แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1203 ตอนพิเศษบทที่ 9 ทำตามคำสัญญาสุดท้าย
ตอนที่ 1203 ตอนพิเศษบทที่ 9 ทำตามคำสัญญาสุดท้าย
มัลคอล์มขอบคุณหลินม่ายสำหรับทุกสิ่งที่เธอทำเพื่อคนของเขา และมอบสิทธิ์ในการขุดเหมืองสำหรับโครงการเหมืองทองคำเป็นการตอบแทน ซึ่งทำให้หลินม่ายมีความสุขอย่างยิ่ง
การขุดทองนั้นให้ผลกำไรมากกว่าการขุดแร่เหล็กมาก
หลังจากที่โครงการขุดแร่ทั้งสองดำเนินไปตามแผน กว่าครึ่งปีให้หลัง หลินม่ายก็เดินทางกลับประเทศจีนทันเวลาก่อนงานแต่งงานของเสี่ยวเหวินพอดี
ก่อนงานแต่งงาน เสี่ยวเหวินมาพบหลินม่ายและถามว่า เขาเชิญโต้วโต้วมางานแต่งงานของเขาด้วยได้หรือไม่
หลินม่ายประหลาดใจ “นี่เธอติดต่อกับโต้วโต้วมาโดยตลอดเลยหรือ?”
เสี่ยวเหวินตอบ “ไม่เชิงครับ มันเป็นตอนที่ผมกลับมาหลังจากจบการศึกษาปริญญาโทเมื่อไม่กี่ปีก่อน ครั้งหนึ่ง ตงตงขอให้ผมทำงานการกุศล และผมบังเอิญเห็นโต้วโต้วเป็นครูอาสาในสถานสงเคราะห์ และนั่นคือตอนที่ผมได้ติดต่อกับโต้วโต้วอีกครั้ง”
หลินม่ายถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของโต้วโต้ว
เสี่ยวเหวินบอกกับหลินม่ายว่า โต้วโต้วได้ย้ายงานของหล่อนจากเมืองหลวงไปที่เมืองเจียงเฉิง เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับพวกเขามากขึ้น หล่อนยังคงทำความดีโดยการเป็นครูอาสาขณะที่ทำงานเหมือนก่อนหน้า
หลินม่ายไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมิตรภาพของเด็ก ๆ
เธอพยักหน้า “เธออยากเชิญใครมางานแต่งก็แล้วแต่เธอ เพราะอย่างไรมันก็เป็นงานแต่งงานของเธอเอง”
ในวันแต่งงานของเสี่ยวเหวิน โต้วโต้วมาตามที่สัญญาและได้พบหลินม่ายกับฟางจั๋วหราน หล่อนเรียกพวกเขาว่าอาฟางและน้าหลิน
หลินม่ายและฟางจั๋วหรานเพียงพยักหน้าให้หล่อนด้วยรอยยิ้มและเดินจากไป
โต้วโต้วไม่สนใจที่จะไล่ตามพวกเขา หล่อนพอใจมากแล้วที่หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานยินดีที่จะทักทายตนกลับ
หล่อนเคยทำเรื่องเลวร้ายมากมายในอดีต ซึ่งทำให้หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานใจสลาย การที่ทั้งสองปฏิบัติต่อหล่อนเช่นนี้ถือว่ามีน้ำใจมากแล้ว
หล่อนเฝ้ามองเสี่ยวเหวินกับเจ้าสาวของเขาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ
บางครั้งหล่อนก็สงสัยว่า ถ้าเธอไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย ค่อย ๆ เติบโตอย่างสวยงามในครอบครัวหลินม่าย และเป็นคู่รักสมัยเด็กกับเสี่ยวเหวิน ทั้งสองคนจะสามารถอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขไหม?
โต้วโต้วเป็นโรคหัวใจร้ายแรงและไม่สามารถมีลูกได้ หล่อนจึงมีความหยาบกระด้างทางอารมณ์ในเรื่องความสัมพันธ์มาโดยตลอด
ผู้ชายบางคนเห็นว่าหล่อนหน้าตาดีและมีงานทำดี จึงอยากร่วมเตียงกับหล่อน แต่เมื่อได้ยินว่าหล่อนเป็นโรคหัวใจและไม่สามารถมีลูกได้ พวกเขาล้วนทิ้งหล่อนไปทันที
ผู้ชายบางคนพยายามใช้หล่อนเพื่อเข้าหาหลินม่าย แต่หล่อนก็ไล่คนพวกนั้นออกไป
หล่อนยอมตายเพียงลำพังดีกว่าทำทุกอย่างเพื่อทำร้ายแม่หลินอีกครั้ง
โต้วโต้วไม่เคยแต่งงานในชั่วชีวิตของหล่อน และได้รับการผ่าตัดหัวใจสองครั้ง ซึ่งทั้งสองครั้งได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากมู่ตง
โต้วโต้วใช้รายได้ส่วนใหญ่ไปกับการกุศลและไม่มีเงินออม
มู่ตงบอกกับโต้วโต้วว่า เมื่อโต้วโต้วแก่ตัวลงจนเกินกว่าจะเดินได้ เขาจะมาที่บ้านเพื่อดูแลหล่อน
โต้วโต้วร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งและความรู้สึกผิด หล่อนทำเรื่องเลวร้ายมามากมาย แต่น้องชายยังคงเต็มใจที่จะให้อภัยและอดทนต่อหล่อนเสมอมา
แต่บางครั้งเมื่อหล่อนเห็นหลินม่ายหรือฟางจั๋วหรานผ่านหน้าจอทีวี หล่อนก็ยังคงหลั่งน้ำตาแห่งความโศกเศร้าเสมอ
ทว่าทุกอย่างย้อนคืนกลับไปไม่ได้แล้ว
หากการกลับชาติมาเกิดมีอยู่จริง หล่อนก็อยากจะเป็นลูกสาวของพวกเขาอีกครั้ง และจะไม่ทำผิดพลาดอีกเหมือนในอดีต
ฤดูใบไม้ผลิผันผ่านไป จนล่วงเลยมาถึงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2006
หลินม่ายออกเดินทางไปยังประเทศเกาะ เพื่อทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้
นั่นคือการตีพิมพ์หนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” ของจางเสวี่ยฉุนในประเทศเกาะ
มันมีเหตุผลเฉพาะที่เธอเลือกทำตามสัญญาในเวลานี้
วันที่ 13 ธันวาคมปีหน้า จะเป็นวันครบรอบ 70 ปีของการสังหารหมู่ที่หนานจิง
นอกจากการรำลึกถึง 70 ปีแห่งประวัติศาสตร์ มันยังเป็นการรำลึกถึงจางเสวี่ยฉุน หญิงชาวจีนที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมทางประวัติศาสตร์และความกล้าหาญทางศีลธรรม
นอกจากนี้เพื่อมอบประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ที่สมบูรณ์แก่สังคมประเทศเกาะและทำลายข้อห้ามการตีพิมพ์ที่มีมายาวนาน หลินม่ายได้เริ่มยุทธศาสตร์เชิงรุกอย่างเต็มรูปแบบ
ทันทีที่มาถึงประเทศเกาะ เธอได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อประกาศอย่างยิ่งใหญ่ว่า เธอจะจัดพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” ของจางเสวี่ยฉุนในประเทศนี้
หากประเทศเกาะไม่อนุญาตให้ตีพิมพ์และเผยแพร่ นั่นหมายความว่าประเทศนี้ปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดและสนับสนุนลัทธิการทหาร
หลินม่ายเชี่ยวชาญในการตัดสินหรือกล่าวหาผู้อื่นอย่างมีนัยสำคัญ
ชาวประเทศเกาะทั้งประเทศมีทัศนคติที่เพิกเฉย โดยคิดว่าตราบใดที่พวกเขาไม่ตอบสนอง หลินม่ายก็จะไม่มีทางดำเนินการต่อไป
แต่พวกเขาลืมไปว่า ตราบใดที่หลินม่ายต้องการกระโดดขึ้นลง เช่นนั้นจะไม่มีใครหยุดเธอจากการกระโดดให้สูงกว่าเดิม
เธอมีฐานะร่ำรวย แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีส่วนร่วมในการจัดอันดับมหาเศรษฐี แต่ทรัพย์สินสุทธิของเธอมากกว่ามหาเศรษฐี 100 อันดับแรกด้วยซ้ำ
หลินม่ายทุ่มเงินกับสื่อยุโรปและอเมริกา วันรุ่งขึ้นสื่อทั่วโลกเผยแพร่ข่าวพร้อมกันว่าประเทศเกาะปฏิเสธที่จะตีพิมพ์หนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” ที่หลินม่ายถือลิขสิทธิ์
การที่ประเทศเกาะปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดพลาดได้ก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วโลก
ผู้ชอบธรรมจำนวนมากออกมาประณามความไร้ยางอายของประเทศเกาะ โดยบอกว่าการที่ไม่ยอมรับความจริงทางประวัติศาสตร์ นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะบุกประเทศจีนอีกครั้ง!
ในเวลานั้น ตั่วตั่วเป็นล่ามนักการทูตรุ่นเยาว์
หล่อนพูดได้เจ็ดภาษา รวมถึงอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น และรัสเซีย โดยพูดว่า “ใครก็ตามที่ต้องการบุกประเทศจีนจะต้องเผชิญหน้ากับการตอบโต้ที่รุนแรงจากเรา ประเทศจีนไม่ได้เป็นประเทศที่ยากจนและล้าหลังเหมือนที่เคยเป็นในอดีตอีกต่อไปแล้ว!”
ตั่วตั่วสืบทอดคุณลักษณะที่ดีที่สุดของพ่อแม่ในแง่ของรูปลักษณ์ หล่อนมีใบหน้าสวยงาม และมีนิสัยสุขุม คำพูดที่หล่อนถ่ายทอดออกมาล้วนมีพลังอย่างน่าพิศวง
ถ้อยคำของตั่วตั่วได้รับเสียงสนับสนุนและเสียงปรบมือจากนานาชาติมากมาย
เจ้าหน้าที่จากประเทศเกาะโต้แย้งว่าการสังหารหมู่ที่หนานจิงเป็นเรื่องหลอกลวง
หลินม่ายโต้กลับทันที “ทั้งโลกคิดว่ามันเป็นความจริง และมีเพียงประเทศคุณเท่านั้นที่บอกว่ามันเป็นเรื่องลวงโลก สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร? แสดงว่าพวกคุณไร้ยางอายยังไงล่ะ! ถ้าเช่นนั้นเราก็สามารถพูดได้น่ะสิว่ามันไม่มีการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่า!”
ภายใต้แรงกดดันจากคลื่นทางการเมืองครั้งใหญ่ที่เกิดจากหลินม่าย ในที่สุดรัฐบาลของประเทศเกาะก็ยอมจำนนและอนุญาตให้หลินม่ายตีพิมพ์หนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” เพื่อจัดจำหน่ายในประเทศเกาะ
นี่คือความก้าวหน้าครั้งสำคัญ
ในตอนกลางคืน แพทย์หนุ่มลูกครึ่งปรากฏตัวในห้องของหลินม่ายโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
หลินม่ายกำลังมาส์กหน้าอยู่ในขณะนั้น
เธออยู่ในวัยสี่สิบแล้ว และเข้าสู่วัยที่ความตึงผิวลดน้อยลง หากไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม เธอจะรักษาความงามของตัวเองไว้ได้อย่างไร?
ก็เธออยากดูงดงามไปตลอดชีวิตเลยนี่นา
แพทย์ลูกครึ่งแอบเข้ามาในห้องของหลินม่ายเงียบงัน
เมื่อหลินม่ายหันกลับมา แพทย์ลูกครึ่งเห็นใบหน้าขาวโพลนของหญิงสาว จึงนึกว่าเป็นผี
ทั้งสองฝ่ายต่างก็หวาดกลัวกันเอง
เมื่อหลินม่ายเห็นชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เธอยกมือตบหน้าอกเพื่อปลอบโยนตัวเองและพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง “คุณแอบเข้ามาในห้องของผู้หญิงในยามวิกาลแบบนี้ มันหยาบคายมากนะคะ!”
แพทย์ลูกครึ่งไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของเขาได้ “ผมเห็นว่าคุณมีความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ดังนั้นจึงอยากจะเฉลิมฉลองร่วมกับคุณเสียหน่อย”
หลินม่ายตอบกลับอย่างเย็นชา “คุณไปเถอะค่ะ ฉันไม่ได้อยากฉลองกับคุณ ฉันแค่อยากนอน”
ในขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะจากไปด้วยความสิ้นหวัง หลินม่ายพูดเสียงเบาไล่หลังเขา “อย่าคิดตื้นไปหน่อยเลย ประเทศเกาะไม่มีวันปล่อยให้เราบรรลุความปรารถนาได้อย่างง่ายดายนักหรอก!”
ตามที่หลินม่ายคาดการณ์ไว้ ก่อนที่จะตีพิมพ์หนังสือ เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากประเทศเกาะก็มาเยี่ยมเยียน
พวกเขาขอให้หลินม่ายจัดพิมพ์หนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” ในประเทศเกาะ แต่มีข้อแม้ว่าไม่ให้ใช้ภาพถ่ายที่น่าสยดสยองใด ๆ เลยสักภาพเดียว ซึ่งบรรยายถึงการสังหารหมู่ที่หนานจิง ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่อนุญาตให้ตีพิมพ์และเผยแพร่
หลินม่ายเลิกคิ้วถามอย่างเย็นชา “ทำไมคะ?”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากประเทศเกาะกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ภาพเหล่านั้นเต็มไปด้วยการนองเลือดที่น่าสยดสยอง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคนหนุ่มสาว เราหวังว่าคุณหลินจะคำนึงถึงสุขภาพจิตของผู้เยาว์ด้วย”
สิ้นเสียง เขาโค้งคำนับให้หลินม่ายด้วยท่าทางจริงใจ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยินดีกับโต้วโต้วด้วยที่เลือกเส้นทางชีวิตที่ดีได้ในท้ายที่สุด
โครงการนี้จะสำเร็จดังที่ม่ายจื่อหวังไหมนะ
ไหหม่า(海馬)