แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 806 ทำไมไม่มีลูกเป็นของตัวเอง?
ตอนที่ 806 ทำไมไม่มีลูกเป็นของตัวเอง?
เฉินเฟิงเดินออกจากห้องพักของโรงแรมที่ถูกจองไว้สำหรับแม่กับลูกชายของเคอจื่อฉิง เขาหยุดยืนที่ล็อบบี้ของโรงแรมเพื่อทักทายแขกคนอื่น ๆ
เมื่อเห็นว่าเหลียนเฉียวและหลินม่ายอยู่ด้วยกัน หัวใจของเขาก็พองโตขึ้นมาพร้อมกับเดินหน้าเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
แม้เหลียนเฉียวจะเพิ่งมีเรื่องวิวาทกับเคอจื่อฉิง และยังพูดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวกับเขาและครอบครัวของเขาอีกต่อไป
แต่เฉินเฟิงรู้สึกว่ามันน่าจะดีกว่าหากเขาลองรับฟังหล่อนบ่นระบายออกมา แม้จะไม่อยากรับฟังเท่าใดนัก แต่สุดท้ายหากหญิงผู้นี้ควบคุมตนเองไม่ได้ หล่อนจะกลายเป็นคนคลุ้มคลั่งทันที
เขากลัวว่าหากเหลียนเฉียวเห็นหลินม่ายอยู่ตรงนี้ ความบ้าคลั่งของหล่อนก็จะกำเริบขึ้นมา ซึ่งจะทำให้หลินม่ายต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
ถ้าเขารู้มาก่อนว่าเหลียนเฉียวจะกลับมาในวันนี้ เขาคงไม่เชิญให้หลินม่ายมาดื่มเลี้ยงฉลองครบเดือนของลูกชายฝาแฝดของตนแน่นอน
เขาเดินเข้าหาสองสาว เมือเห็นว่าทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เวลานี้หัวใจของเขาก็ร่วงหล่นไปอยู่ที่ข้อเท้าเรียบร้อย
เขายกยิ้มทักทายหลินม่ายก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “ศาสตราจารย์ของคุณที่อยู่ไหนเหรอครับ?”
หลินม่ายชี้ไปยังทิศทางหนึ่งก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “เหลียนเฉียวไม่อยากเจอเขา ฉันเลยให้เขานั่งรออยู่ตรงนั้นค่ะ”
ตามทิศทางการชี้ของเธอ เฉินเฟิงเห็นฟางจั๋วหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่งพร้อมกับกลุ่มที่เขาไม่คุ้นเคย
อาจเป็นเพราะฟางจั๋วหรานไม่รู้จักใคร เขาจึงเอาแต่นั่งเงียบอยู่ตรงนั้น ทว่าแม้ดูเหงาแต่มันก็แค่คล้าย ความจริงเขาเพียงสงบนิ่งมากกว่า
เฉินเฟิงเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับพาเขามานั่งด้านข้างของหลินม่าย
ก่อนจะหันมาพูดกับเหลียนเฉียวว่า “อย่าให้ศาสตราจารย์ฟางไปนั่งตรงอื่นสิครับ”
เหลียนเฉียวรีบอธิบาย “ฉันมีเรื่องส่วนตัวต้องคุยกับหลินม่ายตามลำพัง เลยยังไม่อยากให้เขาเข้ามาค่ะ หลังจากจบเรื่องคุยแล้ว ฉันก็จะเรียกเขากลับโต๊ะอยู่ดี”
หลินม่ายหยิบซองสีแดงหนาเตอะออกมาแล้วส่งมันให้กับเฉินเฟิง สิ่งนี้มีไว้เพื่อแสดงความยินดีสำหรับลูกชายของเขา
จากนั้นเอ่ยปากถามว่า “เมื่อไหร่คุณจะพาทารกน้อยมาให้พวกเรารับชมล่ะคะ?”
เฉินเฟิงรับซองแดงมาไว้อย่างมั่นเหมาะก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวนี้แหละครับ”
หลังจากที่เขาเดินหายไปสักครู่หนึ่ง เขาและเคอจื่อฉิงกลับมาที่ล็อบบี้พร้อมด้วยทารกในอ้อมแขน
แม่ของเคอจื่อฉิงและแม่ของเฉินเฟิงก็ติดตามมาด้วย เช่นเดียวกับพ่อเลี้ยงของเฉินเฟิง
อาวุโสทั้งสามระมัดระวังอย่างมากเมื่อเขากำลังอุ้มเด็ก
ด้านหลังยังมีพี่เลี้ยงเดินตามมาติด ๆ ในมือของพวกเขามีตะกร้าผ้าอ้อม ขวดนม และอื่น ๆ ที่จำเป็น
เคอจื่อฉิงยินดีที่ได้พบกับหลินม่าย เวลานี้หล่อนเดินตรงเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และไม่สนใจผู้เป็นแม่ที่บอกให้หล่อนเดินช้ากว่านี้
เมื่อมาหยุดยืนข้างกายของหลินม่าย หล่อนจึงเผยเด็กทารกในอ้อมแขนแล้วกล่าวถามทันที “เป็นอย่างไร? เขาน่ารักไหม? ฉันคือผู้ให้กำเนิดเขาเองแหละ!”
หลินม่ายมองทารกในอ้อมแขนของอีกฝ่าย
ทารกน้อยนอนหลับตาพริ้ม ปากขยับมุบมิมราวกับกำลังดูดนม
เธอยิ้มก่อนจะตอบกลับ “น่ารักน่าชังมาก เธอเก่งมากเลยที่ให้กำเนิดทารกหล่อเหลาคนนี้”
ฟางจั๋วหรานอยู่ด้านข้างได้ลองอุ้มทารกน้อยไว้ในอ้อมแขน เขามองเด็กน้อยในแขนด้วยแววตาอบอุ่นราวกับว่าอยากจะมีเป็นของตนเอง
หลินม่ายหยิบแม่กุญแจทองคำ กำไลทองคำ และสร้อยข้อเท้าทองคำสองคู่ออกมาจากกระเป๋า
เคอจื่อฉิงเห็นอย่างนั้นจึงรีบส่งทารกให้หลินม่ายอุ้ม
และเวลานี้หล่อนรีบถอดสร้อยข้อมือทองคำเล็ก ๆ ที่แม่ได้มอบให้เด็กชายก่อนหน้า ก่อนจะสวมเครื่องประดับของหลินม่ายแทนที่
โชคดีที่แม่ของหล่อนรู้จักนิสัยขี้ตระหนี่ของลูกสาว
มิฉะนั้นหล่อนคงน้อยใจว่าลูกสาวไม่ชอบสร้อยข้อมือที่ตนมอบให้ แต่กลับไปชื่นชมสิ่งของของหลินม่ายแทน เวลานั้นคงต้องโกรธกันจนเสียเวลาแน่นอน
แม่เฉินและสามีของหลอนยังมอบสร้อยคอทองคำให้หลานทั้งสองเช่นกัน แต่เคอจื่อฉิงถอดมันออก และใส่สร้อยคอทองคำที่หลินม่ายมอบให้แทน
แม่เฉินและถังโหย่วเหลียงผู้เป็นสามีทำได้เพียงสบตากันอย่างจนปัญญา แต่ก็ไม่ได้กล่าวคำใด
เพราะกลัวว่าลูกสะใภ้จะขุ่นเคืองและไม่อนุญาตให้เด็กชายแฝดสืบทอดตระกูลถัง
เคอจื่อฉิงสวมเครื่องประดับที่หลินม่ายมอบให้ และต้องการพาทารกน้อยคนนี้ไปให้แขกคนอื่น ๆ รับชมบ้าง
แต่ฟางจั๋วหรานกลับไม่ยอมปล่อยลูกของหล่อน แม้ว่าผู้เป็นบิดาของเด็กจะร้องขอเพียงใด
เด็กทารกน้อยยังอ่อนแอมาก จึงร้องไห้เสียงดังจนเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องส่งเด็กให้กับคุณยายของเขา เวลานี้เด็กน้อยร้องไห้เสียจนใบหน้าและดวงตาแดงก่ำ
หลินม่ายมองฟางจั๋วหรานอย่างเงียบงัน
เขาอายุสามสิบปีแล้ว ผู้ชายคนอื่นที่อายุเท่านี้มีลูกโตจนวิ่งได้ มีเพียงเขาที่ไร้ผู้สืบทอดสายเลือดของตนเอง
และผู้ชายอายุมากขนาดนี้คงจะอยากมีลูกเป็นของตนเองแน่นอน
แล้วทำไมเขาจึงไม่ยอมมีลูกเป็นของตัวเอง?
หลังจากดื่มไวน์ในงานเลี้ยงของเฉินเฟิงแล้ว หลินม่ายถือถุงไข่สีแดงห่อด้วยกระดาษแดงที่เฉินเฟิงมอบให้แล้วกลับบ้านพร้อมกับฟางจั่วหราน
ระหว่างทาง เธอแวะตลาดสดฝูตัวตัวของตนเองเพื่อซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ มากมาย
เพราะก่อนหน้าเธอสัญญาว่าจะทำอาหารมื้อใหญ่เลี้ยงฟางจั๋วเยวี่ย เธอจึงต้องรักษาคำพูด
หลังจากกลับมาถึงบ้าน คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ยังไม่กลับมา
ฟางจั๋วเยวี่ยนอนเหม่อบนเตียง ทั้งยังมีขวดเบียร์สองขวดวางอยู่ใต้เตียง
หลินม่ายขมวดคิ้วก่อนจะถามอย่างไม่อดทน “นายกินข้าวหรือยัง?”
ฟางจั๋วเยวี่ยตอบกลับพร้อมสายตาจับจ้องเพดานด้วยความว่างเปล่า “ยัง”
หลินม่ายหยิบถุงไข่สีแดงที่เฉินเฟิงมอบให้ออกมาสองสามฟอง แล้ววางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงของฟางจั๋วเยวี่ย
จากนั้นพูดกับเขาว่า “กินไข่สองสามฟองนี้ก่อน เดี๋ยวจะหิว เสร็จแล้วก็เก็บกวาดห้องด้วยล่ะ จำไว้ ชีวิตไม่ได้มีแค่ความรักเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงชีวิตของตัวเองด้วย อย่าใช้มันอย่างไร้ประโยชน์”
แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป
ขณะที่เธอเดินลงมาชั้นล่าง เธอนับไข่แดงที่เฉินเฟิงให้มา
เธอให้ฟางจั๋วเยวี่ยสามฟอง และเหลือห้าฟอง กล่าวก็คือเฉินเฟิงมอบไข่ให้เธอแปดฟอง
ตามประเพณีของเจียงเฉิง ไข่แดงมีความเกี่ยวข้อกับคืนจันทร์เต็มดวง และมีเพียงญาติสนิทเท่านั้นจะได้รับไข่หกถึงแปดฟอง
เฉินเฟิงและภรรยามองเห็นเธอเป็นญาติสนิทงั้นเหรอ?
แบบนี้ก็ไม่เลว เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาจะกลายเป็นญาติของเธอในอนาคต และเธอคงต้องพึ่งพาพวกเขามากขึ้น
ก่อนที่อาหารเย็นจะพร้อม คุณปู่ฟาง คุณย่าฟางและโต้วโต้วกลับมาพร้อมกับขนมในงานแต่งงานหลายถุง
โต้วโต้วฉีกซองขนมและมอบให้คุณปู่กับคุณย่าก่อน จากนั้นจึงมอบให้หลินม่ายและฟางจั๋วหราน
หล่อนวิ่งขึ้นไปชั้นสองเพื่อมอบขนมนี้ให้กับฟางจั๋วเยวี่ย
ฟางจั๋วเยวี่ยไม่คิดเก็บกวาดห้องของตัวเอง เวลานี้เขาจึงอยากจะใช้แรงงานเด็ก
เขาขอให้โต้วโต้วช่วยทำความสะอาดห้องให้ และเขาจะทำโคมลอยให้หล่อนเป็นการตอบแทน
โต้วโต้วทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังยินยอมทำความสะอาดห้องให้
ฟางจั๋วเยวี่ยแอบเข้าไปในห้องของโต้วโต้ว และพบโคมไฟในกล่องของเล่นที่พังลงในช่วงเทศกาลที่ผ่านมา
หลังพยายามซ่อมมันสองสามครั้ง ไม่นานนักโคมไฟก็กลับมากระพริบได้อีกครั้ง
เมื่อโต้วโต้วทำความสะอาดห้องเสร็จแล้ว ฟางจั๋วเยวี่ยมอบสิ่งตอบแทนให้หล่อนทันที
หนูน้อยมีความสุขมาก เวลานี้หล่อนถือโคมไฟลงไปชั้นล่างเพื่อนำไปโอ้อวดกับคนอื่น ๆ
ทุกคนแสดงความยินดีกับหล่อน และให้หล่อนเรียกอาของตนลงมารับประทานอาหาร
โต้วโต้วขึ้นมาเรียกฟางจั๋วเยวี่ย
แววตาไร้ความรู้สึกมองอาหารบนโต๊ะ จากนั้นไม่นานมันก็ค่อย ๆ เปล่งประกายความมีชีวิตชีวาออกมา
ทุกคนเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยง และพวกเขาไม่ค่อยหิวมากนัก
แต่เพราะอยากร่วมโต๊ะอาหารกับฟางจั๋วเยวี่ย พวกเขาจึงนั่งลงที่เก้าอี้
แน่นอนว่าเวลานี้จิตใจของเขาไม่คงที่ แต่ความอยากอาหารของเขากลับพุ่งสูง ฟางจั๋วเยวี่ยแทบจะกวาดล้างอาหารบนโต๊ะจนหมดสิ้น
นอกจากนี้เขายังถามหลินม่ายว่าจะอยู่ในเจียงเฉิงอีกกี่วัน เขารู้สึกว่าถ้าหลินม่ายยังอยู่ต่อ เขาจะได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศอย่างนี้ต่ออีกสักหน่อย
วันที่ 5 พฤษภาคม เธอจะต้องเข้าร่วมเทศกาลแฟชั่นของฮ่องกงกับเถาจืออวิ๋น หลินม่ายจะอยู่ในเจียงเฉิงต่อได้อย่างไรกัน
วันพรุ่งนี้ เธอจะกลับเมืองหลวงพร้อมกับฟางจั๋วหราน
คนหนึ่งเตรียมตัวไปฮ่องกง ส่วนอีกคนหนึ่งต้องกลับไปทำงาน
แววตาของฟางจั๋วเยวี่ยเปล่งประกายหลังได้ยินว่าหลินม่ายกำลังจะทำอะไร “พรุ่งนี้จืออวิ๋นจะไปเมืองหลวงกับพี่ด้วยไหม? แล้วหล่อนจะไปฮ่องกงกับพี่ไหม?”
หลินม่ายพยักหน้า
ฟางจั๋วเยวี่ยลังเลสักครู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมจัดการเรื่องกล้องทั้งหมดที่พี่ต้องการเสร็จแล้ว งั้นพรุ่งนี้ผมจะกลับกับพี่และพี่ชาย แล้วเข้าไปติดตั้งกล้องให้”
หลินม่ายตั้งใจไว้อย่างนี้ด้วยเช่นกัน และเธอรู้สึกดีมากที่อีกฝ่ายจัดการมันเสร็จสิ้นก่อนกำหนด เช่นนี้จึงพยักหน้ารับอย่างเรียบง่าย
เธอรู้ดีว่าทำไมฟางจั๋วเยวี่ยถึงอยากจะเข้าเมืองหลวงเพื่อไปติดตั้งกล้องให้กับตน
เพราะถ้าเขาเดินทางพร้อมกับเธอในวันพรุ่งนี้ เขาจะได้พบกับเถาจืออวิ๋น
ลองให้เขาได้พูดคุยกับเถาจืออวิ๋นดูสักหน่อย บางทีทั้งสองคนอาจจะปรับความเข้าใจกันได้
แต่สุดท้ายแล้ว หลินม่ายคิดว่าเรื่องทั้งหมดมันไม่สามารถหวนคืนกลับได้ ตราบใดที่หวังเหวินฟางไม่ยอมรับ เถาจืออวิ๋นจะไม่มีทางกลับมาคบกับเขาเด็ดขาด
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่หมออยากมีลูกล่ะสิ ลองขอจากภรรยาสิคะ
เจ็บเหมือนกันนะ อุตส่าห์ได้คบกันแล้วแต่แม่ไม่ปลื้มจนกินยาตายประชดเนี่ย มันคงเป็นจุดดำในใจของหนุ่มสาวทั้งสองไปอีกนานเลย
ไหหม่า(海馬)