แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1137 ผู้ช่วยส่วนตัวหูเซี่ยงหง
ตอนที่ 1137 ผู้ช่วยส่วนตัวหูเซี่ยงหง
……….
ตอนที่ 1137 ผู้ช่วยส่วนตัวหูเซี่ยงหง
แต่หลังจากออกไปได้ไม่ไกล หลินม่ายก็รับรู้ถึงการถูกจ้องมองอีกครั้ง
เธอกำลังคิดว่าจะมองย้อนกลับไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อดูว่ามีใครกำลังจ้องมองพวกเขาหรือไม่ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงท้องร้องของเสี่ยวมู่ตง
เด็กชายร่างเล็กดึงชายกระโปรงของหลินม่ายและเงยหน้าขึ้นกล่าวคำอย่างน่าสงสาร “หม่าม้า ผมหิวแล้ว ผมอยากกินข้าว”
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง แล้วเขาจะไม่หิวได้อย่างไร?
หลินม่ายมองใบหน้าเล็กที่เปื้อนเหงื่อและเป็นสีแดงระเรื่อของเด็กน้อยพลางรู้สึกทุกข์ใจ “เอาล่ะ หม่าม้าจะพาลูก คุณปู่คุณย่า และพี่ชายเสี่ยวเหวินไปกินอาหารด้วยกันนะ”
เธอใช้โอกาสขณะพูดคุยกับเสี่ยวตงตงแอบมองย้อนกลับไปอยู่สองถึงสามครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
เธอย่อตัวลงตรงหน้าเสี่ยวตงตงและพูดว่า “ขึ้นมาสิ หม่าม้าอุ้มลูกเอง”
เสี่ยวเหวินเห็นแบบนั้นก็รีบพูดขึ้น “คุณอาครับ ให้ผมอุ้มน้องชายเถอะ”
เสี่ยวเหวินอาศัยอยู่กับครอบครัวของหลินม่ายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขากินเก่ง ดื่มเก่ง และแข็งแรงมาก
แต่ไม่ว่าเขาจะแข็งแรงแค่ไหน เขาก็ยังคงเป็นเด็ก หลินม่ายทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เขาแบกเสี่ยวตงตงไว้บนหลัง
การเดินทางยาวไกลทำให้เขาเหนื่อยล้า
หลินม่ายส่ายหัว “ไม่เป็นไร เธอแค่ต้องดูแลคุณปู่กับคุณย่าให้ดี”
เสี่ยวเหวินได้ยินสิ่งนี้ก็รีบเดินไปช่วยเหลือคุณย่าฟาง
คนกลุ่มหนึ่งเดินไปข้างหน้าพลางให้ความสนใจกับร้านอาหารเล็ก ๆ ริมถนน
แม้หลินม่ายจะชอบกินอาหารตามแผงลอยริมถนนและร้านอาหารเล็ก ๆ แต่เธอไม่เคยเข้าไปในร้านที่มีแมลงวัน ไม่ว่าอาหารในร้านจะมีรสชาติดีแค่ไหนก็ตาม
เธอให้ความสำคัญกับสุขอนามัยของอาหารเป็นอย่างมาก
หลังจากเดินได้ประมาณเจ็ดหรือแปดนาที หลินม่ายก็เลือกร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ดูสะอาดถูกสุขอนามัยและเดินเข้าไปพร้อมทั้งครอบครัว
เศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงนี้ไม่ดีมาก และมีอากาศร้อนเกินไป จึงมีผู้คนสัญจรบนถนนบางตา
แม้แต่ตอนเที่ยง ร้านอาหารขนาดเล็กยังมีลูกค้าเพียงสองโต๊ะ และแต่ละโต๊ะมีลูกค้าเพียงสองถึงสามคนเท่านั้น
คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ต่างก็หมดแรงและนั่งล้อมรอบโต๊ะอาหาร
เถ้าแก่ร้านเป็นคนฉลาดและรีบนำชาสมุนไพรต้มมาให้ทุกคน
มันเป็นชาสมุนไพรที่ทำจากใบชาแช่เย็น ไม่ใช่ชาสมุนไพรจากกวางตุ้ง
หลายเมืองทางตอนใต้อุดมไปด้วยชา และแม้แต่ชาธรรมดาก็มีคุณภาพดี
ทั้งครอบครัวดื่มชาสมุนไพรคนละแก้ว ซึ่งไม่เพียงช่วยคลายความร้อนเท่านั้น แต่กลิ่นหอมของใบชาก็น่าพึงพอใจมาก
เถ้าแก่ร้านวางเมนูอาหารของร้านไว้ด้านหน้าทุกคน และขอให้พวกเขาสั่งอาหาร
ครอบครัวได้พบพูดคุยกันเป็นเวลานาน และสั่งอาหารห้าจานพร้อมซุปหนึ่งรายการ
หลังจากนั้นไม่นาน อาหารห้าจานและซุปหนึ่งรายการก็ถูกยกมาที่โต๊ะ
หลินม่ายเห็นว่าแต่ละจานมีปริมาณไม่มาก จึงสั่งอาหารเพิ่มอีกสองจาน
แม้ว่าอาหารทุกจานจะมีรสชาติปานกลาง แต่ทุกคนก็หิวมากและกินอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากรับประทานอาหารและนั่งพักสักระยะ หลินม่ายก็พาทุกคนเดินต่อไปยังถนนตงซาน
ทันทีที่มาถึงถนนตงซาน หลินม่ายเห็นจางเสวี่ยฉุนนั่งอยู่หน้าลานบ้าน ขณะกำลังพูดคุยพลางจดบันทึกถ้อยคำของหญิงชราผมสีดอกเลา ใบหน้ามีรอยย่น สวมเสื้อตัวใหญ่ และเกล้ามวยผมไว้ด้านหลังศีรษะ
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเห็นจางเสวี่ยฉุนเช่นกัน
แต่คุณย่าฟางแทบไม่อยากเจอว่าเป็นอีกฝ่าย “นั่น… คือเสวี่ยฉุนเหรอ? มันนานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เจอกัน นี่หล่อนผอมลงขนาดนี้ได้อย่างไร?”
หลินม่ายมีความคิดเดียวกัน
เธอแทบจำอีกฝ่ายไม่ได้ในแวบแรกเช่นกัน
เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาที่ผิดรูปของจางเสวี่ยฉุน หลินม่ายก็มั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าอีกฝ่ายถูกวางยาพิษโดยองค์กรมืด แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้รู้สึกตัวเลย
หลินม่ายจ้องมองจางเสวี่ยฉุนด้วยความงุนงง ทันใดนั้นเธอรู้สึกเหมือนมีคนกำลังสอดแนม
เธอกวาดสายตาอย่างรวดเร็ว และจับได้ว่ามีคนสอดแนมเธอในครั้งนี้
อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาที่นั่งไม่ไกลจากจางเสวี่ยฉุน
เพียงเพราะหล่อนดูเหมือนคนธรรมดา แต่คนที่รอบคอบอย่างหลินม่ายจะมองข้ามการมีอยู่ของอีกฝ่ายได้อย่างไร
ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
ทันทีที่หลินม่ายกำลังคิดสิ่งนี้ในใจ คุณปู่ฟางก็กระซิบกับเธอว่า “ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา”
หลินม่ายเหลือบมองคุณปู่ฟาง อย่างไรก็ตามเขาเป็นนักปฏิวัติเก่าที่มีสายตาเฉียบแหลม
คุณปู่ฟางพูดเพียงไม่กี่คำ ดวงตาของหญิงสาวธรรมดาก็จ้องมองมาที่พวกเขาราวกับไม่เห็นว่าพวกเขาอยู่ที่นั่น
ครอบครัวต่างก็หุบปากลงทันที พวกเขาเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ใกล้กับจางเสวี่ยฉุนและนั่งรอ
จางเสวี่ยฉุนพูดคุยกับหญิงชราอย่างตั้งใจมาก
หญิงชราร้องไห้ขณะพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของหล่อนระหว่างการสังหารหมู่ที่หนานจิง
จางเสวี่ยฉุนจดบันทึกพลางร้องไห้ตาม ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าครอบครัวของหลินม่ายนั่งรออยู่บริเวณใกล้ ๆ
เมื่อหญิงสาวธรรมดาเห็นหลินม่ายและครอบครัวเดินเข้ามาใกล้จางเสวี่ยฉุน ดวงตาของหล่อนก็เผยความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งครอบครัวแสร้งทำเป็นไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นไม่นาน จางเสวี่ยฉุนก็เสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ จากนั้นหลินม่ายจึงเรียกชื่ออีกฝ่ายเบา ๆ
จางเสวี่ยฉุนหันกลับมา เมื่อเห็นว่าเป็นหลินม่ายและครอบครัว หล่อนก็แสดงความดีใจอย่างมาก
หล่อนวิ่งเหยาะ ๆ ไปหาพวกเขาและพูดกับหลินม่ายด้วยความประหลาดใจ “คุณมาที่นี่จริง ๆ ด้วย แล้วยังพาคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางมาด้วยกันอีก”
หลินม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “เดิมทีฉันวางแผนจะเดินทางมาหนานจิงเพียงลำพัง แต่คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางยืนกรานที่จะติดตามมาด้วย”
คุณปู่ฟางหัวเราะและพูดว่า “อยู่บ้านทั้งวันน่าเบื่อจะตาย เลยถือโอกาสออกมาเที่ยวเล่นน่ะ”
คุณย่าฟางมองดูจางเสวี่ยฉุนและเข้าไปจับมืออีกฝ่าย ถามอย่างเศร้าใจว่า “หนูเอ๋ย ทำไมถึงผอมลงขนาดนี้ มือของเธอยังร้อนผ่าวด้วย เธอไม่สบายหรือเปล่า?”
จางเสวี่ยฉุนกอดไหล่ของตัวเองและตอบว่า “ฉันไม่ได้ป่วยหนักอะไรค่ะ แค่ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศไม่ได้ เลยเป็นหวัดบ่อยครั้ง วันนี้ก็ยังมีไข้อยู่นิดหน่อย มือของฉันจึงร้อนกว่าปกติ”
คุณปู่ฟางถามด้วยความกังวล “ได้ลองไปหาหมอหรือยัง?”
“ไปแล้วค่ะ หมอสั่งยาให้ฉันมากินแล้ว”
คุณปู่ฟางได้ยินก็โล่งใจ
ขณะที่ครอบครัวของหลินม่ายพูดคุยกับจางเสวี่ยฉุน เด็กผู้หญิงที่ดูธรรมดาคนนั้นยังคงจับจ้องมาที่พวกเขาอย่างใจเย็น
จางเสวี่ยฉุนพูดคุยกับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางพักหนึ่ง ก่อนจะแนะนำเด็กสาวด้านข้างให้ทุกคนรู้จัก “หูเซี่ยงหง ผู้ช่วยส่วนตัวของฉันค่ะ คอยดูแลชีวิตประจำวันของฉันเป็นหลัก”
หูเซี่ยงหงเผยยิ้มอย่างเขินอายให้กับทุกคน หล่อนทักทายหลินม่ายและคนอื่น ๆ เป็นสำเนียงภาษาถิ่นของหนานจิง
หลินม่ายพยักหน้าให้เธออย่างใจดี ก่อนถามจางเสวี่ยฉุนว่ารับประทานอาหารกลางวันหรือยัง
เมื่อเห็นว่าหล่อนทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จึงคิดว่าหล่อนคงพลาดมื้อเที่ยงไปแล้ว
แน่นอนว่าจางเสวี่ยฉุนส่ายหัวด้วยท่าทางเขินอาย “ยังเลยค่ะ~”
คุณย่าฟางดึงหล่อนเข้ามาและพูดว่า “ไปกินข้าวกันเถอะ แม้งานจะสำคัญ แต่ก็ไม่ควรข้ามมื้ออาหารหลักนะ”
ทั้งกลุ่มเข้าไปในร้านบะหมี่ หลินม่ายเลือกสั่งบะหมี่หยางชุนให้จางเสวี่ยฉุน
จางเสวี่ยฉุนไม่ค่อยมีความอยากอาหาร หล่อนจึงกินบะหมี่หยางชุนได้เพียงครึ่งชามเท่านั้น
หล่อนคว้ากระเป๋าเป้สะพายหลังที่อยู่บนเก้าอี้ข้างตัว จากนั้นจึงขอตัวไปสัมภาษณ์หญิงชราอีกคน จากนั้นยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาแล้วพูดด้วยสีหน้ากังวลว่า “เรานัดสัมภาษณ์คุณยายหวังตอนบ่ายสามโมง แค่นี่สี่โมงกว่าแล้ว ฉันยังไม่ได้ไปหาเธอเลย คงต้องรีบไปแล้ว คนแก่รอนานยิ่งจะหงุดหงิด”
สิ้นเสียง หล่อนก็ลุกขึ้นและกำลังจะจากไป แต่เดินได้ไม่กี่ก้าว ร่างของหล่อนก็โงนเงนไม่มั่นคงเล็กน้อย
หลินม่ายเข้ามาช่วยเหลือได้ทันเวลา “ร่างกายคุณแทบไม่ไหวแล้ว ทำไมถึงยังจะไปสัมภาษณ์อีก? วันนี้กลับกันก่อนเถอะ”
เธอหันไปพูดกับหูเซี่ยงหง “คุณรู้ว่าคุณยายหวังอาศัยอยู่ที่ไหน เช่นนั้นไปแจ้งท่านและบอกว่าเสวี่ยฉุนจะเข้าไปสัมภาษณ์วันหลัง อย่าลืมซื้อแตงโมลูกใหญ่ติดตัวไปเพื่อแสดงความขอโทษด้วย”
หูเซี่ยงหงลังเลที่จะจากไป “ฉันอยากอยู่ดูแลคุณจางมากกว่า”
“ฉันจะดูแลเสวี่ยฉุนเอง คุณไปแจ้งคุณยายหวังเถอะ!” หลินม่ายแสดงท่าทางแข็งกร้าว
นอกจากนี้จางเสวี่ยฉุนยังขอให้อีกฝ่ายแจ้งคุณยายหวังว่า เธอไม่สามารถไปที่บ้านของคุณยายเนื่องจากอาการป่วยในวันนี้
จากนั้นหูเซี่ยงหงก็เดินจากไป
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สาวคนนี้คือนางนกต่อขององค์กรชุดดำหรือเปล่านะ ท่าทางดูมีพิรุธ
ไหหม่า(海馬)
……….