ตอนที่ 14 หูฉลาม
หลังจากเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ฮันเป่าเม่ยแล้ว คณะนักข่าวก็รีบร้อนเดินทางกลับไปที่สถานีข่าวสตาร์นิวส์ เพื่อเตรียมตัวเผยแพรข่าวด่วนประจำวันซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนดีในสังคม
เมื่อข่าวนี้ออกอากาศในช่วงค่ำ ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจและต้องการให้ความช่วยเหลือเด็กสาวที่มีฐานะยากจน เนื่องจากในภาพข่าวนั้นมีภาพบ้านที่แสนจะสุดโทรมของสาวน้อยโดยสามารถเห็นรอยรั่วที่บริเวณหลังคาหลายตำแหน่งอย่างชัดเจน
“โอ้โห! ทำไมชีวิตเด็กคนนี้ถึงน่าสงสารขนาดนี้?”
“ใช่! แม้ว่าเธอจะเกิดในครอบครัวที่ยากจน แต่กลับเป็นเด็กดีมีน้ำใจจริง ๆ ”
“ทางสถานีเขาเปิดรับบริจาคหรือเปล่า? ฉันอยากโอนเงินไปช่วยเธอจังเลย…คนดีแบบนี้เราต้องให้กำลังใจ”
“เราลองส่งข้อความไปสอบถามไปทางเพจดีไหม?”
จากนั้นทานน้ำใจจากผู้คนก็หลั่งไหลโดยการบริจาคเงินเข้าไปทางสถานีข่าว เนื่องจากต้องการช่วยเหลือเด็กสาวคนนี้ และภายในเวลาเพียงแค่สามวันยอดเงินบริจาคก็พุ่งขึ้นสูงถึงห้าล้านเหรียญ ดังนั้นสถานีข่าวจึงต้องประกาศปิดรับบริจาคและแถลงข่าวเป็นการด่วน
ข่าวค่ำวันนี้…
“ตอนนี้ทางสถานีข่าวของเราขอปิดรับบริจาคสำหรับคุณฮันเป่าเม่ยแล้วนะคะ เพราะยอดเงินบริจาคตอนนี้มีมากกว่าห้าล้านเหรียญแล้ว ดิฉันขอขอบคุณแทนคุณฮันเป่าเม่ย ผู้ซึ่งเป็นคนดีในสังคมและเราจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปมอบให้กับเธอในวันพรุ่งนี้ค่ะ”
หลังจากดูข่าวภาคค่ำจบ คนในครอบครัวฮันก็ดีใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ฮันเป่าเม่ยกลับรู้สึกเฉยเมยกับข่าวดีนี้และเดินกลับเข้าห้องนอนไป
“มุ้งมิ้ง ข้าอยากกลับบ้าน…” หญิงสาวกล่าวอย่างเศร้าสร้อย
“ข้าก็อยากกลับเหมือนกัน แต่ตอนนี้เรายังไม่มีหนทางเลย ใจเย็น ๆ ก่อนนะนายท่าน” แมวน้อยปลอบใจ
หญิงสาวเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำด้วยความรู้สึกหดหู่ และครุ่นคิดอยู่ตลอดทั้งคืนว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไปดี อย่างไรก็ตามวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเธอจึงตั้งใจที่จะตื่นสายกว่าปกติ แต่เมื่อเวลาประมาณแปดโมงเช้าเสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้น
“เป่าเม่ย! เป่าเม่ย! ตื่นหรือยัง?”
“อืม…มีอะไรคะแม่?” หญิงสาวตอบกลับไปขณะที่ยังไม่ได้ลืมตาตื่น
“รีบอาบน้ำแต่งตัวเร็วเข้า! สถานีข่าวโทรมาแจ้งว่ากำลังจะมาถึงแล้ว”
“ค่ะแม่…”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง คณะนักข่าวกับบิดาและลูกสาวที่ฮันเป่าเม่ยช่วยชีวิตไว้ก็เดินทางมาถึงบ้านหลังเก่านี้ ท่ามกลางฝูงชนที่มามุงดูสถานการณ์อย่างเนืองแน่น
“เราตั้งใจมาขอบคุณหนูด้วยตัวเอง ถ้าไม่ได้หนู…ลูกสาวของลุงคงจะตายไปแล้ว” หลี่หยูกล่าวคำขอบคุณอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ…ตอนนั้นหนูไม่ทันคิดอะไร แค่เห็นว่าเธอกำลังจะจมน้ำหนูก็เลยรีบกระโดดลงไปช่วย”
“หนูว่ายน้ำเก่งมากเลย ที่โรงเรียนสอนว่ายน้ำด้วยเหรอ?” หลี่หยูเอ่ยถามด้วยความสงสัยเนื่องจากโรงเรียนรัฐบาลทั่วไปมักจะไม่มีสระว่ายน้ำสำหรับนักเรียน
“ไม่มีค่ะ หนูเรียนจากในคลิปวิดีโอ”
“…” หลี่หยู
หลังจากเงียบไปสักพัก หลี่หยูก็ตัดสินใจกล่าวว่า
“นับว่าหนูเป็นเด็กที่ใฝ่รู้มาก…เอ่อ…ที่ลุงมาวันนี้ก็เพื่อกล่าวขอบคุณและมีบางอย่างมามอบให้กับหนู”
“หนูไม่ต้องการอะไรหรอกค่ะคุณลุง และที่หนูทำลงไปก็ไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน”
“ไม่ได้…ไม่ได้…ลุงจะมอบบ้านพร้อมที่ดินในโครงการบ้านจัดสรรของลุงให้ และหนูกับครอบครัวก็สามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันที”
“จะดีเหรอคะ?…มันไม่มากไปเหรอคะ?” เป่าเม่ยกล่าสอย่างเกรงใจ
“ไม่เลย! น้อยไปเสียด้วยซ้ำ! เพราะหนูช่วยชีวิตลูกสาวคนเดียวของน้าเอาไว้”
“โอว…ถ้าเป็นอย่างนั้นหนูต้องกราบขอบพระคุณคุณลุงเป็นอย่างสูงค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ้า…นี่คือนำบัตรของลุงถ้ามีปัญหาอะไรหนูสามารถติดต่อได้ตลอดเวลาเลยนะ”
หลังจากทำพิธีมอบเงินสดแล้ว คณะนักข่าวกลับสองพ่อลูกก็เดินทางกลับไปอย่างมีความสุข และเป่าเม่ยได้มอบสิ่งที่เธอได้มาทั้งหมดในวันนี้ให้กับบิดามารดาของเธอไป
“เป่าเม่ย…ลูกจะไม่เก็บเงินนี้เอาไว้ใช้เหรอ?” มารดาเอ่ยถามด้วยความกังวล
“แม่เก็บเอาไว้ใช้เถอะค่ะ ถ้าหนูอยากได้หนูจะขอแม่เอง”
“มันจะดีหรอ? นี่เป็นเงินของลูกนะ” บิดากล่าวบ้าง
“รับเอาไว้เถอะค่ะ หนูอยากให้พ่อกับแม่เก็บมันเอาไว้จริง ๆ ”
“ตกลง! อย่างนั้นเราจะเก็บเอาไว้เป็นทุนการศึกษาให้ลูกนะ”
“เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหนูเอง พ่อกับแม่นำเงินนี้ไปลงทุนค้าขายจะดีกว่า เพราะหนูไม่อยากให้แม่ต้องทำงานเหนื่อยแบบนี้อีกแล้ว”
วันต่อมาฮันเป่าเม่ยก็ยังคงไปทำงานตามปกติและพบว่าชายชราเกากำลังต้อนรับแขกสองท่านที่บริเวณห้องรับแขกส่วนกลาง
อันที่จริงบ้านพักคนชราแห่งนี้มีความสะดวกสบายอย่างมาก เพราะนอกจากอาหารสามมื้อ และอาหารว่างที่มีสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังมีห้องรับแขกส่วนกลาง สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ ห้องฟิตเนส และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน
แต่การที่จะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องจองคิวนานหลายปีเนื่องจากจำนวนที่พักมีจำกัดและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะต้องมีเงินมากพอ
เนื่องจากจะต้องมีค่าใช้จ่ายรายเดือนประมาณห้าพันเหรียญ ขณะที่ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวของคนในเมืองนี้เป็นเงินจำนวนแค่สองพันเหรียญเท่านั้น
เมื่อชายชราเกาเห็นเด็กสาวเดินเข้ามาจึงรีบร้องเรียก
“เป่าเม่ย! มานี้เร็วเข้า!”
“มีอะไรเหรอคะคุณตา?”
“เอาบัตรประชาชนมาหรือเปล่า?”
“เอามาสิคะ แม่บอกว่าต้องพกติดตัวเอาไว้เสมอ”
“ดี…ดี… อย่างนั้นเอามานี่เลย”
เด็กสาวรีบหยิบบัตรประจำตัวประชาชนของตนเองออกมาจากกระเป๋าเงินและส่งให้ชายชรา
“จะเอาไปทำไมหรอคะคุณตา?”
“ตาจะเปิดบัญชีธนาคารให้หนูจะได้สะดวกเวลาฝากซื้อของยังไงล่ะ! ตาเกรงใจเวลาหนูซื้อของมาให้ตา”
“อ๋อ…ไม่เป็นไรค่ะคุณตา เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง”
“ไม่ได้…ไม่ได้…เผื่อวันหน้าถ้าตาอยากกินหูฉลามจะทำยังไง?…ตาเกรงใจ”
“หูฉลามกินได้ด้วยเหรอคะ?”
“…ได้สิ!” ชายชราเกากล่าว
MANGA DISCUSSION