ตอนที่ 25 ผีมีจริงหรือเปล่า?
บริเวณด้านหลังอาคารที่ใช้เป็นเรือนนอนของเด็กกําพร้าเหล่านี้ มีบ่อน้ําที่ทําจากท่อปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่อยู่บ่อหนึ่ง ซึ่งถูกปิดตายแล้วโดยต้นหลี่หมิงอ้างว่า ตอนนี้มีน้ําประปาใช้แล้วดังนั้นจึงไม่มีความจําเป็นต้องใช้อีกต่อไป
“นี่ผมเอง! ผมคือเด็กที่อาป๋าโยนลงไปในบ่อน้ําเมื่อสามปีก่อน…ผมกลัวมาก! อาป๋ามาช่วยผมด้วย! ไม่อย่างนั้นผมจะไปหาอาป้าเอง”
น้ําเสียงของผีเด็กนั้นมีความนุ่มนวลอ่อนโยนและไร้เดียงสาแต่ในช่วงเวลานี้เสียงที่ส่งผ่านสายโทรศัพท์ไปยังหูของผู้ฟังกลับทําให้เกิดระดับของความน่ากลัวปรากฏขึ้นจนชวนให้ขนหัวลุก
หลังจากนั้นเสียงจากปลายสายที่โทรมาก็ถูกตัดสัญญาณไปยังกะทันหัน ขณะที่เป่าลื่อยังคงยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจและเดินกลับไปยังบ้านของแม่มดสาวหลังเดินออกมาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ
แต่ตันหลี่หมิงที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปครึ่งเมืองกับทรุดตัวลงบนพรมของห้องนอนด้วยใบหน้าซีดเซียวและมีโทรศัพท์มือถือเครื่องที่โยนทิ้งไปเมื่อครู่วางอยู่ข้างเท้า
“ต้องมีคนเล่นตลกแน่ ๆ ! โลกนี้ไม่มีผีไม่มีทางเป็นไปได้!” ต้นหลี่หมิงกล่าวไปเหมือนเดิมซ้ําแล้วซ้ําเล่าราวกับคนเสียสติ
”เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!”
แม้จะกล่าวเช่นนี้แต่ความทรงจําในหัวใจของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังคงชัดเจนอยู่เสมอโดยเด็กผู้ชายคนนี้เป็นเด็กที่ฉลาดและน่ารักมาก
แต่ว่าน่าเสียดายที่เขาฉลาดมากเกินไปและเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ซึ่งอันที่จริงเขาไม่ต้องการให้เด็กคนนี้ตาย
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามหาเหตุผลมาปลอบใจตนเองอย่างไรค่ําคืนนี้เขาก็คงไม่สามารถข่มตานอนหลับได้อย่างสงบ และเช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ยังคงลุกจากเตียงตามปกติเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยในบ้านเด็กกําพร้าเหมือนเช่นทุกวัน
เมื่อถึงเวลาแปดโมงเช้าอาสาสมัครก็เริ่มทยอยมาช่วยงาน โดยบางคนช่วยทําอาหารและบางคนช่วยสอนหนังสือให้กับ
เด็ก ๆ
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ต้นหลี่หมิงก็รู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอนมากจึงเข้านอนตั้งแต่หัวค่ํา แต่พอถึงช่วงกลางดึกทันใดนั้นเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“อาป๋าตันครับ! ทําไมยังไม่มาช่วยผมอีก….ผมหนาวมาก!”
ตันหลี่หมิงรู้สึกตกใจมากและโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งไปทันทีแต่เสียงจากปลายสายอีกด้านหนึ่งก็ยังไม่ยอมหยุด ซึ่งมันเป็นเสียงหัวเราะที่ดังมากและน่าหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก โดยมันดังนานประมาณหนึ่งนาทีจนกระทั่งสัญญาณถูกตัดไปในที่สุด
และคืนนี้ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ตันหลี่หมิงนอนไม่หลับจนกระทั่งรุ่งสาง โดยเขารอจนแสงอาทิตย์ขึ้นยามเช้าสาดส่องเข้ามาเขาจึงถ้าเดินไปหยิบโทรศัพท์มาตรวจสอบข้อมูลของหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อเข้ามาเมื่อคืน และพบว่าเป็นหมายเลขเดียวกันกับที่โทรมาหาเขาเมื่อคืนก่อน
จากนั้นเป็นเวลาสี่หรือห้าวันติดต่อกันที่โทรศัพท์ของตันหลี่หมิงจะมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นหลังเวลาหลังเที่ยงคืนของทุกคืนและถ้าเขาไม่รับสาย เสียงเรียกเข้านั้นก็จะดังขึ้นเรื่อย ๆ และโทรเข้ามาเป็นสิบ ๆ ครั้งกว่ามันจะหยุดลงได้
แม้ว่าตันหลี่หมิงมีความคิดที่จะเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์แต่เขาก็ไม่สามารถทําได้เพราะในฐานะเจ้าของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า เขามีความจําเป็นต้องรอรับการติดต่อจากผู้ต้องการบริจาคจึงไม่สามารถเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ได้อย่างง่าย
ดาย
“คุณตันคะ! คุณไม่สบายหรือเปล่า? ทําไมหน้าตาซีดเซียวแบบนี้” อาสาสมัครที่เป็นนักศึกษาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นไร…เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเท่านั้นเอง” ต้นหลี่หมิงตอบด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
“คุณตัน…คุณต้องใส่ใจสุขภาพของตัวเองด้วยนะคะ! เด็กๆ เหล่านี้ต้องได้รับการดูแลจากคุณ” อาสาสมัครนักศึกษากล่าว
” ผมทราบ…”
ตันหลี่หมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า
” หนานเฟย! คุณช่วยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ให้ผมหน่อยได้หรือเปล่า?
” หมายเลขโทรศัพท์อะไรครับ?” อาสาสมัครไปรีบถาม
“เบอร์นี้ ” ตันหลี่หมิงกล่าวพร้อมกับแสดงหมายเลขโทรศัพท์นั้นให้หนานเฟยดู
“เอ๊ะ! ทําไมเบอร์นี้ถึงโทรหาคุณกลางดึกตั้งหลายครั้ง?”หนานเฟยเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ใช่! มันโทรมาก่อกวน แต่พอรับสาย…มันก็ไม่ได้พูดอะไร!และยังโทรมาติดต่อกันหลายครั้งแล้ว” ต้นหลี่หมิงกล่าว
“สงสัยจะเป็นพวกโรคจิต! ไม่เป็นไรครับ! เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้”
หนานเฟยรู้สึกโกรธเคือง เพราะเขาคิดว่าตันหลี่หมิงดีเป็นคนดีจึงไม่ควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เขารีบทําการตรวจสอบทันที
“มิน่า! คุณถึงมีสีหน้าเหมือนคนไม่ได้หลับได้นอน”
หนานเฟยตรวจสอบอยู่เป็นเวลานานในการค้นหาตําแหน่งของโทรศัพท์
“ผมตรวจสอบแล้วพบว่า นี่คือหมายเลขโทรศัพท์สาธารณะที่อยู่ใจกลางเมือง”
สารณะเหรอ?”
“ใช่ครับ! ไอ้โรคจิตคนนี้มันตั้งใจก่อกวนคุณ! เราแจ้งตํารวจเลยดีไหมครับ?”
“อย่า ๆ ! เรื่องเล็กน้อยแค่นี้อย่าไปรบกวนคุณตํารวจเลยผมคิดว่าต่อไปถ้าผมไม่รับสายมันก็คงจะเลิกลาไปเอง”
ตันหลี่หมิงไม่ต้องการโทรแจ้งตํารวจ เพราะว่าเนื้อหาในการสนทนาจะถูกเปิดเผยเมื่อมีการสืบสวนและสอบสวนจากตํารวจ…
“คุณตัน….คุณใจดีเกินไป…” หนานเฟยไม่เห็นด้วย
ในขณะนี้มีชายในชุดจีนโบราณเดินเข้ามาจากด้านนอกสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า และเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมีสีหน้าเคร่งเครียดจึงเอ่ยถามว่า
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?”
“โอ้! สวัสดีครับอาจารย์ชื่อฮาน!” หนานเฟยกล่าวอย่างกระตือรือร้น
หนานเฟยรู้จักกับฮือฮานผู้ซึ่งเป็นนักบวชลัทธิเต๋ผู้นี้เป็นอย่างดี เพราะนักบวชผู้มีความรู้ทางด้านการแพทย์แผนจีนและจะลงมาจากเขาเพื่อตรวจสุขภาพของเด็ก ๆ
” คุณตัน…ทําไมคุณถึงใบหน้าซีดเซียวอย่างนั้นไม่สบายหรือเปล่า? อาจารย์ชื่อฮานคิ้วขมวดเมื่อเห็นใบหน้าของตันหลี่หมิงและกล่าวอีกว่า
“ช่วงนี้คุณตันนอนไม่ค่อยหลับครับ” หนานเฟยกล่าว
“คุณตันครับ…ถ้าอย่างนั้นผมจะช่วยตรวจดูให้”
อาจารย์ชื่อฮานสังเกตตันหลี่หมิงครูใหญ่ และพบว่าแม้ตันหลี่หมิงจะดูเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีวิญญาณชั่วร้ายแฝงอยู่ในร่างกายของเขา ดังนั้นจึงคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเกิดจากความเจ็บป่วยทางกาย
“อย่าลําบากเลย” ต้นหลี่หมิงกล่าวอย่างเกรงใจ
“ไม่ลําบากหรอกครับ..แค่จับชีพจรเท่านั้น”
ตันหลี่หมิงจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เขานั่งลงด้านข้างอาจาร ซื่อฮาน
” คุณตันครับ….ระยะนี้รู้สึกวิตกกังวลหรือหวาดกลัวเกี่ยวกับอะไรบางอย่างหรือเปล่า?”
ตันหลี่หมิงจ้องมองไปยังดวงตาที่จริงจังของอาจารย์และคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเล่าให้ฟังว่า
” อันที่จริงผมฝันร้ายมาหลายวันติดต่อกันแล้ว โดยมีเด็กผู้ชายอายุประมาณเจ็ดหรือแปดขวบอยู่ในความฝัน…”
ต้องเป็นเด็กผีแน่ ๆ ! ทันใดนั้นดวงตาของอาจารย์ชื่อฮานก็เปล่งประกายที่มีความหมายขณะที่ตันหลี่หมิงกล่าวต่อไปว่า
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น? ทําไมผมถึงฝันแบบนี้?” ตันหลี่หมิงเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจอีกว่า
“อาจารย์ครับ…ผี..มีจริงหรือเปล่าครับ?”
MANGA DISCUSSION