แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1184 เข้ารับการรักษา
ตอนที่ 1184 เข้ารับการรักษา
หลินม่ายตกตะลึง
เธอวางแก้วน้ำที่ดื่มเสร็จแล้วลงบนโต๊ะข้างเตียง “ฉันจะติดเชื้อไข้เลือดออกได้ยังไง? เห็นได้ชัดว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย!”
ฟางจั๋วหรานคาดเดา “ไข้เลือดออกมักแพร่กระจายผ่านแมลง คุณอาจถูกแมลงในถ้ำกัดและติดเชื้อ จากนั้นคุณก็รีบวิ่งกลับมาแจ้งข่าวโดยไม่สนใจสภาพร่างกายของตัวเอง”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน รองผู้ว่าการต้วนก็เข้ามาเยี่ยมหลินม่าย เมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เขาจึงโล่งใจในที่สุด และกล่าวด้วยความกังวลว่า “ถ้าสามีของคุณไม่มาหาและนำตัวคุณมารับการรักษาช้าเกินไป ผลที่ตามมาคงกลายเป็นหายนะ”
หลังจากที่รองผู้ว่าการต้วนจากไป หลินม่ายจึงถามฟางจั๋วหรานด้วยความสงสัย “ทำไมคุณถึงคิดว่าจะต้องมาหาฉันในทันทีล่ะ? หรือว่าระหว่างเราซึ่งเป็นสามีภรรยากันจะรับรู้ทางกระแสจิตได้ คุณถึงรู้สึกว่าฉันกำลังไม่สบาย?”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็คงดี” ฟางจั๋วหรานแตะจมูกของเธออย่างรักใคร่ “ข่าวในหนังสือพิมพ์บอกว่าคุณวิ่งบนภูเขานานกว่าสิบชั่วโมงเพื่อกลับมาแจ้งตำรวจ ผมเป็นห่วงมาก และอยากมาดูว่าคุณเป็นยังไงบ้าง แต่พบว่าคุณล้มป่วยจนหมดสติอยู่ในห้อง”
หลินม่ายพูดอย่างมีความสุข “คุณคือดาวนำโชคของฉันจริง ๆ แล้วตำรวจจัดการเรื่องหมู่บ้านหุบเขาได้หรือยังคะ?”
“คุณไม่หิวบ้างหรือ กินให้อิ่มท้องแล้วค่อยถามใหม่ก็ได้ คุณอยากกินอะไร? เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้”
ขณะที่พูด ฟางจั๋วหรานเทน้ำจากขวดเก็บอุณหภูมิลงในอ่างเพื่อให้หลินม่ายล้างหน้า
แม้หลินม่ายจะไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดนั้น แต่ฟางจั๋วหรานยืนกรานที่จะช่วยเหลือเธอ
อาการของหลินม่ายดีขึ้นแล้ว เหลือเพียงรู้สึกขมทั่วปากและลำคอ ไม่อยากกินอะไรเลย
แต่เธอไม่สามารถลดความกระตือรือร้นของฟางจั๋วหรานได้ เธอครุ่นคิดอยู่นานและบอกว่า “งั้นเอาเป็นแกงใบชาทูเจี๋ย*สักถ้วยและแป้งย่างราดซอสทูเจี๋ยก็ได้ค่ะ”
*土家油茶汤 น้ำชาแบบเค็มของชาวทูเจี๋ย ทำจากน้ำมันเมล็ดชา ใบชา เต้าหู้แห้ง ข้าวพอง ต้นหอมสับ
*土家酱香饼 แป้งย่างแบบชาวทูเจี๋ย เป็นแผ่นแป้งย่างราดซอสเผ็ดโรยหน้าด้วยต้นหอมกับงาขาวคั่ว
หลังจากฟางจั๋วหรานช่วยหลินม่ายล้างหน้า เขาก็ออกไปซื้ออาหารสองอย่างที่เธอบอก
ไม่กี่นาทีหลังจากที่เขาจากไป ต๋าเฮ่อก็เข้ามาในห้องพร้อมกับกระติกใส่ซุปนกพิราบป่า
เมื่อเห็นหลินม่ายนั่งบนเตียงโดยกำลังหวีผมยาวตรงที่มันเยิ้มด้วยเหงื่อและพิษไข้ เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “คุณตื่นแล้ว พอดีเลยครับ ผมนำซุปนกพิราบป่ามาด้วย เดี๋ยวผมเทใส่ชามให้คุณดื่มนะ”
หลินม่ายโบกมือ “ฉันยังไม่อยากดื่มตอนนี้ค่ะ”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากดื่ม แต่กลัวว่าหากดื่มซุปนกพิราบป่าจนอิ่ม เธอจะไม่สามารถกินอาหารที่ฟางจั๋วหรานออกไปซื้อ และทำให้เขาผิดหวัง
ต๋าเฮ่อไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากวางซุปนกพิราบป่าลงบนโต๊ะข้างเตียง
หลินม่ายจ้องมองไปที่บาดแผลบนใบหน้าของเขา “คุณได้แผลที่หน้ามาจากฝีมือคนในหมู่บ้านหุบเขาเหรอคะ?”
ต๋าเฮ่อแตะแผลเป็นตกสะเก็ดบนใบหน้าและตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช่ครับ หัวหน้าหมู่บ้านสั่งให้ชาวบ้านเอาท่อนไม้ไผ่มาทุบตีผม เพื่อบังคับให้ผมบอกว่าคุณอยู่ที่ไหน”
หลินม่ายกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ”
ต๋าเฮ่อโบกมือ “ขอบคุณผมทำไมครับ? คุณนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่พื้นที่ของเรา แล้วผมจะปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายกับคุณได้อย่างไร?”
หลินม่ายถามด้วยความสงสัย “เช้าวันนั้นคุณทราบได้ไงคะว่าที่หมู่บ้านหุบเขามีการปลูกฝิ่นกัน?”
ต๋าเฮ่อเผยสีหน้าเหมือนไม่อยากรำลึกถึงเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ผ่านมา “โถ่ จะอะไรอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่ทั้งสามของคุณ!”
หลินม่ายตกตะลึง “เกี่ยวกับพวกเขาได้ยังไงคะ?”
จากนั้นต๋าเฮ่อจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลินม่ายฟัง
คืนนั้น ทั้งห้าคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพักค้างคืนอยู่ในหมู่บ้านหุบเขา
เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ชาย เจ้าหน้าที่ทั้งสามของหลินม่ายจึงอยู่ร่วมห้องกับต๋าเฮ่อ
หลังจากเดินบนภูเขามาทั้งวัน ขาของเจ้าหน้าที่ชายทั้งสามก็บวมเป่งและเจ็บปวดในเวลากลางคืน พวกเขาทรมานมากจนไม่สามารถหลับตานอนได้และคร่ำครวญออกมาไม่หยุด ซึ่งเสียงดังมากจนต๋าเฮ่อนอนไม่หลับ
เวลาราวตีห้า เจ้าหน้าที่หนึ่งในนั้นต้องการลุกไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากนอนราบทั้งคืน เจ้าหน้าที่คนนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดที่ขาทั้งสองราวกับว่ามันไม่ใช่ขาของเขาเอง
แต่ละก้าวให้ความรู้สึกเหมือนเหยียบบนมีดโกน ท่าทางการเดินบิดเบี้ยวและเชื่องช้า ชวนให้นึกถึงนางเงือกเขย่งหางเดินบนบก
ในท้ายที่สุด ต๋าเฮ่อจึงเป็นคนช่วยพยุงเจ้าหน้าที่คนนั้นไปยังห้องน้ำ
ต่อมาเจ้าหน้าที่อีกคนก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน…
ต๋าเฮ่อคิดว่าวันนี้พวกเขาต้องรีบเดินเท้ากลับ แต่สภาพร่างกายของเจ้าหน้าที่ทั้งสามกลับไม่สู้ดีนัก
เขาคิดรวบรวมสมุนไพรมาทำยาประคบอุ่นหวังช่วยบรรเทาอาการปวดขาของเจ้าหน้าที่ทั้งสาม และเมื่อถึงตอนกลางวันจะได้ออกเดินทางต่อ
เขาไม่พบสมุนไพรที่ต้องการ แต่บังเอิญพบว่าทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยต้นฝิ่น
ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจว่าทำไมชาวบ้านในหมู่บ้านหุบเขาถึงไม่ยอมให้หลินม่ายพัฒนาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว
พวกเขาไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไป
จากนั้นต๋าเฮ่อก็ไปหาหลินม่ายด้วยความตื่นตระหนก และต้องการบอกเธอถึงสิ่งที่เขาค้นพบ เพื่อขอให้ทุกคนรีบออกไปจากที่นี่
เขาไม่รู้เลยว่าตนเองจะถูกจับตามองโดยคนของหัวหน้าหมู่บ้านตลอดทุกฝีก้าว
เมื่อเห็นว่าต๋าเฮ่อกำลังจะบอกหลินม่ายถึงความลับดังกล่าว หัวหน้าหมู่บ้านจึงต้องการกำจัดพวกเขาทั้งสอง และออกคำสั่งให้ชาวบ้านจับกุมพวกเขา
หลินม่ายรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยินและถามว่า “เจ้าหน้าที่ทั้งสามของฉันปลอดภัยหรือเปล่าคะ?”
“โชคดีที่หัวหน้าหมู่บ้านพบว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก จึงไม่ได้ลงมือทุบตี และปล่อยให้อดอาหารเท่านั้น”
หลินม่ายพยักหน้าอย่างโล่งอก “ก่อนที่ฉันจะหมดสติไปหลายวัน นายกเทศมนตรีบอกฉันว่าผู้คนในหมู่บ้านหุบเขาแข็งแกร่งมากยามเผชิญหน้ากับตำรวจ พวกเขาจงใจให้คนสูงอายุ สตรี และเด็กอยู่แนวหน้า โดยหวังว่าตำรวจจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้ แล้วตำรวจเข้าไปช่วยพวกคุณได้ยังไงคะ?”
ต๋าเฮ่อพูดอย่างดูถูกว่า “คิดว่าตำรวจไม่สามารถจัดการกับหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยยาเสพติดได้หรือครับ? แค่ใช้แก๊สน้ำตา นั่นก็แก้ไขปัญหาทุกอย่างได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลิน่ายนึกภาพตาม เมื่อแก๊สน้ำตาถูกยิงออกไป ผู้คนนับร้อยจะสำลักและน้ำตาไหลไม่หยุด พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ และแทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน
ต๋าเฮ่อยังบอกหลินม่ายด้วยว่า ตำรวจค้นบ้านทุกหลังและพบเงินสดจำนวนมาก ซึ่งเป็นจำนวนอย่างน้อย 100,000 หยวน
นอกจากนี้ ตำรวจยังตรวจค้นบ้านของหลายครอบครัวและพบโฉนดอสังหาริมทรัพย์จากเมืองใหญ่ บ่งชี้ให้เห็นว่าครอบครัวเหล่านี้ได้ซื้อบ้านในเมืองใหญ่แล้ว
พวกเขาเพียงต้องการหาเงินให้เพียงพอและย้ายครอบครัวไปยังเมืองใหญ่
อย่างไรก็ตามตำรวจได้ยึดทรัพย์สินเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว ชาวบ้านเหล่านั้นจึงไม่เหลืออะไรเลย
ทันใดนั้นต๋าเฮ่อลดเสียงลงและพูดว่า “ตอนที่ตำรวจกำลังจับกุมชาวบ้าน หลู่ฮั่นลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านมีปืนอยู่ในมือ เป็นเพราะเขามีปืน จึงทำให้หลบหนีไปได้ ตำรวจจึงส่งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาปกป้องคุณนอกห้องในโรงพยาบาล เพราะเกรงว่าจะถูกแก้แค้น ขอให้คุณระมัดระวังตัวให้ดี และอย่าปล่อยให้หลู่ฮั่นทำสำเร็จ”
หลินม่ายพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม เธอไม่รู้ว่ามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอยู่นอกห้อง
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ฟางจั๋วหรานกลับมาจากการซื้ออาหารเช้า หลินม่ายจึงแนะนำเขาและต๋าเฮ่อให้รู้จักกัน
ฟางจั๋วหรานจับมือของต๋าเฮ่ออย่างไม่ถือตัว และแสดงความขอบคุณต่อเขา
ต๋าเฮ่อหัวเราะอย่างเขินอาย “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้ำนั้นจะมีปากทางสองด้าน ไม่อย่างนั้นคุณหลินคงประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่”
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายต้องการรับประทานอาหารเช้า เขาจึงขอตัวลา
ฟางจั๋วหรานดูแลหลินม่ายอย่างดีตลอดทั้งวัน ทำให้พยาบาลที่แต่งงานแล้วหลายคนต่างอิจฉา
เมื่อมองดูสามีของคุณหลิน เขาทั้งหล่อและใส่ใจภรรยา พอหันกลับมามองครอบครัวตัวเอง พวกหล่อนก็แทบอยากโยนสามีที่บ้านทิ้งไป
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินม่ายรับประทานอาหารเช้ากับฟางจั๋วหราน และขอให้เขาเดินทางไปเมืองเจียงเฉิงเพื่อกลับไปทำงาน
เขาขอลาหยุดหลายวันแล้ว และไม่สามารถลาเพิ่มได้อีกต่อไป
แต่ฟางจั๋วหรานยืนกรานที่จะรอจนกว่าเธอจะออกจากโรงพยาบาลก่อน
ไม่ว่าเขาจะรักงานของตัวเองแค่ไหน แต่เขาก็รักหลินม่ายมากกว่า
หลินม่ายไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาได้ และทำได้เพียงยอมแพ้ ทั้งสองคนไม่มีเจตนาที่จะแสดงความรักต่อกันในโรงพยาบาล แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำแบบนั้นเป็นเวลาหลายวันโดยไม่ได้ตั้งใจ
เหล่าพยาบาลต่างหวังให้หลินม่ายออกจากโรงพยาบาลโดยเร็ว ใครจะทนเห็นการแสดงความรักอันหวานชื่นของคู่หนุ่มสาวเช่นนี้ได้ทุกวัน?
แต่ในเวลาเดียวกันพวกเธอก็ไม่ต้องการให้หลินม่ายออกจากโรงพยาบาล หากเธอออกไป เหล่าพยาบาลคงจะไม่ได้เห็นหนุ่มหล่อเหลาอย่างฟางจั๋วหรานอีก
แม้ว่าพยาบาลเหล่านั้นไม่มีเจตนาแอบแฝงใด ๆ ต่อฟางจั๋วหราน แต่พวกเธอแค่ต้องการมองชายหนุ่มรูปงามเป็นอาหารตาบ้างเป็นครั้งคราว
มนุษย์ทุกคนต่างก็ปรารถนาถึงสิ่งสวยงามทั้งนั้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เกือบไม่รอดแล้วม่ายจื่อ ครั้งนี้ถือว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วกัน
ไหหม่า(海馬)