แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1123 คลอดทารกสี่คน
ตอนที่ 1123 คลอดทารกสี่คน
……….
ตอนที่ 1123 คลอดทารกสี่คน
ผู้หญิงที่ถูกทุบตีอาจจะทนการทุบตีไม่ไหวอีกต่อไป หล่อนจึงผละตัวออกจากชายคนนั้นและวิ่งไปทางถนนด้วยความตื่นตระหนก
ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหัน ทอมเหยียบเบรกอย่างรวดเร็ว ทว่ารถมายบัคก็ยังชนผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นกลิ้งไปบนพื้นสองถึงสามตลบ และส่งเสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
ทอมกำลังจะลงจากรถเพื่อตรวจสอบผู้หญิงคนนั้น แต่เขาพลันได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดของหลินม่ายดังขึ้นจากเบาะหลัง
หมอเอมี่ซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังกับหลินม่ายบอกทอมด้วยความกังวล “รีบไปโรงพยาบาลเร็วเข้า การเบรกกะทันหันทำให้คุณนายกระแทกเบาะหน้าอย่างแรง และอาจทำให้คลอดก่อนกำหนด”
เมื่อทอมได้ยินดังนั้น เขาก็เหยียบคันเร่งเพื่อมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล โดยไม่สนใจผู้หญิงที่ถูกชน
ก่อนถึงโรงพยาบาล น้ำคร่ำของหลินม่ายได้แตกแล้ว แต่การคลอดบุตรก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยทารกสี่คนถูกคลอดออกมาทีละคน
เมื่อฟางจั๋วหรานและผู้เฒ่าทั้งสองได้รับรับโทรศัพท์จากแจ็ค พวกเขารีบตามไปโรงพยาบาล และหลินม่ายก็ถูกผลักออกจากห้องคลอดแล้ว
พยาบาลตอบว่า “ทารกคลอดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักน้อยเกินไป จึงนำไปไว้ในตู้อบค่ะ”
คุณปู่ฟางถามอีกครั้ง “เป็นเด็กชายกี่คน และเด็กหญิงกี่คน?”
“เด็กผู้ชายสามคน และเด็กผู้หญิงหนึ่งคนค่ะ”
หลังจากได้ยินดังนั้น ทุกคนเผยยิ้มอย่างมีความสุข ท้ายที่สุดก็มีเด็กหญิงอยู่ด้วย ไม่ใช่เด็กชายทั้งหมด
หลินม่ายมีสุขภาพแข็งแรงดี แพทย์จึงได้จัดการให้เธอออกจากโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้น แต่เด็กทั้งสี่คนต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ในวันที่หลินม่ายออกจากโรงพยาบาล เสี่ยวตงตงกลับมาจากโรงเรียนและได้ยินว่าแม่ของเขาให้กำเนิดน้องชายสามคนและน้องสาวหนึ่งคน เขาวิ่งไปที่เตียงของหลินม่ายและถามเธอว่า การคลอดบุตรเจ็บไหม และน้องของเขาอยู่ที่ไหน
หลินม่ายลูบหัวเล็ก ๆ ของเขาและบอกว่าไม่เจ็บมาก ส่วนน้องชายและน้องสาวยังอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งจะไม่กลับมาในเร็ววันนี้
น้าถูปรุงซุปไก่แล้วนำไปที่ห้อง เสี่ยวตงตงยืนกรานที่จะป้อนซุปไก่ให้หลินม่ายด้วยตนเอง
ฟางจั๋วหรานกลัวว่าเสี่ยวตงตงเด็กเกินกว่าจะถือถ้วยซุป เขาจึงช่วยหนูน้อยถือถ้วยและป้อนหลินม่ายด้วยกัน
ฟางจั๋วหรานรายงานข่าวดีให้ญาติสนิทของเขาในประเทศจีนทราบโดยเร็วที่สุด
เมื่อคิดว่าหลินม่ายไม่ได้ปฏิเสธแม่ไป๋มากนักในช่วงหลัง ฟางจั๋วหรานจึงบอกข่าวดีให้หล่อนทราบด้วยเช่นกัน
เขาสับสนเล็กน้อยเมื่อคิดว่าต้องเรียกอีกฝ่ายอย่างไร
เรียกหล่อนว่าแม่ยาย หรือเรียกว่าคุณป้าดี
หลังจากคิดอยู่นาน เขาตัดสินใจเรียกหล่อนว่าคุณนายไป๋
แม่ไป๋มีความสุขมากที่ได้รับโทรศัพท์จากฟางจั๋วหราน นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้รับโทรศัพท์จากลูกเขย
แม้ว่าเขาจะเรียกหล่อนว่าคุณนายไป๋ แต่หล่อนก็มีความสุขมาก
เมื่อฟางจั๋วหรานบอกหล่อนว่าหลินม่ายได้คลอดลูกแล้ว ซึ่งเป็นชายสามคน และหญิงหนึ่งคน หล่อนก็ทั้งมีความสุขและประหลาดใจในคราวเดียว
ถามฟางจั๋วหรานว่า หลินม่ายคลอดก่อนกำหนดใช่ไหม?
ฟางจั๋วหรานตอบไปว่า “ใช่ครับ”
แม่ไป๋เริ่มกังวลทันที และถามว่าหลินม่ายเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนเด็กทั้งสี่ปลอดภัยหรือไม่
ฟางจั๋วหรานตอบว่าทั้งแม่และลูกปลอดภัยดี
แม่ไป๋จึงโล่งใจ
หล่อนยังอยากถามอีกว่าหลินม่ายคลอดก่อนกำหนดได้อย่างไร แต่ก็กลัวว่าฟางจั๋วหรานจะไม่พอใจหากพูดมากเกินไป จึงต้องจำใจวางสายโทรศัพท์
แต่หล่อนกังวลเรื่องหลินม่ายมาก จึงอดไม่ได้ที่จะต่อสายไปหาพวกเขาอีกครั้งในตอนกลางคืน
คราวนี้หลินม่ายเป็นคนรับสาย
แม่ไป๋ตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินเสียงของหลินม่าย หล่อนสูดหายใจเข้าลึกหลายครั้งก่อนจะสงบสติอารมณ์ลง “ม่ายจื่อ แม่ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดที่โทรหาครั้งนี้ เพียงแค่อยากถามว่าทำไมถึงคลอดก่อนกำหนด”
หลินม่ายเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หล่อนฟังอย่างไม่ถือสา
หลังได้รับฟังแม่ไป๋ก็รู้สึกโล่งใจมาก หล่อนไม่กล้าพูดสิ่งใดต่อ เพียงแสดงความเป็นห่วงหลินม่ายไม่กี่คำและวางสายไป ก่อนจะตื่นเต้นตลอดทั้งคืน
ทารกทั้งสี่คนอยู่ในโรงพยาบาล หลินม่าย ฟางจั๋วหราน และผู้เฒ่าทั้งสองไปโรงพยาบาลทุกวันเพื่อดูเด็กทารกผ่านหน้าต่างกระจก
โดยเฉพาะหลินม่ายและผู้เฒ่าทั้งสองที่วิ่งไปโรงพยาบาลหลายครั้งต่อวัน
ในช่วงระยะฟื้นตัวหลังคลอด หลินม่ายควรจะกักตัวอยู่บ้าน และไม่ควรออกไปข้างนอก
แต่ตอนนี้อุณหภูมิกำลังดี และแม่เพิ่งคลอดในยุโรปและสหรัฐอเมริกาไม่จำเป็นต้องฟื้นตัว คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางได้เห็นกับตาตัวเองว่าแม่เพิ่งคลอดดื่มน้ำเย็นทันทีหลังคลอด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลินม่ายยืนกรานจะไปพบทารก ผู้เฒ่าทั้งสองจึงไม่สามารถหยุดเธอได้ และทำได้เพียงตอบตกลง
ฟางจั๋วหรานต้องการวิ่งไปเยี่ยมทารกที่โรงพยาบาลเช่นกัน แต่เขามีงานทำและได้เจอทารกเพียงวันละครั้งเท่านั้น เมื่อถึงคราวที่เขาได้พักร้อน เขาจึงนอนอยู่โรงพยาบาลทั้งวัน
หลินม่ายรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากที่ทารกทั้งสี่ยังคงต้องอยู่ในโรงพยาบาล
ตอนกลางคืนขณะนอนอยู่บนเตียง บางครั้งกังวลว่าพยาบาลลืมให้อาหารลูกทั้งสี่ บางครั้งก็กังวลว่าพยาบาลขี้เกียจและไม่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็ก ๆ
ฟางจั๋วหรานทำได้เพียงปลอบใจเธออย่างอดทน เพราะกลัวว่าเธอจะเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด
ฟางจั๋วหรานให้ความรักกับหลินม่ายอย่างเต็มที่ ตอนนี้เธอมีความสุขมาก แล้วจะทนทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้อย่างไร?
หลังจากผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์ ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนในครอบครัวก็ไปโรงพยาบาลเพื่อรับเด็กทารกที่น่ารักทั้งสี่คน
แม้ว่าสัปดาห์นี้หลินม่ายจะได้เห็นเด็กทั้งสี่เปลี่ยนจากแมวตัวเล็กผอมเป็นแมวอ้วน ส่วนรอยพับบนใบหน้าก็ขยายออกเช่นกัน แต่พวกเขายังตัวเล็กมากและไม่สามารถกอดได้
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางใช้ตะกร้าเล็กสองใบเพื่อขนเด็กน้อยทั้งสี่กลับไปบ้าน
แม้ว่าลูกสาวคนเดียวจะเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาแฝดสี่ แต่ความอยากอาหารของหล่อนก็มีมากและเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้หล่อนกลายเป็นเหมือนพี่สาวของพวกเขาทันที
หลินม่ายและสามีเคยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะให้น้องชายของเสี่ยวตงตงใช้ชื่อว่า ชุนชุน เซี่ยเซี่ย และชิวชิว
แต่เมื่อมีทารกสี่คนพร้อมกัน ชื่อทั้งสามจึงนำไปตั้งให้เด็กชายสามคน
ครอบครัวนี้ใช้สมองอย่างหนักเพื่อตั้งชื่อลูกสาวเพียงคนเดียว
ทุกคนมีชื่อที่แตกต่างกันไปมากมาย แต่พวกเขามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป
ในท้ายที่สุดคุณปู่ฟางได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายและตั้งชื่อให้หล่อนว่าฟางเป่าอี๋ และมีชื่อเล่นว่าตั่วตั่ว
เสี่ยวตงตงถามด้วยความสงสัย “ทำไมน้องสาวถึงมีชื่อเล่นแยก ขณะที่พวกเราไม่มีชื่อเล่นล่ะครับ?”
หลินม่ายอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เพราะเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวยังไงล่ะ”
เสี่ยวตงตงเข้าใจครึ่งไม่เข้าใจครึ่ง
วันนี้เป็นวันศุกร์ และเป็นวันที่เสี่ยวเหวินกลับบ้านด้วย
ทันทีที่เสี่ยวเหวินกลับบ้านในช่วงบ่าย เสี่ยวตงตงวิ่งไปบอกเขาอย่างมีความสุขว่าแม่ได้ให้กำเนิดน้องชายสามคนและน้องสาวหนึ่งคน ทั้งยังบอกอีกว่าน้องสาวน่ารักมาก
เสี่ยวเหวินนึกว่าจะต้องใช้เวลาอีกหนึ่งถึงสองเดือนกว่าน้อง ๆ จะเกิดมา เขาไม่คาดคิดว่าหลินม่ายจะคลอดตอนนี้
เสี่ยวตงตงพาเขาไปพบกับน้อง ๆ
เสี่ยวเหวินมองดูทารกสี่คนที่ตัวเล็กเท่าแมวตัวอ้วนนอนเรียงรายอยู่เคียงข้างกันบนเตียง เขาตื่นเต้นมากจนน้ำตาไหล
เขายืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่างเพื่อสงบสติอารมณ์สักพัก จึงถอดเสื้อคลุมออก ปีนขึ้นไปบนเตียง แตะเบา ๆ ที่น้องชายและน้องสาวอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะออกแรงมากเกินไป
เหตุที่ถอดเสื้อคลุม เป็นเพราะเขากลัวว่าเชื้อโรคบนเสื้อผ้าจะไปติดตัวน้องทั้งสี่คนได้
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เด็กทั้งสี่คนกลับบ้าน หลินม่ายนั่งรถมายบัคไปยังสถานีตำรวจ
อุบัติเหตุจราจรที่ทำให้เธอคลอดก่อนกำหนดยังไม่ได้รับการแก้ไข
ตำรวจโทรหาหลินม่ายหลายครั้งเพื่อขอให้เธอมาแก้ไขปัญหาที่สถานีตำรวจ แต่หลินม่ายต้องไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเด็กทุกวัน
ตอนนี้ลูกกลับถึงบ้านแล้ว เธอจึงต้องการจัดการกับเรื่องดังกล่าว
เมื่อเธอมาถึงสถานีตำรวจ ตำรวจบอกเธอว่าผู้หญิงชาวเอเชียที่ถูกชนต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุจราจรดังกล่าวโดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังบอกเธอด้วยว่าหลังเกิดอุบัติเหตุ หลินม่ายรีบไปโรงพยาบาลเพื่อคลอดบุตร และไม่ได้อยู่รอให้ตำรวจจราจรจัดการอุบัติเหตุ
ตำรวจรีบไปยังที่เกิดเหตุตามการแจ้งเหตุจากพลเมืองดี เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ และมอบหมายความรับผิดชอบ แต่พวกเขาไม่สามารถระบุขอบเขตความเสียหายของรถมายบัคได้
แม้ว่าในเวลาต่อมารถมายบัคจะขับรถไปที่สถานีตำรวจเพื่อประเมินความเสียหาย แต่ก็เสียเปรียบในแง่ของการชดเชย
เนื่องจากการเคลมประกันจะรับเฉพาะการประเมินความเสียหายของยานพาหนะทันทีหลังเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น จึงจะสามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้
ตำรวจแนะนำให้หลินม่ายดำเนินคดีทางกฎหมาย และเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้หญิงเอเชียรายดังกล่าว
หลินม่ายคิดอยู่พักหนึ่งและยอมความ
วันนั้น แม้จะมองเห็นไม่ชัดเจนว่าผู้หญิงเอเชียคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร แต่เธอบอกได้จากเสื้อผ้าที่สวมใส่ว่าอีกฝ่ายยากจน
หากเรียกร้องค่าชดเชย อีกฝ่ายคงไม่สามารถหาเงินมาชดเชยได้ แล้วทำไมเธอถึงต้องเสียแรงและเวลาไปกับการดำเนินคดีกับผู้หญิงคนนั้น
พลังงานและเวลาของเธอมีค่า และเธอไม่รู้การดำเนินคดีดังกล่าวจะยืดเยื้อยาวนานเท่าใด
ต้นไม้อยากสงบ แต่ลมกลับไม่หยุดพัด
หลินม่ายไม่ต้องการให้ใครรับผิดชอบ แต่กลับมีคนเรียกร้องขอให้เธอรับผิดชอบ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คลอดปลอดภัยก็ดีแล้ว ท้องแฝดสี่นี่เสี่ยงคลอดมากเลย
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันนะ? คู่กรณีเก่าหรือเปล่า?
ไหหม่า(海馬)
……….