ตอนที่ 35 หนังสือโบราณ
ซึ่งสิ่งนี้ทําให้อาจารย์ซือฮานเกิดความรู้สึกสิ้นหวังจนอยากจะฆ่าตัวตาย แม้กระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยตนเองได้
ตอนนี้เขาเป็นผู้ชายในวัยยี่สิบแปดปีที่มีรูปร่างกํายําและหล่อเหลา แต่กลับต้องมาสวมผ้าอ้อมสําหรับผู้ใหญ่และนั่งอยู่บนรถเข็น เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการกระทําที่โหดเหี้ยมและเลวร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาให้ตายเสียอีก
“ไม่มี!” ประธานเหลียงตอบพร้อมกับส่ายหัว
หลังจากได้ยินคําตอบซือฮานก็มีอาการตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้าทันที
“อาจารย์ครับ..ผมควรทําอย่างไรดี? ผมต้องเป็นแบบนี้ตลอดชีวิตเลยหรือ?”
“แกยังไม่ต้องตกใจไป! ทุกคําสาปล้วนมีคาถาสําหรับลบล้างมันและจากสิ่งที่พวกแกเล่ามาให้ฟังทั้งหมด ในขั้นตอนของคําสาปนั้นไม่ได้ใช้เครื่องสังเวยใด ๆ ดังนั้นคําสาปนี้น่าจะมีช่วงเวลาที่จํากัดซึ่งคงไม่นานเกินไป!”
ท่านประธานเหลียงยังวิเคราะห์ต่อไปอีกว่า
“บางทีหลังจากผ่านไปสักสิบวัน คําสาปนี้อาจจะเสื่อมสลายไปเองตามธรรมชาติ”
“แต่ผม..ผมทนรอไม่ได้แม้สักวันเดียว!…ผมอยากตาย!” ซือฮานที่ยังคงสวมใส่ผ้าอ้อมอยู่กล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“เรายังไม่รู้เลยว่าเด็กสาวคนนี้เป็นคนของลัทธิไหนถึงได้มีทักษะลึกลับที่แปลกประหลาดแบบนี้ และหากเรายังไม่ทราบที่มา…มันก็ยากที่จะถอดรหัสแต่แกวางใจได้…ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่!” อาจารย์เหลียงปลอบใจศิษย์เอกของเขา
” ขอบคุณครับท่านอาจารย์” ซือฮานกล่าวด้วยแววตาเศร้าสร้อย
ช่วงที่อาจารย์เหลียงยังถอดรหัสคําสาปนี้ไม่ได้ เขาคงไม่มีหน้าออกไปพบใคร?
มองดูตนเองแล้วมันช่างน่าสมเพช!
ตงเทียนอดที่จะรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ที่เห็นเพื่อนของเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่เมื่อคิดทบทวนอีกครั้งเขาก็รู้สึกดีใจ เนื่องจากคนที่โชคร้ายไม่ใช่ตนเอง
“เด็กสาวคนนี้มีความเป็นมาอย่างไร? ใครมีข้อมูลบ้าง? ประธานเหลียงเอ่ยถามขึ้น
” เธอเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบแปดปีที่ครอบครัวยากจน และตอนนี้ทํางานพิเศษอยู่ที่บ้านพักคนชรา แต่เมื่อเดือนที่แล้วเธอได้ช่วยชีวิตลูกสาวของประธานบริษัทอสังหารายใหญ่ทําให้ฐานะทาง ครอบครัวเริ่มดีขึ้น!” สมาชิกคนหนึ่งในองค์กรรายงาน
” ฟังดูแล้วไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่แปลกประหลาด!” ประธานเหลียงกล่าวอย่างครุ่นคิดและกล่าวอีกครั้งว่า
“เอาเป็นว่าพวกคุณไปหาข้อมูลมาเพิ่มก็แล้วกัน! ตอนนี้เลิกประชุมได้!
บ่ายวันนั้นหลังเลิกงาน ฮันเปาเม่ยก็เดินเข้าไปในสวนสาธารณะที่อยู่ใจกลางเมืองเพื่อหาอาหารให้เจ้าตุ๊กตาเวทย์มนตร์กิน
หลังจากเดินวนไปวนมาคู่หนึ่งเธอก็ได้พบกับชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปีสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาวสีซีดและสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่ไหนสักแห่งในเมืองนี้ โดยเขาเดินสวนกับแม่มดสาวด้วยอาการก้มหน้าลง แม้กระนั้นฮันเปาเม่ยก็สามารถจับความหมองหม่นที่อยู่ภายในหัวใจของเขาได้
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทันใดนั้นแม่มดสาวก็หันหลังกลับไปพร้อมกับตะโกนถามเขาทันที
“มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับคุณหรือเปล่า?”
เด็กหนุ่มคนนั้นหันหน้ากลับมาจ้องมองไปยังฮันเปาเม่ย แต่เขาไม่ได้สนใจเธอเลยและเดินจากไปโดยไม่กล่าวอะไรออกมาสักคํา
สิ่งนี้ทําให้แม่มดสาวถึงกับเกร็งริมฝีปากแน่นพลางก้มหน้าลงเพื่อกล่าวกับเจ้าแมวจอมแสบที่ยืนอยู่เคียงข้างว่า
“ผู้ชายคนนี้โชคร้ายจริง ๆ”
“ช่าย! เราไปดูที่อื่นกันเถอะ…” แมวน้อยกล่าวพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย
ฮันเปาเม่ยเดินต่อไปข้างหน้าในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับที่ชายหนุ่มคนนั้นเดินจากไปพร้อมกับสนทนากับเจ้าแมวน้อย แต่หลังจากผ่านไปสักครู่เธอก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีท่าทางซึมเศร้านั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่
แม่มดสาวลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะล้วงตุ๊กตาเวทมนตร์ออกมาจากกระเป๋าเป้ด้านหลังและเดินตรงไปหาผู้หญิงคนนั้น
“สวัสดีค่ะคุณป้า!” ฮันเปาเม่ยกล่าวคําทักทายอย่างสุภาพ
” ห้ะ?”
ผู้หญิงที่มีสีหน้ามุมมองดูเหมือนว่าจะมีอายุประมาณสี่สิบห้าปีเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความสงสัย และเมื่อเห็นว่าเธอเป็นเด็กสาวที่มีท่าทางเป็นมิตรและน่าเอ็นดู หญิงวัยกลางคนก็ยิ้มจาง ๆ พร้อมกับเอ่ยถาม
” หนูมีอะไรเหรอจ๊ะ?”
” หนูมีอะไรอยากให้คุณป้าช่วยสักหน่อยค่ะ” ฮันเปาเม่ยพราวยังร่าเริง
“ช่วยอะไรเหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถามทันที
ฮันเปาเม่ยอื่นตุ๊กตาเวทมนตร์ไปข้างหน้าพร้อมกับกล่าวว่า
” หนูกําลังสะสมภาพถ่ายมือของผู้คนอยู่ค่ะ หนูอยากสะสมให้ได้สักหนึ่งพันรูปรบกวนคุณป้าช่วยถือตุ๊กตาตัวนี้เอาไว้สักครู่ได้หรือเปล่าคะ?”
หญิงวัยกลางคนจ้องมองตุ๊กตาในมือของเด็กสาว แม้ว่าเธอจะมีความรู้สึกหดหูในขณะนี้แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือผู้อื่นหากทําได้ โดยเธอพยักหน้าก่อนที่จะกล่าวว่า
“ได้สิ! ไม่มีปัญหา!” หญิงวัยกลางคนเก่าอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะคุณป้า!”
หลังจากถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยหญิงวัยกลางคนก็ส่งตุ๊กตาคืนให้กับฮันเปาเม่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง
ในทันใดผู้หญิงคนนี้ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน
หรือเธอจะติดเชื้ออารมณ์ดีจากเด็กสาวคนนี้?
หญิงสาวโบกมือพร้อมกับกล่าวลาหญิงวัยกลางคน ก่อนที่จะเก็บตุ๊กตาที่กลืนกินพลังงานเชิงลบกลับเข้าไปในกระเป๋าเป้ของตนเองพร้อมกับค้นหาเป้าหมายต่อไป!
เป็นเรื่องจริงที่เมื่อคืนเจ้าตุ๊กตาเวทมนตร์ตัวนี้กลืนกินดวงวิญญาณของตันหลี่หมิงเข้าไปจนอิ่มและแทบจะสํารอกออกมา แต่เมื่อตอนเที่ยงวันนี้แม่มดสาวได้นํามันออกไปตากแดดเป็นเวลาสามชั่วโมงและนํามาร่ายคาถาเพื่อเพิ่มพลังอีกครั้ง ดังนั้นในตอนนี้มันจึงรู้สึกหิวโหยเป็นอย่างมาก
จังหวะที่เด็กสาวจะเดินจากไป ทันใดนั้นเด็กวัยรุ่นสวมแว่นสายตาที่มีความหนามากเป็นพิเศษซึ่งมีอายุประมาณสามสิบปีก็ก้าวเข้ามาขวางทางแม่มดสาวเอาไว้
“พี่เป็นแม่มดเหรอ?” เด็กชายเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นอีกว่า
“เมื่อกี้นี้พี่เอาตุ๊กตาให้แม่ผมถือทําไม?”
” เธอคือ…?” ฮันเปาเม่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่าเหตุใดเด็กคนนี้จึงทราบว่าตนเองเป็นแม่มด!
“ผมชื่อเหลียงเสี่ยวจื่อเป็นลูกชายของประธานองค์กรจิตวิญญาณของเมืองนี้ ที่ชื่อเหลียงจ้าวเชิ้น! เมื่อเช้านี้ผมแอบฟังพวกเขาประชุมกันและได้ยินมาว่าพวกเขาพูดถึงเด็กผู้หญิงที่มีตุ๊กตาแบบที่พี่ถือเมื่อกี้นี้!”
หลังจากกลอกตาไปมาอย่างเจ้าเล่ห์แล้ว เด็กแว่นก็กล่าวอีกว่า
” ผมเคยอ่านหนังสือโบราณหลายเล่ม และในนั้นมีบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับแม่มดดังนั้นผมจึงคิดว่าพี่น่าจะเป็นแม่มด…ผมพูดถูกหรือเปล่า?” เหลียงเสี่ยวจื่อเอ่ยถาม
MANGA DISCUSSION