แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1179 คำขอ
ตอนที่ 1179 คำขอ
ยกเว้นเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งแล้ว ของเกือบทุกอย่างในบ้านหลังใหม่ล้วนเป็นพ่อไป๋ หลินม่าย และคนอื่น ๆ ซื้อมาให้
แม้แต่ชุดแต่งงานและชุดที่จ้าวเชี่ยนหรูจะสวมใส่ในงานแต่งก็ยังเป็นของที่มาจากหลินม่าย
นอกเหนือจากการสนับสนุนชุดแต่งงานแล้ว หลินม่ายยังมอบเสื้อผ้ามากมายให้กับจ้าวเชี่ยนหรูสำหรับทุกฤดูกาลอีกด้วย
หลินม่ายเปิดโรงงานเสื้อผ้าของตัวเอง ดังนั้นการสนับสนุนเสื้อผ้าจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบาก
บ้านใหม่มีสามห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น ซึ่งค่อนข้างดี
ไป๋ลู่คร่ำครวญว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับการจัดสรรที่อยู่อาศัยภายในระบบ เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับรุ่นพี่
สำหรับพนักงานอย่างไป๋เซี่ยซึ่งมีอายุเพียงสามสิบเศษเท่านั้น มันถือว่าดีมากแล้วที่ได้รับการจัดสรรบ้านหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น ทว่าเขากลับได้รับการจัดสรรบ้านที่มีสามห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น
จ้าวเชี่ยนหรูอธิบาย “สถาบันสำรวจทางธรณีวิทยามีกฎระเบียบของเขาอยู่ วิศวกรระดับกลางจะได้รับการจัดสรรบ้านสองห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น ส่วนวิศวกรอาวุโสจะได้รับการจัดสรรบ้านที่มีสามห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น”
หล่อนพูดเสริมอย่างภาคภูมิใจ “นั่นเป็นเพราะพี่ชายของพวกคุณได้เลื่อนเป็นวิศวกรอาวุโสที่อายุน้อยที่สุดในสถาบัน เขาจึงได้รับสิทธิ์การจัดสรรบ้านสามห้องนอน!”
ทุกคนประหลาดใจและถามไป๋เซี่ยว่าได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นวิศวกรอาวุโสเมื่อใด แล้วทำไมเขาถึงไม่เคยพูดถึงตอนที่เขียนจดหมายมาที่บ้านเลย?
ไป๋เซี่ยเขินอายเล็กน้อย “ผมได้รับการเลื่อนตำแหน่งเมื่อปีก่อน ไม่เช่นนั้นปีที่แล้วคงไม่มีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ ผมเขินอายเกินกว่าจะบอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยนี้ จึงไม่ได้เขียนบอก”
มีเกษตรกรจำนวนมากเลี้ยงแกะในมณฑลกานซู ทำให้เนื้อแกะราคาไม่แพงและอร่อยมาก
ทุกคนตกลงที่จะกินหม้อไฟเนื้อแกะในตอนเย็น เนื่องจากหลินม่ายเป็นแม่ครัวฝีมือดี ทุกคนจึงขอให้เธอเตรียมซุปหม้อไฟ
ไป๋เซี่ยกำลังจะออกไปซื้อเนื้อแกะและวัตถุดิบอื่น ๆ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ไป๋เซี่ยเปิดประตูและเห็นชายหญิงวัยกลางคนหน้าตาไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ด้านนอก
หญิงวัยกลางคนถามว่า “ขออภัยค่ะ สหายหลินม่ายอยู่ที่บ้านคุณหรือเปล่าคะ?”
ไป๋เซี่ยสับสน ทำไมหลินม่ายถึงมีคนรู้จักอยู่ที่มณฑลกานซูด้วย?
เขาถามกลับ “พวกคุณเป็นใคร? และต้องการอะไรจากหล่อนครับ?”
ทันทีที่พูดจบ หลินม่ายก็เดินมาที่ประตู เธอเห็นชายหญิงวัยกลางคนจึงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “คุณอาหญิง คุณอาเขย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ?”
ฟางจั๋วหรานได้ยินเสียงและเดินเข้ามาสมทบ ก่อนพบว่าเป็นฟางเสียนจิ้งและสามีที่ยืนอยู่นอกประตูตามที่คาดไว้
อาเขยของเขากำลังอุ้มขาแกะตัวใหญ่ ส่วนอาหญิงถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักมากมาย
ในฤดูหนาวของมณฑลกานซู อุณหภูมิมักจะต่ำกว่าศูนย์หลายสิบองศา ผักเรือนกระจกที่ปลูกในพื้นที่อุณหภูมิต่ำเช่นนี้มีราคาแพงมาก และผักจำนวนมากที่ฟางเสียนจิ้งนำมาคงต้องใช้เงินจำนวนมาก
แต่ความสนใจของฟางจั๋วหรานไม่ได้อยู่ที่วัตถุดิบในมือพวกเขา ทว่าอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงของฟางเสียนจิ้งและสามี
ทั้งคู่เปลี่ยนแปลงไปมากเหมือนกับสวี่เมิ่ง ใบหน้ามีริ้วรอยและร่วงโรยลงมาก
ไป๋เซี่ยพลันยิ้มและพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นป้าฟางและลุงสวี่นี่เอง เข้ามาครับ เข้ามาข้างในก่อน”
ฟางเสียนจิ้งเดินเข้าไปในบ้านแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ม่ายจื่อ อามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากเธอ”
หลินม่ายขอให้พวกเขานั่งลงและรินชาให้ “อาเขยกับอาหญิงต้องการให้ฉันทำอะไรให้หรือคะ?”
ฟางเสียนจิ้งเขินอายเล็กน้อย “เธออาจจะเห็นว่าบ้านเราไม่ได้มั่งคั่งสักเท่าไหร่ เรื่องนี้เธอก็คงเห็นแล้ว พอจะทำอะไรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นได้บ้างไหม?”
หลินม่ายเข้าใจความหมายของคำพูดอีกฝ่าย
นั่นหมายความว่าอยากให้เธอเข้ามาลงทุนสินะ?
การลงทุนไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่สามารถสร้างรายได้ เธอชอบสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
แต่ปัญหาก็คือ มณฑลกานซูไม่ได้ดีไปกว่าเขตปกครองตนเองเอินซือ
เธอคุ้นเคยกับเอินซือในชีวิตชาติก่อน และรู้ว่าเอินซือสามารถพัฒนาการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำแร่จากภูเขาที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นธุรกิจน้ำแร่ได้
แต่เธอไม่รู้ว่ามณฑลกานซูมีข้อดีอะไรบ้าง
เธอกล่าวอย่างลำบากใจว่า “ฉันคงช่วยเรื่องนี้ไม่ได้ค่ะ ฉันไม่รู้ว่ามีโครงการใดบ้างในมณฑลกานซูที่สามารถลงทุนได้”
ฟางเสียนจิ้งกล่าว “เนื้อวัวและเนื้อแกะที่นี่อร่อยมาก”
หลินม่ายกล่าว “ตลาดสดฝูตัวตัวของฉันมีซัพพลายเออร์ประจำในมองโกเลียแล้ว พวกเขาไม่เคยทำผิดพลาดอะไร มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะให้คนอื่นมาแทนที่”
ฟางเสียนจิ้งผิดหวังเล็กน้อย
ลุงสวี่กล่าวเสริม “เรายังมีเก๋ากี้ ลูกเกด และฝ้ายในมณฑลกานซู”
หลินม่ายพลันตกใจ
ชาติก่อนเธอรู้แค่เรื่องฝ้ายและลูกเกดจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ แต่ไม่คาดคิดว่ามณฑลกานซูจะมีเช่นกัน
หลินม่ายจึงพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะตรวจสอบพื้นที่แล้วติดต่อกลับไปค่ะ”
ฟางเสียนจิ้งกล่าว “ลุงและฉันจะไปกับเธอเพื่อตรวจสอบด้วย”
หลินม่ายพยักหน้ารับ
เดิมทีฟางเสียนจิ้งและสามีไม่ได้ตั้งใจจะอยู่รับประทานอาหารเย็น แต่ทุกคนรบเร้าพวกเขาจนไม่สามารถปฏิเสธ และตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ
ซุปหม้อไฟที่หลินม่ายเตรียมไว้นั้นอร่อยมาก ซึ่งทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ชื่นชอบ
ระหว่างรับประทานอาหารเย็น ฟางเสียนจิ้งก็ถามหลินม่ายเกี่ยวกับสถานการณ์ของสวี่เมิ่ง
หลินม่ายบอกฟางเสียนจิ้งในทุกอย่างที่เธอรู้
ฟางเสียนจิ้งและสามีรู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าสวี่เมิ่งใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตามฟางเสียนจิ้งยังคงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงสวี่เมิ่งที่ยังครองโสด
หล่อนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสวี่เมิ่งจะมีคู่ครอง เพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมถึงใช้ชีวิตร่วมกันตราบนานเท่านานหลังจากแต่งงาน
วันรุ่งขึ้น เมื่อหลินม่ายกินบะหมี่เนื้อที่ไป๋เซี่ยซื้อมาให้เสร็จแล้ว ฟางเสียนจิ้งและสามีขับรถบรรทุกอันทรุดโทรมจากฟาร์มมาหา
หลินม่ายถอนหายใจ เจ้าหน้าที่บรรเทาความยากจนทั้งสองคนนี้ทุ่มเทให้กับงานจริง ๆ!
ใครจะคิดว่าในอดีตพวกเขาเคยเป็นคนที่เอาแต่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง
หลังจากที่หลินม่ายติดตามพวกเขามาหนึ่งวัน เธอก็ได้เรียนรู้ว่ามีองุ่นตุนหวงอันเลื่องชื่อในมณฑลกานซู และลูกเกดที่ทำจากองุ่นเหล่านี้ก็มีรสชาติเยี่ยมมาก
แต่เธอไม่ต้องการขายลูกเกด
ทุกคนสามารถทำธุรกิจไร้ทักษะประเภทนี้ได้ และเธอไม่ต้องการแข่งขันกับคนที่ทำธุรกิจขนาดเล็กประเภทนี้เพื่อเงิน
อย่างไรก็ตามหากองุ่นตุนหวงมีรสชาติดีและเหมาะสมสำหรับทำไวน์ เธอก็อาจพิจารณาดู
โรงกลั่นเหล้าองุ่นของฟางจั๋วหรานต้องการองุ่นคุณภาพสูงจำนวนมากทุกปี
ฤดูกาลนี้ไม่มีองุ่นสด ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่รอจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นปีหน้า แล้วค่อยนำผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตไวน์มาชิม
หลินม่ายไม่ได้สนใจเก๋ากี้ เธอจึงไม่ได้ไปตรวจสอบ
เธอสนใจที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมฝ้าย แต่หลังจากถามฟางเสียนจิ้งก็รู้ว่า มีคนในพื้นที่ไม่มากนักที่ปลูกฝ้าย
แต่ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบแล้วบอกว่าที่ดินที่นี่เหมาะแก่การปลูกฝ้ายมาก
หลินม่ายวางแผนที่จะเช่าที่ดินก่อน และเปิดฟาร์มปลูกฝ้ายเพื่อทดลองตลาด หากขายได้ดี เธอจะขยายอุตสาหกรรมฝ้าย
หลินม่ายนัดหมายกับฟางเสียนจิ้งและสามีว่าเมื่อโครงการท่องเที่ยวและโครงการน้ำแร่ในเอินซือเสร็จสิ้นแล้ว เธอจะกลับมาที่มณฑลกานซูเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
หากสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมฝ้ายและอุตสาหกรรมไวน์ในพื้นที่นี้ได้ เธอจะลงทุนในสองอุตสาหกรรมนี้
ในไม่ช้าก็ถึงวันที่ 28 เดือน 12 ซึ่งเป็นวันมงคลสมรสระหว่างไป๋เซี่ยและจ้าวเชี่ยนหรู
งานแต่งงานยิ่งใหญ่มากและมีการแจกขนมแต่งงานน้ำหนักหลายสิบกิโลกรัม ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบมาก ทั้งแขกและเจ้าภาพต่างสนุกสนานกัน
มีสิ่งเดียวที่ติดขัดเล็กน้อย เมื่อจ้าวเชี่ยนหรูขึ้นรถแต่งงาน แม่จ้าวก็ร้องห่มร้องไห้อยู่นาน
ความคิดที่ว่าลูกสาวคนสำคัญจะหยั่งรากลึกในดินแดนตะวันตกที่ยากจนแห่งนี้ ทำให้หล่อนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
จ้าวเชี่ยนหรูปลอบใจแม่จ้าวและบอกว่า หากต้องการให้มาตุภูมิเจริญรุ่งเรือง ก็ต้องมีคนเสียสละ
หล่อนหลงรักสถานที่ยากจนแห่งนี้ และเต็มใจที่จะอุทิศชีวิตของตนเพื่อทำให้ที่นี่พัฒนาขึ้น
………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทุกสิ่งกลับคืนสู่สามัญแหละ จากที่เคยดิ้นรนขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดก็จะปล่อยวางไม่ยึดติดอะไรแล้ว
ไหหม่า(海馬)