ตอนที่ 21 เชื้อไวรัสโควิด
เซียงอันจ้องไปยังไม่หญิงสาวด้วยความสงสัย
“น้องรู้จักชื่อของพี่ได้ยังไง?”
“น้องสาวได้ยินที่พี่พูดจริง ๆ ด้วย!” วิญญาณของชายหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้าฮันเป่าเม่ยด้วยความตื่นเต้น
“หลบไป!” ฮันเป่าเม่ยผลักผีหนุ่มให้พ้นทาง ส่งผลให้ดวงวิญญาณชายหนุ่มตนนั้นกระเด็นหายไปในอากาศเหมือนกระดาษบางเบาที่ปลิวไปตามสายลม
“เมื่อกี้นี้น้องทำอะไร?”
เซียงอันรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีท่าทีแปลกประหลาด และดูราวกลับว่าเมื่อครู่นี้เธอได้ผลักบางอย่างออกไป
“สวัสดีค่ะ! ขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะคะ..ฉันชื่อฮันเป่าเม่ยและฉันเป็นแม่มด!” ฮันเป่าเม่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แม่มดเหรอ?”
“ถูกต้อง! เมื่อครู่ฉันกำลังเดินเล่นอยู่ที่ถนนคนเดินทางด้านโน้นและเห็นว่ามีคนกำลังจะกระโดดตึก ฉันก็เลยรีบมาที่นี่!”
ฮันเป่าเม่ยอธิบายเกี่ยวกับการมาของตนเองอย่างรวบรัด
“ถนนคนเดินอยู่ห่างจากจุดนี้ตั้งไกล แล้วคุณสามารถมองเห็นตำแหน่งนี้ได้ยังไง?” เซียงอันยังคงสงสัย
“จะไม่เห็นได้ยังไง? ก็บรรยากาศรอบตัวคุณมันเต็มไปด้วยพลังมรณะที่รุนแรง!”
“พลังมรณะเหรอ?” เซียงอันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยอีกครั้ง
“มันคือพลังงานเชิงลบในกระบวนการเตรียมฆ่าตัวตาย และความสิ้นหวังในร่างกายของคุณถึงจุดสูงสุด ส่งผลให้พลังมรณะพุ่งสูงเจ็ดถึงแปดเมตรเลยทีเดียว” แม่มดสาวอธิบาย
แม้ขณะนี้อารมณ์ของเซียงอันจะเริ่มสงบลงบ้างแล้ว แต่พลังงานต้นลบที่รุนแรงกลุ่มนั้นก็ยังคงพุ่งสูงอยู่ เนื่องจากความต้องการฆ่าตัวตายของเธอนั้นยังคงแน่วแน่และไม่เปลี่ยนแปลง
ในที่สุดดวงวิญญาณของชายหนุ่มที่ชื่อหยุนหัวก็ล่องลอยกลับมาที่จุดเดิมและกล่าวอย่างร้อนรนว่า
“ที่แท้คุณก็เป็นแม่มด! มิน่าคุณถึงได้ยินในสิ่งที่ผมพูด” เมื่อเห็นแม่มดสาวยังคงนิ่งเฉยเขาจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวอีกว่า
“เซียงอันคงไม่เชื่อคุณดังนั้นคุณต้องแสดงความสามารถให้เเธอเห็น”
ใครจะเชื่อว่าแม่มดและโลกวิญญาณมีอยู่จริง ดังนั้นคงจะต้องใช้ความพยายามในการทำให้ผู้คนเชื่อ โดยการพิสูจน์ความสามารถที่เธอมี
“รอแป๊บ!”
ฮันเป่าเม่ยดึงตุ๊กตาผ้าดูดวิญญาณที่ทำจากฝีมือของตนเองออกมาจากกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็เหลือบมองไปยังวิญญาณของชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมกับชี้นิ้วออกไปและกล่าวว่า
“โอม…!!!จงดูดวิญญาณเข้ามาในร่างของเจ้าเดี๋ยวนี้!”
หลังจากนั้นวิญญาณของชายหนุ่มก็รู้สึกเพียงว่าตนเองถูกดึงดูดด้วยพลังที่มีความรุนแรง มหาศาลจนยากจะขัดขืน และเมื่อกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้งก็พบว่าการมองเห็นนั้นเปลี่ยนแปลงไปซึ่งดูเหมือนเขาจะตัวเล็กมากและกำลังยืนอยู่บนมือขวาของแม่มดสาว
“ฉันพอจะเดาออกว่าคุณเป็นเพื่อนกับเธอ ดังนั้นคุณควรไปพูดเอง” เมื่อกล่าวจบอันเป่าเม่ย ก็วางตุ๊กตาตัวนั้นลงบนพื้น
ขณะผีหนุ่มพยายามที่จะก้าวขาืเขาก็พบว่ามีการสัมผัสกับพื้นอย่างนุ่มนวล ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นที่ยากจะอธิบาย จึงหันกลับไปมองแม่มดสาวก่อนที่จะวิ่งไปหาเซียงอันที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับร้องตะโกน
“เซียงอัน! พี่คือหยุนหัวที่ตายไปเมื่อเจ็ดวันก่อน! จำได้หรือเปล่าว่าเราจะสู้กับโรคร้ายนี้ไปด้วยกันจนถึงนาทีสุดท้าย?”
อุต๊ะ! ผมสามารถส่งเสียงได้ด้วย!
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เซียงอันก็จ้องมองไปยังตุ๊กตาตรงหน้าที่กำลังวิ่งเข้ามาหาตนเองอย่างรวดเร็วด้วยอาการตื่นตระหนกจนแทบจะเป็นลม แต่เธอก็ยังคงพยายามประคองสติเนื่องจากต้องการทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เซียงอัน! ทำไมถึงโง่อย่างนี้? ทางการแพทย์กำลังหาทางช่วยเธออยู่…อย่าเพิ่งหมดหวัง! ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้? แล้วคุณลุงกับคุณป้าจะทำยังไง? ได้โปรดอย่าทำแบบนั้นเลย…อย่างน้อยพ่อแม่ของเธอก็ยังมีเวลาอยู่กับเธออีกนาน”
“เธอคือหยุนหัวจริง ๆ เหรอ?”
แม้จะเห็นว่าเป็นตุ๊กตาตัวเล็กแต่น้ำเสียงนั้นก็เป็นของหยุนหัวอย่างชัดเจน และเหตุผลอีกอย่างคือเขายังรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับตนเอง
“ใช่! นี่พี่เอง” หยุนหัวในร่างตุ๊กตากล่าวอย่างจริงจังอีกว่า
“วันนี้ครบเจ็ดวันที่พี่ตาย ดังนั้นพี่จึงกลับมาเยี่ยมคนในครอบครัวและมาที่โรงพยาบาลเพื่อดูเธอ แต่ไม่คิดว่าจะมาเห็นเธอกำลังฆ่าตัวตาย! ทำไมถึงทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้?”
“หยุนหัว! พี่ก็รู้โรคที่เราเป็นไม่สามารถรักษาให้หายได้ แม้ว่าฉันจะสู้แต่ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานและต้องใช้เงินจำนวนมาก” หญิงสาวกล่าวอย่างสิ้นหวัง
หลังจากเซียงอันมั่นใจว่าวิญญาณของหยุนหัวอยู่ในตุ๊กตา ผู้หญิงคนนี้ก็ทรุดตัวลงนั่งและร้องคร่ำครวญว่า
“ดูสิ! แม้แต่จะหายใจด้วยตัวเองฉันยังไม่มีแรงเลย”
“มันเป็นผลข้างเคียงของการใช้ยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด…”
“แต่มันก็ไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายได้” เซียงอันกล่าวอย่างเศร้าใจอีกว่า “ถึงยังไงฉันก็ต้องตายอยู่ดี…”
หญิงสาวจ้องมองตุ๊กตาตรงหน้าพร้อมกับกล่าวอีกว่า
“ฉันไม่กลัวความตายอีกต่อไปแล้ว…แต่ฉันกลัวความเจ็บปวด…ฉันกลัวว่าพ่อแม่จะต้องเสียใจนานหลายเดือนเหมือนกับพี่และในที่สุดเราก็ต้องตายอยู่ดี”
เซียงอันกล่าวอย่างสิ้นหวังอีกว่า
“ตอนนี้ฉันเพิ่งอายุแปดปี…ตอนแรกฉันวางแผนไว้ว่าตอนอายุสามสิบฉันจะพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวรอบโลก ดังนั้นหลังจากเรียนจบฉันจึงตั้งใจทำงานเพื่อที่จะเก็บเงินให้ได้มากที่สุด แต่ตอนนี้เงินจำนวนนั้นฉันนำมาใช้รักษาอาการป่วยของตนเอง”
อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถรักษาให้หายได้ ฉันจึงต้องการฆ่าตัวตายเพื่อที่พ่อกับแม่ของฉันจะได้เก็บเงินเอาไว้ใช้ในตอนเเก่”
“แต่เธอคือสิ่งที่คุณลุงคุณป้าต้องการที่สุด และการที่เธอสามารถใช้เวลากับพวกเขาได้อีกหนึ่งวันมันคงเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับพวกเขา”วิญญาณของหยุนหัวกล่าวอย่างอ่อนโยน
“แต่ทุกครั้งที่มาพบฉัน พวกเขาจะต้องร้องไห้และทุกข์ใจ ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องการให้พวกเขาต้องเจ็บปวดอีกต่อไป” เซียงอันหยุดชั่วอึดใจก่อนที่จะกล่าวอีกว่า
“ฉันทนไม่ไหวแล้วพี่หยุนชุน!”
เดิมทีทั้งหยุนหัวและเซียงอันต่างก็ทำงานอยู่ที่สนามบิน และเมื่อมีโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิดแพร่กระจายพวกเขาก็ต้องติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ร้ายแรงมากและยังไม่มียารักษา
MANGA DISCUSSION