนรองเท้าแต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ทําให้บิดาต้องเอ่ยถามอย่างร้อนรนอีกครั้ง
“ถอนหายใจทําไมลูก? ถ้าเธอไม่ตกลง…พ่อจะไปหาเธอด้วยตัวเอง!”
” พี่สาวคนนั้นตกลงที่จะช่วยเราแล้ว!” เหลียวเสี่ยวจื่อกล่าวอีกครั้งว่า
” พ่อครับ! ฟังก่อน! ผมยังพูดไม่ทันจบเลย..!” เหลี่ยวเสียวจือกล่าวพร้อมกับกดร่างของบิดาลงบนโซฟาและกล่าวต่อไปอีกว่า
“พี่สาวคนนั้นบอกว่าการนําวิญญาณร้ายออกมาจากร่างของแม่ไม่ใช่เรื่องยากแต่เราจะต้องหาคนมารับวิญญาณร้ายนั้นแทน!”
” พอเข้าใจ!” เหลียงจ้าวเซินไม่รู้สึกแปลกใจในสิ่งที่บุตรชายกล่าวเลยแม้แต่น้อยและยังกล่าวอีกว่า
” พ่อจะเป็นคนรับวิญญาณร้ายนั้นเอาไว้เอง!”
” พ่อพูดอะไรน่ะ? เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะพ่อ!”
เหลียงเสี่ยวจื่อไม่ทราบมาก่อนว่าบิดาของเขารู้เรื่องนี้มานานแล้วและในตอนนี้เขาได้ร้องตะโกนออกมาว่า
” หลังจากแม่หายแล้ว พ่อก็ต้องมาปวยแทนเนี่ยนะ! ผมไม่โอเค!”
“ตราบใดที่พ่อสามารถรักษาแม่ของแกหายได้ พ่อก็พอใจแล้ว!”เหลียงจ้าวเชิ้นผู้เป็นบิดากล่าวอย่างหนักแน่นอีกว่า
“สิ่งนี้คือความปรารถนาสูงสุดของพ่อ”
เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้เด็กหนุ่มก็เอ่ยถามบิดาทันที
” พ่อครับ ทําไมพี่สาวคนนั้นถึงทําท่าเหมือนไม่ค่อยชอบองค์กรของเรา?
“มันเป็นเพราะเมื่อคืนก่อนทีมตรวจสอบของสมาคมเราต้องการไปจับวิญญาณของเด็กชายคนหนึ่ง ทําให้เกิดเรื่องขัดแย้งกัน นิดหน่อย!”ผู้เป็นบิดาถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวว่า
“ถ้าไม่จําเป็นพ่อก็ไม่อยากจะไปขอร้องเธอหรอก!แต่พ่อต้องการให้แม่ของแกหาย!”
เวลาสองทุ่มตรงฮันเปาเม่ยกับครอบครัวกําลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นจากนั้นเสียงเตือนข้อความเข้าก็ดังขึ้นโดยมันเป็นข้อความนัดหมายของเหลียงเสี่ยวจื่อและเขาได้ส่งแผนที่บ้านของตนเองมาด้วยพร้อมกับเวลานัด
หลังจากเลิกงานในวันต่อมาแม่มดสาวกับแมวสีขาวผู้ติดตามก็เดินทางไปพบพวกเขาตามแผนที่ที่ส่งมาขณะที่เหลียงเสี่ยวจ่อยืนรออยู่บริเวณหน้าบ้านอย่างกังวลใจ
“พี่สาวครับ….ขอบคุณครับที่กรุณามาตามนัด!”เขากล่าวเมื่อได้เห็นหญิงสาว
” พูดแล้วต้องทําตามคําพูดสิ! อ้อ! เรียกว่าเปาเม่ยก็ได้” ฮันเปาเม่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเปิดประตูบ้านและเดินเข้าไป เด็กหนุ่มก็แนะนําบิดาให้หญิงสาวรู้จักทันที
“พี่เปาเม่ยครับ! นี่คุณพ่อของผมเองเขาชื่อเหลียงจ้าวเชิ้นครับ!”
“สวัสดีครับคุณหนูฮัน…” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยท่าทางกระดากใจและยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ
สวัสดีคะ..
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้กล่าวอะไรอีก เหลียงเสี่ยวจ่อจึงกล่าวถึงเรื่องที่จะต้องทําในวันนี้ทันที
“พี่สาว! เราเริ่มกันเลยดีไหมครับ?”
“เธอหาคนที่จะมารับช่วงวิญญาณร้ายได้แล้วใช่ไหม?”
“ได้แล้วครับ! ผมเอง!” เหลียงจ้าวเชิ้นกล่าว
ฮันเปาเม่ยพยักหน้ารับทราบแต่ไม่ได้ซักถามอะไรอีกเพราะเธอไม่ใช่คนที่สอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น
ยิ่งไปกว่านั้นเธอค้นพบตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาในบ้านและได้พบกับสองสามีภรรยาแล้วว่า ขณะนี้ร่างกายของหลิงจินผู้ซึ่งเป็นมารดาของเหลียงเสี่ยวลื่อนั้นถูกทําร้ายและถูกกัดกร่อนด้วยความโกรธแค้นมานานมากแล้ว
ดังนั้นหากความโกรธแค้นนี้ยังคงอยู่เธอคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงปี
MANGA DISCUSSION