แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1056 ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
ตอนที่ 1056 ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
ตอนที่ 1056 ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินม่ายโทรหาพ่อไป๋และคนอื่น ๆ โดยบอกพวกเขาอย่างมีความสุขว่า เมื่อคืนนี้พี่สาวใหญ่และพี่เขยของเธอตื่นมาและกินข้าวต้มคนละครึ่งชามได้แล้ว
ครั้งนี้เธอไม่ลืมที่จะแจ้งให้แม่ไป๋ทราบด้วย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่ไป๋เหยียนและสามีนอนไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาล แม่ไป๋มีความดีความชอบมากที่สุด หล่อนจึงมีสิทธิ์ที่จะทราบข่าวเกี่ยวกับไป๋เหยียนและหยางจิ้นที่อาการดีขึ้น
แม่ไป๋ร้องไห้ด้วยความดีใจเมื่อได้รับสายจากหลินม่าย หลินม่ายโทรหาหล่อนก่อนเช่นนี้ นั่นหมายความว่าหลินม่ายค่อย ๆ ให้อภัยหล่อนแล้วใช่ไหม?
ก่อนที่เถียนเถียนจะไปโรงเรียนในตอนเช้า น้าถูก็พาหล่อนไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคุณพ่อและคุณแม่
เด็กน้อยได้รับข่าวว่าไป๋เหยียนตื่นแล้ว ทันทีที่เข้ามาในห้องผู้ป่วย หล่อนก็รีบวิ่งเข้าไปพูดคุยอย่างร่าเริง “หนูปลุกคุณแม่สำเร็จแล้วใช่ไหมคะ?”
แม้การฟื้นขึ้นมาของไป๋เหยียนจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเถียนเถียน แต่เด็กน้อยก็ทำงานหนักทุกวันเพื่อพยายามปลุกผู้เป็นแม่
หลินม่ายลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างอารมณ์ดี “ใช่แล้วค่ะ คุณแม่ตื่นขึ้นมาได้เพราะเถียนเถียนเลยนะ!”
เถียนเถียนหอมแก้มคุณพ่อและคุณแม่ของหล่อน ก่อนจะกระตุ้นทั้งคู่ให้กินอาหารเยอะ ๆ จากนั้นเด็กน้อยก็ไปโรงเรียน
แม่ไป๋มาเยี่ยมในเช้าวันนี้เช่นกัน โดยนำกระติกใส่โจ๊กข้าวขาว เครื่องเคียงสองถึงสามอย่าง และเกี๊ยวน้ำถ้วยเล็กสำหรับหลินม่าย
ตอนแรกหลินม่ายปฏิเสธ แต่เมื่อมองดูดวงตาที่กระตือรือร้นของแม่ไป๋ เธอจึงใจอ่อนยอมรับมันมา
จนถึงตอนนี้ เธอทำได้เพียงปฏิบัติต่อแม่ไป๋ในฐานะคนธรรมดาเท่านั้น และนี่คือความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้แล้ว
หัวใจที่เย็นชาเป็นน้ำแข็งไม่สามารถกลับมาอบอุ่นได้โดยง่าย
แต่แม่ไป๋รู้สึกมีความสุขมากที่ม่ายจื่อไม่ปฏิเสธหล่อนอีกต่อไป
หลินม่ายและฟางจั๋วหรานที่ทำงานกะกลางคืนกลับบ้านด้วยกัน คุณย่าฟางเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พวกเขาแล้ว
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ หลินม่ายโทรหาเผิงอันน่า และบอกว่าจะไปหาแกนนำที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานแขวงของถนนซุ่ยเหรินเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้พี่เขยในวันนี้ จึงอยากถามเผิงอันน่าว่าอยากติดตามไปสัมภาษณ์ด้วยไหม
เผิงอันน่าครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบว่า “ฉันต้องขออนุญาตจากหัวหน้าก่อน จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากเขา”
หัวหน้าได้ยินเผิงอันน่าพูดว่า หลินม่ายผู้ประกอบการเอกชนชื่อดังกำลังจะไปยังสำนักงานแขวงของถนนซุ่ยเหรินเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่พี่เขย เขาจึงอนุมัติใบอนุญาตให้ไปสัมภาษณ์ทันที
ผู้ประกอบการเอกชนปะทะสำนักงานแขวง ข่าวนี้ค่อนข้างน่าสนใจ
นอกจากนี้เขายังเกลียดการบริหารของหน่วยงานระดับรากหญ้าบางแห่ง โดยเฉพาะคณะกรรมการเขตและสำนักงานแขวง ลุงป้าเจ้าหน้าที่พวกนั้นชอบเอาขนไก่ไปทำลูกศร [1]
เมื่อลูกสาวของเขาแต่งงาน หล่อนต้องไปที่คณะกรรมการท้องถิ่นเพื่อขอใบรับรองเพียงใบเดียว จากนั้นหล่อนจึงจะสามารถไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนเพื่อจดทะเบียนสมรส
เขาที่เป็นถึงรองหัวหน้าระดับแผนกในเวลานั้นต้องคลานต่อหน้าคุณป้าคณะกรรมการท้องถิ่นหลายคนและขอร้องด้วยรอยยิ้มประจบประแจง
ไม่เพียงแค่นั้น หากเขาไม่ให้ขนมแต่งงานครึ่งชั่งแก่ป้าใหญ่แต่ละคน พวกหล่อนสามารถหาข้อแก้ตัวมากมายที่จะไม่ออกใบรับรองให้ โดยที่เขาไม่สามารถร้องเรียนความทุกข์ทรมานเหล่านี้กับใครได้
ปรากฏการณ์ของสีหน้าน่าเกลียด คำพูดน่าเกลียด และข้ออ้างในการทำงานให้สำเร็จได้หายไปนานแล้วในอุตสาหกรรมบริการของรัฐและหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง ทว่าในคณะกรรมการท้องถิ่นและสำนักงานแขวงยังคงมีให้เห็นอยู่ไม่น้อย
ปล่อยให้คุณหลินจัดการพวกเขาให้เข็ดหลาบเสียบ้าง!
คณะกรรมการท้องถิ่นและสำนักงานแขวงบางแห่งต้องการแค่คนที่โหดเหี้ยมกว่ามาจัดการพวกเขา!
เผิงอันน่าบอกหลินม่ายว่าหัวหน้าของหล่อนอนุมัติแล้ว
หลินม่ายขับรถไปยังสถานีโทรทัศน์เพื่อรับเผิงอันน่าและคู่หูที่เป็นช่างภาพ จากนั้นจึงขับรถไปยังสำนักงานแขวงตรงถนนซุ่ยเหริน
เนื่องจากหยางจิ้นฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษที่สำนักงานของสำนักงานแขวงเมื่อเจ็ดวันก่อน หวงเหนียนอินผู้อำนวยการสูงสุดจึงออกคำสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในสำนักงาน
กลุ่มคนทั้งสามมาถึงสำนักงานแขวงและลงจากรถ ก่อนที่หลินม่ายจะเดินนำเข้าไปด้านใน
ยามที่ประตูรีบเข้ามาหยุดไว้ “พวกคุณเป็นใครครับ ถึงกล้าบุกเข้ามาโดยไม่ได้ระบุตัวตน ใครเป็นคนสั่งพวกคุณมา?”
ช่างภาพเริ่มบันทึกภาพแล้ว
ยามตะโกนใส่ช่างภาพด้วยความโกรธ “ใครอนุญาตให้คุณถ่าย? ถ้าไม่หยุดผมจะทุบกล้องของคุณซะ!”
เผิงอันน่าหัวเราะเยาะ “มาทุบเลยสิคะ ถ้ากล้าทุบฉันก็กล้าส่งคุณไปยังสถานีตำรวจเพื่อให้บทเรียน!”
ยามโกรธมาก แต่เขาไม่กล้าที่จะดำเนินการใด ๆ
หลินม่ายถามด้วยสีหน้าเย็นชา “ที่นี่คือสำนักงานแขวงใช่ไหม?”
ยามกลอกตาและตอบกลับ “ตาบอดหรือว่าอ่านไม่ออกหรือยังไง?”
หลินม่ายโต้กลับ “ฉันไม่ได้ตาบอดและฉันอ่านหนังสือได้ แต่เกรงว่าคุณต่างหากที่ตาบอดและอ่านไม่ออก!”
ยามที่เฝ้าประตูโกรธมากจนเส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผาก “นี่คุณกล้ามาบอกว่าผมตาบอดงั้นเหรอ?”
หลินม่ายกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่กล้าหรอกค่ะ แค่เรียนรู้จากคุณ”
ยามแทบหายใจไม่ออกด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่าน
หลินม่ายถามอย่างเฉียบขาด “ในเมื่อไม่ได้ตาบอด และอ่านหนังสือออก ก็คงรู้ว่านี่คือสำนักงานแขวง แล้วทำไมถึงไม่ปล่อยให้ประชาชนเข้าไปล่ะคะ? ตอนนี้แม้แต่หน่วยงานราชการจังหวัดยังอนุญาตให้คนยื่นคำร้องได้ แต่คุณซึ่งเป็นหน่วยงานระดับรากหญ้ากลับหยิ่งผยอง ใครเป็นหัวหน้าของคุณ?”
“ฉันเอง!” ป้าใหญ่ร่างท้วมผมหยิกสั้นเดินตรงเข้ามา
ป้าใหญ่คนนี้ก็คือผู้อำนวยการหวงเหนียนอิน ผู้นำสูงสุดประจำสำนักงานแขวงถนนซุ่ยเหริน
หล่อนออกมาหลังจากได้ยินรายงานของพนักงานต้อนรับ
หลินม่ายถาม “ทำไมไม่ปล่อยให้ประชาชนเข้าไปล่ะคะ?”
หวงเหนียนอินตอบกลับด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “ก็เพราะว่าฉันเป็นผู้นำของที่นี่ยังไงล่ะ!”
หล่อนรู้สึกคุ้นหน้าเผิงอันน่า จึงถามไปว่า “นี่คุณเป็นใคร?”
เผิงอันน่าชี้ไปยังสัญลักษณ์ของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนที่ติดอยู่บนกล้องและพูดประชดว่า “คุณไม่รู้จักโลโก้นี้เหรอคะ”
จากนั้นหวงเหนียนอินก็จำได้ว่าเผิงอันน่าเป็นนักข่าวของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน
หล่อนรู้สึกกลัวเล็กน้อย การถูกกล้องบันทึกภาพไม่ใช่เรื่องดี
“พวกคุณคือนักข่าวจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนนี่เอง ขออภัยที่หน้ามืดบอดไม่ทันสังเกต เข้ามาค่ะ กรุณามาเข้ามาด้านใน” ขณะกล่าว หวงเหนียนอินก็เปิดประตูกระจกที่ถูกล็อกจากด้านใน
หล่อนพูดอย่างใจดีกับเผิงอันน่าและเพื่อนร่วมงานที่เป็นตากล้อง “พวกคุณเข้ามาได้”
จากนั้นหล่อนมองหลินม่ายและพูดอย่างฉุนเฉียว “ส่วนคุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา!”
ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนไม่ใช่คนทั่วไปที่จะจัดการได้ง่าย หวงเหนียนอินได้คิดถึงมาตรการตอบโต้ไว้ในใจแล้ว
หล่อนจะแอบส่งซองแดงปึกหนาให้นักข่าวและช่างภาพจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน ดูสิว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรเธอได้!
หลินม่ายถามด้วยรอยยิ้มฝืน “ทำไมฉันเข้าไปไม่ได้คะ?”
“เพราะคุณมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา!”
เผิงอันน่าถาม “แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าหล่อนมาเพื่อสร้างปัญหาคะ?”
หวงเหนียนอินโบกมือและพูดด้วยท่าทางเหยียดหยาม “ฉันเคยเห็นตัวปัญหาประเภทนี้มาหลายครั้งแล้ว และรู้ทันทีว่าหล่อนเป็นคนยังไงตั้งแต่แรกเห็น!”
หลินม่ายถามด้วยรอยยิ้ม “คุณแน่ใจใช่ไหมคะว่าไม่ต้องการให้ฉันเข้าไป?”
“แน่ใจสิ!”
หวงเหนียนอินคิดว่าตราบใดที่สหายสองคนจาก CCTV ได้รับซองแดงปึกหนา ผู้หญิงคนนี้จะไม่มีใครสนับสนุนอีกต่อไป และหล่อนก็ไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรตนได้!
หลินม่ายเผยรอยยิ้มเหยียดหยาม ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า และต่อสายถึงรองนายกเทศมนตรีโดยตรง
เธออยู่ในเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว และมีเครือข่ายการติดต่อมากมาย การพูดคุยกับรองนายกเทศมนตรีไม่ใช่เรื่องยาก
รองนายกเทศมนตรีได้ยินรายงานของหลินม่ายทางโทรศัพท์ เขาโกรธมากและขอให้หลินม่ายเปิดลำโพงเพื่อให้หวงเหนียนอินได้ยินด้วย
ลำโพงของโทรศัพท์มือถือเสียงดังมากจนทุกคนได้ยินเสียงของรองนายกเทศมนตรีที่บอกหลินม่ายได้อย่างชัดเจน
หลินม่ายไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำสิ่งที่รองนายกเทศมนตรีเพิ่งบอก แต่ส่งโทรศัพท์มือถือให้หวงเหนียนอินโดยตรงและเพียงเฝ้าดู
หวงเหนียนอินตกใจมากจนขาทั้งสองอ่อนแรง แต่เผิงอันน่าที่อยู่ด้านข้างก็โจมตีหล่อนอีกครั้ง “มันจบแล้วล่ะค่ะ คุณทำให้สหายหลินม่ายผู้ประกอบการเอกชนชื่อดังขุ่นเคือง มาดูกันว่าสุดท้ายคุณจะเป็นยังไง!”
ใบหน้าอ้วนของหวงเหนียนอินซีดลงและปฏิเสธที่จะรับโทรศัพท์มือถือ หล่อนพูดว่า “คุณหลิน เราไม่มีความคับข้องใจในอดีต และไม่ได้เป็นศัตรูกันเลยในช่วงที่ผ่านมา โปรดปล่อยฉันไปด้วยเถอะค่ะ”
หลังจากนั้นก็โค้งคำนับให้หลินม่าย
หลินม่ายพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “ใครบอกว่าเราไม่มีความคับข้องใจและไม่ได้เป็นศัตรูกัน ความเกลียดชังระหว่างเรานั้นใหญ่หลวงเลยค่ะ พี่เขยของฉันถูกบังคับให้ดื่มยาฆ่าแมลง คุณลืมเรื่องใหญ่ได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ?”
เธอเขย่าโทรศัพท์มือถือ “รีบรับโทรศัพท์ไปสิคะ รองนายกเทศมนตรีกำลังถือสายรออยู่”
หวงเหนียนอินรับโทรศัพท์มือถือมาอย่างระมัดระวังและยกขึ้นแนบหู กรอกเสียงพูด “สวัสดีค่ะ” ด้วยความกลัว
เสียงอันดุดันของรองนายกเทศมนตรีดังขึ้นที่ปลายสายทันที “ได้ยินว่าคุณเป็นผู้อำนวยการสำนักงานแขวงใช่ไหม? คุณชื่อว่าอะไรนะ?”
หวงเหนียนอินตอบกลับไปด้วยความหวาดกลัว
รองนายกเทศมนตรีพูดทางโทรศัพท์ว่า “เอาล่ะ ผมจะจำไว้” แล้วเขาก็วางสายไป
หวงเหนียนอินตะลึงงันจนทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะหนึ่ง
………………………………………………………………………………………………………………
[1] 拿着鸡毛当令箭 เอาขนไก่ไปทำลูกศร สำนวนหมายถึง การใช้อำนาจที่ไม่สมควรโดยอาศัยข้ออ้างบางประการ
สารจากผู้แปล
โดนฟาดไปจุกๆ เป็นไงล่ะป้า ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่กี่ชาติก็ล้างอายไม่ได้อะบอกเลย
ไหหม่า(海馬)