แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1078 ทำงานวันแรก
ตอนที่ 1078 ทำงานวันแรก
ตอนที่ 1078 ทำงานวันแรก
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟางจั๋วหรานออกไปทำงาน หลินม่ายยังคงหลับอยู่ ฟางจั๋วหรานจึงก้มจูบเธอที่แก้ม
เดิมทีเขาวางแผนที่จะจูบและจากไป แต่หลินม่ายโอบแขนไว้รอบคอของเขาก่อน
ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงครู่หนึ่งก่อนที่จะแยกจากกัน หลินม่ายคิดว่าฟางจั๋วหรานกำลังจะออกไปหางาน เธอจึงพูดไล่หลังเขาว่า “สู้ ๆ นะ!”
ริมฝีปากฟางจั๋วหรานยกขึ้นเล็กน้อย เขาจะทำให้ภรรยาประหลาดใจเมื่อกลับมาในตอนเย็น
หลินม่ายนอนต่อบนเตียงสักพักแล้วจึงลุกขึ้น
เธอวางแผนจะไปช่วยคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางปลูกผักหลังอาหารเช้า
การปลูกผักเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือการพูดคุยกับผู้เฒ่าทั้งสอง
ในสหรัฐอเมริกาแตกต่างจากเมืองหลวงมาก ในเมืองหลวง คู่สามีภรรยาเฒ่ามีสหายเก่าและผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
พวกเขาทุกคนรวมตัวกันในสวนสาธารณะทุกวัน ฝึกรำไทเก๊ก พูดคุย กลับบ้านไปปลูกดอกไม้และต้นไม้ สร้างความสนุกสนานให้กับเด็ก ๆ และใช้ชีวิตที่ได้เติมเต็มทุกวัน
แต่พอมาสหรัฐอเมริกากลับไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้เลย แม้แต่เสี่ยวตงตงก็ไปโรงเรียนอนุบาล คู่สามีภรรยาสูงอายุรู้สึกเหงาและต้องการเพื่อนคุย
หากมีเวลา เธอตั้งใจจะใช้เวลาอยู่กับผู้สูงอายุสองคนให้มากขึ้น
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าอาหารเช้าเป็นบะหมี่ฉ่านซีจริง ๆ
หลินม่ายไม่ชอบกินพาสต้ามากนัก แต่เธอชอบบะหมี่ฉ่านซีและบะหมี่หลานโจว
เนื้อชิ้นใหญ่ในซอสพะโล้ เห็ดหูหนูดำ แครอทฝอยแดง ผักชีเขียว และส่วนผสมอื่น ๆ มีทั้งความสวยงามและรสชาติอร่อย
โดยเฉพาะบะหมี่ฉ่านซี มันน่ารับประทานมาก
หลินม่ายถามขณะลงมือรับประทาน “ใครทำบะหมี่พวกนี้คะ อร่อยจัง”
โดยปกติเธอจะขอให้น้าถูทำจ๋าเจี้ยงเมี่ยนและทำเกี๊ยว แต่น้าถูทำบะหมี่เผ็ดไม่เป็น
คุณย่าฟางตอบด้วยรอยยิ้ม “จั๋วหรานเป็นคนทำน่ะ จั๋วหรานบอกว่าเธอไม่ชอบอาหารตะวันตกมากนัก พอเขามีเวลาจึงลงมือทำบะหมี่ฉ่านซีให้ทุกคนกิน ที่จริงเขาตั้งใจทำให้หลานเป็นหลักนั่นแหละ ถ้าชอบก็ตักเพิ่มอีกสิ”
คุณปู่ฟางบอกหลินม่ายด้วยรอยยิ้มว่า ฟางจั๋วหรานเคยอยู่ที่กานซูมาหลายปีแล้ว และกานซูก็มีบะหมี่เผ็ดด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะรู้วิธีทำอาหารจานนี้
หลินม่ายกัดบะหมี่เข้าปากและพูดว่า “ฉันนึกว่าในมณฑลฉ่านซีเท่านั้นที่มีบะหมี่กะหล่ำปลีดองเสียอีก”
หลังจากที่หลินม่ายกินบะหมี่ชามใหญ่เสร็จ ทั้งครอบครัวก็ไปยังสวนหลังบ้านเพื่อปลูกผัก
พวกเขาอยู่ที่อเมริกาได้ประมาณครึ่งเดือนเท่านั้น คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็ได้เปิดแปลงผักขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยผักโปรดของหลินม่าย นั่นทำให้หลินม่ายรู้สึกอบอุ่นในใจ
เธอและคู่สามีภรรยาสูงอายุกำลังปลูกผัก ขณะที่บอดี้การ์ดสองคนเสี่ยวจินและเสี่ยวถังกำลังออกกำลังกายอยู่ใกล้ ๆ พวกเขา ภายในสวนหลังบ้านมีการติดตั้งอุปกรณ์ออกกำลังกายให้พวกเขา โดยเลียนแบบอุปกรณ์ออกกำลังกายที่สามารถพบได้ทุกที่ของชุมชนเมืองในชีวิตชาติก่อนของเธอ
ไม่เพียงแต่เสี่ยวจินและเสี่ยวถังเท่านั้นที่สามารถใช้ออกกำลังกายได้ คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็สามารถใช้ออกกำลังกายได้เช่นกัน เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
น้าถูและน้าทังกำลังจัดห้องให้คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง คู่ของหลินม่าย ตงตง และเสี่ยวเหวิน
คุณปู่ฟางและภรรยาไม่อนุญาตให้พวกหล่อนมาช่วยปลูกผัก เพราะกลัวจะขโมยความสนุกไป
ครอบครัวสามคนทำงานอย่างมีความสุขภายใต้แสงแดดในฤดูใบไม้ร่วง ในเวลาเดียวกันฟางจั๋วหรานเริ่มทำงานแล้ว
ตอนเช้าตรู่เป็นเคสของเด็กชายผิวขาวจอมซนคนหนึ่งหัวแตก และแม่ของเขาได้นำตัวเด็กที่มีใบหน้าอาบเลือดมาส่งโรงพยาบาล
เมื่อฟางจั๋วหรานเห็นว่าเพื่อนร่วมงานต่างก็กำลังดูแลคนไข้กันหมด เขาจึงต้องการเข้าไปช่วยแบ่งเบางาน แม่ของเด็กน้อยมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “คุณมาจากไหน? คุณมาจากประเทศญี่ปุ่นหรือเปล่า?”
ฟางจั๋วหรานตอบ “ไม่ใช่ครับ มาจากประเทศจีน”
ผู้เป็นแม่สวมใส่เครื่องประดับเพชรพลอยทำตัวเหมือนสุภาพชน แต่กลับพูดอย่างดูหมิ่น “ถ้าเป็นหมอจีนก็ช่างเถอะค่ะ”
หล่อนอธิบายเพิ่ม “อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันไม่ได้มุ่งเป้าไปที่คุณ ฉันกำลังพูดถึงหมอชาวจีนทุกคน ประเทศของคุณล้าหลังเกินไป! ฉันกลัวว่าถ้าทำการผ่าตัดไม่ดี ลูกชายของฉันจะมีรอยแผลเป็นร้ายแรง ซึ่งจะส่งผลต่อรูปลักษณ์หล่อเหลาของเขา”
หล่อนอยากรอให้หมอคนอื่น ๆ ในแผนกฉุกเฉินทำงานเสร็จก่อน จึงจะรักษาอาการบาดเจ็บบนใบหน้าของลูกชายหล่อน
ฟางจั๋วหรานไม่ได้พูดอะไร เขาทำงานจิปาถะให้กับหมอคนอื่น ๆ และแม้กระทั่งพยาบาล
คนที่ดีจะต้องยืดหยุ่นได้ และไม่รังเกียจที่จะทำงานแปลก ๆ
แต่ผู้อำนวยการทนไม่ไหว และกระซิบกับโคอิซึมิ คานาโกะ “ดูสิ ช่างสิ้นเปลืองจริง ๆ!”
โคอิซึมิ คานาโกะออกตัวปกป้องหางจั๋วหราน “ฉันได้อ่านเรซูเม่ของเขาแล้ว เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านศัลยกรรมชั้นนำของจีนเลยนะคะ”
ผู้อำนวยการกลอกตาอย่างเหยียดหยาม “แล้วยังไง เมื่อมาอเมริกา เขาก็แค่คนไร้ประโยชน์!”
ในเวลานี้มีชายชราชาวเอเชียที่แต่งตัวดีราวเจ็ดถึงแปดคนเดินเข้ามาในแผนกฉุกเฉิน พวกเขาถามเป็นภาษาอังกฤษ “มิสเตอร์ฟางอยู่ที่นี่ไหม?”
เมื่อผู้อำนวยการเห็นชายชราชาวเอเชียสวมเสื้อผ้าแปลก ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นคนมีฐานะ
คนรวยทุกคนเป็นลูกค้าของโรงพยาบาลของตน และเฉพาะคนรวยเท่านั้นที่สามารถเข้าใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชนราคาแพงได้
ผู้อำนวยการพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมจะเรียกหมอฟางออกมาให้เดี๋ยวนี้”
ฟางจั๋วหรานออกมาพบกลุ่มชายชราที่เขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา จึงถามว่า “มีธุระอะไรกับผมหรือครับ?”
ชายชราคนหนึ่งจับมือของเขาและแนะนำตัวเอง ทุกคนล้วนเป็นพนักงานเก่าแก่ที่ทำงานให้ป้าผู้ล่วงลับของเขา
จากนั้นฟางจั๋วหรานก็จำได้ว่าเขาเคยเห็นคนเหล่านี้ในงานศพของลุงหลี่อี้หนาน
ตอนนั้นมีคนจำนวนมากเกินไปที่แย่งชิงคุยกับเขา และเขาก็ต้องปลอบครอบครัวของหลี่อี้หนาน ทำให้เขาจำคนหลายคนไม่ได้
ชายชราบอกเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงมาตามหาฟางจั๋วหรานด้วยกัน
พวกเขาต้องการขอให้ฟางจั๋วหรานออกมาข้างหน้า และขอหลินม่ายเปิดโอกาสให้รุ่นน้องที่ทำผิดพลาด โดยให้คนเหล่านั้นดำรงอยู่ในตำแหน่งเดิม พวกเขารับประกันว่ารุ่นน้องเหล่านั้นจะไม่ทำผิดพลาดอีก
ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดทั้งน้ำตา “คุณหนูไล่รุ่นน้องของเราออก และเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แล้ว
ตอนนี้ไม่มีใครในแวดวงธุรกิจที่ไม่รู้เรื่องนี้ แล้วรุ่นน้องที่ถูกไล่ออกหรือลดตำแหน่งจะออกไปหางานทำอื่นได้อย่างไร?”
ฟางจั๋วหรานไม่มีเวลาพูดคุยกับชายชราเจ้าปัญหาเหล่านี้ เขาจึงบอกไปว่า “ผมมอบบริษัทให้กับภรรยาแล้ว หล่อนมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการมัน ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ดังนั้นโปรดอย่ามาหาผมอีก”
เขาสาปแช่งในใจว่าผู้เฒ่าเหล่านี้ช่างกล้าจริง ๆ
พนักงานที่อายุน้อยกว่าในบริษัททำผิดพลาด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ม่ายจื่อจะต้องไล่พวกเขาออก
แต่ผู้เฒ่ากลับต้องการให้เขาออกมาข้างหน้า โดยให้รักษารุ่นน้องไว้ในบริษัทและให้คงตำแหน่งเดิม นี่เป็นการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ชุลมุนชัดๆ
ผู้อำนวยการมองดูแผ่นหลังฟางจั๋วหรานขณะที่เขาเดินกลับเข้ามาในห้องฉุกเฉิน นั่นทำให้เขายิ่งไม่พอใจกว่าเดิม
เขาคิดว่าชายชราชาวเอเชียที่แต่งตัวดีเหล่านั้นคือลูกค้าที่มาใช้บริการ แต่ไม่คาดคิดว่าการสนทนากลับกลายเป็นเรื่องส่วนตัว
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจภาษาจีน แต่ก็สามารถคาดเดาได้จากสีหน้า
เขาวางแผนว่าจะไล่ฟางจั๋วหรานออกเนื่องจากเขามีปัญหาส่วนตัวในช่วงเวลาทำงาน
โคอิซึมิ คานาโกะเป็นคนช่วยพูดคำปลอบโยนมากมาย ก่อนที่ผู้อำนวยการจะยอมผ่อนคลายลงและวางแผนที่จะสังเกตฟางจั๋วหรานสักระยะ
เหล่าผู้เฒ่ากลับไปด้วยความโกรธเนื่องจากไม่ประสบความสำเร็จตามแผนการ
ทั้งนายน้อยและคุณหนูต่างก็ปฏิเสธที่จะให้โอกาสพวกเขา เช่นนั้นอย่ามาตำหนิหาว่าพวกเขาไม่รักษามิตรภาพในอดีต!
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอ้า ไล่ออกเพราะทำผิดพลาดก็ถือว่าเมตตาแล้วนะ จะให้ฟ้องขึ้นโรงขึ้นศาลด้วยไหมว่าผิดพลาดเพราะอะไร
ไหหม่า(海馬)