แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 964 พบเจอคนบ้า
ตอนที่ 964 พบเจอคนบ้า
ตอนที่ 964 พบเจอคนบ้า
ทันทีที่ว่านเสียนเห็นหลินม่าย น้ำตาก็ไหลอาบแก้มสองข้างของหล่อนทันที “หัวหน้าหลิน โปรดช่วยฉันด้วย”
หลินม่ายปฏิเสธทันที “เราสองคนไม่รู้จักกัน และฉันจะไม่ช่วยคุณ”
แต่ว่านเสียนกลับพูดจาราวไม่เข้าใจภาษามนุษย์ “ฉันแค่อยากให้คุณช่วยให้ฉันคืนดีกับหมิงเฉิง”
หลังจากว่านเสียนและหลี่หมิงเฉิงเลิกกัน ด้วยชื่อเสียงที่ย่ำแย่ของหล่อน ก็ไม่มีแม่สื่อสักคนที่กล้านัดบอดให้หล่อน
แม่ว่านกังวลใจมาก หล่อนจึงหันกลับมานึกถึงหลี่หมิงเฉิงอีกครั้ง
ว่านเสียนติดต่อหลี่หมิงเฉิงหลายครั้งเพราะอยากจะกลับมาคบกับเขาต่อ แต่หลี่หมิงเฉิงปฏิเสธหล่อนทุกครั้ง
เมื่อเห็นว่าหลี่หมิงเฉิงไม่ยินดีจะพูดคุย ว่านเสียนจึงมาที่นี่เพื่อให้หลินม่ายช่วยเหลือตน
แต่เพราะไม่รู้ที่อยู่ของหลินม่ายในเมืองหลวง จึงไม่สามารถค้นหาหลินม่ายได้
ว่านเสียนลอบคาดเดาว่าหากหลี่หมิงเฉิงแต่งงาน หลินม่ายจะต้องมาร่วมฉลองด้วยแน่นอน ดังนั้นหล่อนจึงมาดักรออยู่ที่หน้าวิลล่า
หลินม่ายเลิกคิ้วก่อนจะพูดต่อว่า “หมิงเฉิงกำลังจะแต่งงานในวันพรุ่งนี้ คุณคิดว่าฉันจะทำลายงานแต่งของเขาให้เธองั้นเหรอ?”
ว่านเสียนได้ยินอย่างนั้นก็กล่าวตอบอย่างเกรี้ยวกราด “คนอื่นอาจจะทำไม่ได้ แต่คุณทำได้แน่”
หลินม่ายหัวเราะเย้ยหยัน “ทำไมฉันถึงทำได้?”
“เพราะที่ฉันต้องเลิกกับหมิงเฉิงก็เป็นเพราะคุณยั่วยุเขา”
หลินม่ายกล่าวอย่างสบาย ๆ “ฉันไม่ได้ยั่วยุ ฉันแค่พูดความจริง”
ว่านเสียนคล้ายกับเสียสติไปแล้ว เวลานี้หล่อนเขย่าประตูบ้านของหลินม่ายพร้อมร้องตะโกน “ทั้งหมดเป็นเพราะคุณ
เธอยั่วยุให้หมิงเฉิงเลิกกับฉัน และยังให้เขาหมั้นกับผู้หญิงคนอื่นในวันที่ถอนหมั้นกับฉัน เป็นคุณที่ปกปิดเรื่องนี้กับฉัน เธอมันอำมหิต!”
เวลานี้เพื่อนบ้านเริ่มกลับมาและเห็นฉากตรงหน้าเขา พวกเขารีบลงจากรถพร้อมตะโกนใส่ว่านเสียน “คนบ้าหลุดมาจากไหน? ออกไปซะ!”
ว่านเสียนเห็นว่าอีกฝ่ายมีร่างกายใหญ่โต หล่อนจึงวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
หลินม่ายไม่สนใจและกล่าวขอบคุณเพื่อนบ้านคนนั้นด้วยรอยยิ้ม
แต่ชายคนนั้นโบกมืออย่างยินดี “ไม่เป็นไรครับ นิดหน่อยเอง”
หลินม่ายพยักหน้าให้ชายคนนั้นก่อนจะพาเสี่ยวมู่ตงกลับไปด้านใน
หลินม่ายหยิบหนังสือการ์ตูนออกจากกระเป๋าเดินทางพร้อมนั่งลงบนโซฟา เธออุ้มเสี่ยวมู่ตงเอาไว้พร้อมกับอ่านหนังสือการ์ตูนให้เขาฟัง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลินม่ายเล่าเรื่องให้เด็กชายตัวน้อยฟังจนปากแห้ง แต่เสี่ยวเหวินกับโต้วโต้วยังไม่กลับมา
หลินม่ายออกไปที่ลานเพื่อมองไปรอบ ๆ และไม่เห็นว่ามีใครอยู่
เธอรู้สึกกังวลมากจึงคิดว่าจะพาเสี่ยวมู่ตงออกไปตามหาเสี่ยวเหวินกับโต้วโต้ว
ขณะที่แม่กับลูกชายกำลังจะออกจากบ้าน เธอเห็นเสี่ยวเหวินกำลังวิ่งมาพร้อมกับโต้วโต้วพร้อมตะกร้าผัก
หลินม่ายตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงดัง “อย่าวิ่ง ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวล้ม”
เด็กทั้งสองวิ่งมาหาเธอพร้อมกับหอบหายใจหนัก
หลินม่ายถามทันที “ทำไมกลับมาช้าจังเลย?”
โต้วโต้วเล่าสถานการณ์ด้วยความหวาดกลัว “พวกเราเจอคนบ้า หนูกับพี่ชายเลยต้องอ้อมมาอีกทาง”
หลินม่ายได้ยินอย่างนั้นก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นและหันมองโดยรอบอย่างระมัดระวัง
บนถนนละแวกนี้เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนเดินอยู่บนถนนมากนัก และคนที่เดินอยู่ไม่กี่คนก็ดูไม่ใช่คนบ้า
เสี่ยวเหวินตอบ “พวกเราสลัดคนบ้านั้นทิ้งได้แล้วครับ”
ทั้งหมดเข้ามาในบ้าน หลินม่ายเริ่มพูดคุยกับเสี่ยวเหวินและโต้วโต้วว่าพวกเขาพบเจอคนบ้าที่ไหน
โต้วโต้วบอกเล่าอย่างเผ็ดร้อน “ฉันกับพี่ชายซื้อผักจากตลาด แต่มีป้าคนหนึ่งจับจ้องพวกเราไม่หยุด อีกทั้งมาถามฉันว่าชื่อเล่นของฉันคือตัวตัวใช่ไหม แต่พี่ชายไม่ยอมให้ฉันบอก แล้วก็พาฉันหนีด้วย พอเราหันกลับไปมอง ป้าคนนั้นก็ยังเดินตามมา พี่ชายไม่กล้าพาฉันกลับบ้านด้วยเส้นทางเดิม เราเลยอ้อมไปไกลเพื่อขับไล่ป้าคนนั้นไปแล้วค่อยวนกลับมาที่บ้าน”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว หลินม่ายขมวดคิ้ว
ได้ยินโต้วโต้วพูดอย่างนั้นแล้ว เธอก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนบ้า แต่อาจจะเป็นแม่ที่แท้จริงของโต้วโต้ว
ผู้หญิงคนนั้นทิ้งโต้วโต้วเพราะโต้วโต้วเป็นโรคหัวใจ และตอนนี้หล่อนต้องการที่จะพูดคุยกับโต้วโต้วงั้นเหรอ?
เป็นเรื่องปกติหากแม่ต้องการพูดคุยกับลูกสาวของตัวเอง
แต่อีกฝ่ายทำเกินไปที่ละทิ้งโต้วโต้วในตอนนั้น หลินม่ายจะไม่ส่งโต้วโต้วคืนกลับเด็ดขาด และปล่อยให้อีกฝ่ายออกตามหาต่อไป
หลินม่ายเริ่มทำอาหารเย็นกับเด็กน้อยทั้งสาม
ก่อนอาหารเย็นจะพร้อม โจวฉายอวิ๋นพร้อมด้วยสามีและเถาจืออวิ๋นมาถึง
ผู้หญิงทั้งสองคนช่วยหลินม่ายทำอาหาร และผู้ชายสองคนออกไปเล่นฟุตบอลที่สนามหญ้ากับเด็ก ๆ ทั้งสามคน
ขณะหลินม่ายกำลังยุ่ง เธอกระซิบถามโจวฉายอวิ๋นว่าเป็นอย่างไรบ้างหลังแต่งงาน
เธอไม่ได้กังวลเรื่องของเถาจืออวิ๋น เพราะเธอรู้ว่าฟางจั๋วเยวี่ยรักหล่อนอย่างแท้จริง
แต่โจวฉายอวิ๋นแตกต่างออกไป เพราะหล่อนเป็นหมัน
หลินม่ายกังวลว่าหากหงตั่งเชิงและพ่อแม่ของเขาไม่ชอบหล่อนก่อนแต่งงาน พวกเขาอาจจะไม่ชอบหล่อนหลังจากแต่งงานแล้วเช่นกัน ซึ่งมันจะไม่ดีต่อตัวหล่อน
เถาจืออวิ๋นอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เห็นไหมว่าฉายอวิ๋นน้ำหนักขึ้นอย่างนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดฝาด หล่อนต้องมีชีวิตที่ดีสิ”
โจวฉายอวิ๋นหน้าแดงก่อนจะยอมรับว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่เป็นไรเลย”
หลินม่ายลอบถามเถาจืออวิ๋นอีกครั้งว่าหวังเหวินฟางยังมาขอเงินฟางจั๋วเยวี่ยอีกไหม
เถาจืออวิ๋นตอบกลับ “ก็มีสองสามครั้ง แต่ฟางจั๋วเยวี่ยไม่ได้ให้ หล่อนเลยไม่ได้มาขออีกแล้ว”
อาหารทุกจานล้วนแต่ถูกปรุงอย่างดี ทุกคนมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหารเพื่อรับประทานมื้อค่ำด้วยกัน
เสี่ยวมู่ตงชอบกินลูกชิ้นปลา หลินม่ายตักลูกชิ้นปลาสองสามลูกใส่ไว้ให้เขาในชามน้อย และบอกให้เขากินช้า ๆ พร้อมกับก้มหน้าลง อย่าเงยหน้ามองคนอื่น ๆ
นั่นเพราะเธอกังวลว่าลูกชิ้นปลาจะเข้าไปติดคอของเด็กน้อย การกินก้มหน้าเป็นสิ่งที่ปลอดภัยกว่า
ฉีฉีและเสี่ยวเหวินนั่งถัดจากเสี่ยวมู่ตง พวกเขารับประทานอาหารและจ้องมองเสี่ยวมู่ตงตลอดเวลาเพราะเกรงว่าเด็กน้อยจะเกิดอันตราย
โจวฉายอวิ๋นกินกะหล่ำปลีดองไม่กี่คำก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ก่อนจะวิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วอ้วกออก
เธอล้างปากล้างหน้าก่อนจะกลับมาที่โต๊ะอาหารเพื่อรับประทานอาหารต่อ
หงตั่งเชิงถามอย่างห่วงใยว่าเกิดอะไรขึ้น
เถาจืออวิ๋นมองโจวฉายอวิ๋นซ้ำไปมาก่อนจะพูดขึ้นจากประสบการณ์ของตัวเอง “ฉันไม่คิดว่าพี่ฉายอวิ๋นจะเป็นอะไรนอกจากท้อง”
คำพูดของหล่อนราวกับสายฟ้าฟาดผ่าร่างกายของโจวฉายอวิ๋นออกเป็นสิบส่วน
หล่อนร้องอุทานออกมาทันที “เป็นไปได้ยังไง!”
หลินม่ายเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอหันมองโจวฉายอวิ๋นด้วยแววตาว่างเปล่า “จะเป็นไปไม่ได้ได้ยังไงล่ะ? ก็พี่มีสามีแล้วนะ”
โจวฉายอวิ๋นกล่าวติดขัด “แต่ว่า… ฉันเป็นหมันไม่ใช่เหรอ? ฉันจะท้องได้ยังไงล่ะ!”
หลินม่ายตอบ “ครอบครัวของอดีตสามีเป็นคนพูดว่าพี่ตั้งท้องไม่ได้ ไม่ใช่หมอพูดสักหน่อย พี่คิดว่ามันเชื่อถือได้งั้นเหรอ?”
โจวฉายอวิ๋นยังคงเถียง “แต่ฉันก็อาศัยอยู่กับอดีตสามีหลายปี และเราก็ไม่มีลูกด้วยกันเลย อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นกลับให้กำเนิดบุตรหลายคนแก่เขาได้ เท่านี้มันก็เพียงพอที่จะบอกว่าฉันเป็นหมันไม่ใช่เหรอ?”
หลินม่ายเคาะศีรษะอีกฝ่ายด้วยตะเกียบ “ทำไมพี่ถึงไม่คิดอีกทางล่ะ
เมียน้อยของอดีตสามีพี่น่ะมีชู้หรือเปล่า? ฉันว่านะ คนที่เป็นหมันน่ะเป็นอดีตสามีพี่มากกว่า ถูกไหม?”
ปากของโจวฉายอวิ๋นอ้ากว้างด้วยความตื่นตระหนก
เห็นว่าหงตั่งเชิงไม่สบายใจ เถาจืออวิ๋นจึงบอกโจวฉายอวิ๋นว่า “เดี๋ยวหลังรับประทานอาหารเสร็จก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อย แล้วเราจะได้รู้ความจริงกัน”
ทั้งหมดยุติหัวข้อที่น่าอับอายนี้เพื่อหงตั่งเชิง
วันรุ่งขึ้น
หลินม่ายพาเด็กน้อยทั้งสามคนไปที่งานแต่งงานของหลี่หมิงเฉิงก่อนเที่ยง
หลี่หมิงเฉิงเลือกโรงแรมที่เหมาะสมสำหรับงานแต่งงาน
เขาสวมใส่ชุดสูทพร้อมกลัดดอกไม้สำหรับเจ้าบ่าว ยืนอยู่ตรงทางเข้าโรงแรมพร้อมกับเจ้าสาวในชุดกระโปรงสีแดงสดเพื่อรอต้อนรับแขก
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินม่ายเห็นเซียวเยว่ หญิงสาวมีใบหน้ากลมและดูใจดี หล่อนดูมีความสุขมากในวันนี้
หลินม่ายพาเด็กน้อยทั้งสามคนเข้าไปอวยพรให้กับคู่บ่าวสาวพร้อมมอบอั่งเปาซองใหญ่และกล่าวอวยพร
ทันใด ญาติฝั่งเจ้าบ่าวซึ่งกำลังต้อนรับแขกก็จัดที่นั่งให้กับทั้งสี่คนข้าง ๆ กับพี่สาวของหลี่หมิงเฉิง
พี่สาวหลี่ไม่ได้เจอหลินม่ายนานแล้ว และเมื่อได้พบเจอเธอก็พูดคุยไม่หยุดหย่อนพลางถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
แม้หลินม่ายจะรู้ว่าพี่สาวหลี่พูดมากและขี้นินทา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ว่าเธอไม่ชอบให้คนอื่นถามถึงความเป็นไปของตัวเอง
เวลานี้เธอจึงเปลี่ยนเรื่อง “โชคชะตาของคู่บ่าวสาวยอดเยี่ยมมาก ไม่คิดเลยว่าหมิงเฉิงกับเสี่ยวเยวี่ยจะสามารถลงเอยกันได้จริง ๆ”
“ไม่ใช่หรอก!” พี่สาวหลี่หันหน้ากลับมา “แต่ต้องบอกว่าเซียวเยว่เป็นหญิงสาวที่ดีมาก หล่อนใช้ชีวิตได้ดีและทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ พ่อแม่ของหล่อนก็ดีมากด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ประเภทที่เอาลูกสาววางใส่พานมาร้องขอเงิน”
เวลานี้หล่อนกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้นพร้อมทอดสายตามองออกไปที่หน้าประตูโรงแรม
หลินม่ายมองตามสายตาของหล่อน และเห็นว่าว่านเสียนปรากฏตัวที่ประตูโรงแรมด้วยชุดสีแดงเช่นกัน
พี่สาวหลี่ลุกยืนขึ้นทนัที “ฉันขอตัวไปดูหน่อยนะว่านังนั่นคิดจะทำอะไร”
หลินม่ายบอกกล่าวให้เสี่ยวเหวินดูแลน้อง ๆ ให้ดีก่อนจะลุกตามไป
นี่คือวันสำคัญของหลี่หมิงเฉิง ว่านเสียนเข้ามาในชุดสีแดงเช่นนี้เธอเกรงว่ามันจะกลายเป็นจุดสนใจของงานแต่งงาน เวลานี้เธอต้องเร่งติดตามเพื่อหยุดว่านเสียนเอาไว้ก่อน
แต่เมื่อทั้งสองมาถึงทางเข้าโรงแรม ว่านเสียนกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
พี่สาวหลี่คิดว่าตัวเองตาฝาด เลยหันไปถามหลี่หมิงเฉิงว่า “เมื่อกี้ว่านเสียนมาที่นี่เหรอ?”
หลี่หมิงเฉิงพยักหน้ารับ “ครับ”
พี่สาวหลี่ตั้งท่าเตรียมพร้อมและมองไปรอบ ๆ “มันอยู่ไหน?”
“ผมไล่หล่อนไปแล้ว จะเชิญหล่อนเข้างานเหรอครับ?” หลี่หมิงเฉิงหัวเราะ
พี่สาวหลี่ถามด้วยสีหน้ารังเกียจ “มันมาทำอะไรที่นี่?”
“อยากกลับมาคบกับผม”
พี่สาวหลี่ถึงกับหน้าเบี้ยวเมื่อได้รับฟัง “คน ๆ นี้ไร้ยางอายเกินไปหรือไม่? จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมเลิกรา!”
หลี่หมิงเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สุดท้ายมันก็จบไปแล้ว ถ้าเราปฏิเสธหล่อนบ่อย ๆ เดี๋ยวหล่อนก็หายไปเองแหละครับ”
……………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจอแม่แท้ๆ ของโต้วโต้วแล้ว กลัวใจเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายในบ้านของม่ายจื่อ
ผู้ชายเขาหมดรักเธอแล้ว เธอปล่อยเขาไปเถอะว่านเสียน
ไหหม่า(海馬)