แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1040 โน้มน้าวเย่เหลียงเฉิน
ตอนที่ 1040 โน้มน้าวเย่เหลียงเฉิน
ตอนที่ 1040 โน้มน้าวเย่เหลียงเฉิน
(TW: การฆ่าข่มขืน ฉากนองเลือด ความรุนแรง การฆาตกรรมปิดปาก การเผาทั้งเป็น การดื่มปัสสาวะ)
คุณปู่จูคิดว่า ตราบใดที่เขาขีดเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างเขากับหลานชาย ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี
แต่เมื่อตำรวจสอบถามจูซิ่งเซิ่งว่าพวกเขาได้เงินมาจากไหนเพื่อจ่ายค่าจ้างนักฆ่า จูซิ่งเซิ่งสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาขอสิ่งนี้จากคุณปู่ของเขา โดยอ้างว่าเพื่อใช้ทำธุรกิจ
ในขณะที่ตำรวจกำลังยืนยันว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงหรือไม่ พวกเขาก็ค้นพบโดยไม่คาดคิดว่าคุณปู่จูก่ออาชญากรรมในการรับสินบน ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงหนึ่งล้านหยวน
คุณปู่จูถูกจับกุมและทำการสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัย และมีแนวโมว่าจะต้องเผชิญกับผลร้ายแรง
แม้ว่าหม่าฉุนจะหลบหนีไป แต่เมื่อหมายจับถูกส่งออกมาแล้ว เขาก็ไม่พบว่าที่ไหนปลอดภัย และพยายามซ่อนตัวอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ
ท้ายที่สุดเขาถูกจับได้และถูกนำตัวส่งสถานีตำรวจเพื่อแลกกับเงินรางวัลนำจับ
แม้ว่าจูซิ่งเซิ่งและหม่าฉุนจะถูกจับกุม และนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเพียงข้อหาพยายามฆ่าและแทบจะไม่ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่หลินม่ายกลับต้องการให้พวกเขาตายไปเสีย
พวกเขาถึงขนาดกล้าโจมตีพ่อไป๋ที่เป็นคนอาวุโส เพราะกลัวว่าคดีจะสาวมาถึงตัว
หลินม่ายขอให้เหมาฉงตรวจสอบขยะทั้งสอง
หากพบคดีฆาตกรรมที่พวกเขาต้องรับผิดชอบในอดีต พวกเขาย่อมต้องถูกตัดสินประหารชีวิต
ฝั่งของเหมาฉงไม่มีความคืบหน้ามากนัก แต่เผิงอันน่าค้นพบเบาะแสมากมาย
ครั้งหนึ่งมีคนไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความ โดยกล่าวว่าจูซิ่งเซิ่งและหม่าฉุนจงใจทุบตีผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และข่มขืนหญิงสาวคนหนึ่งจนเสียชีวิตเช่นกัน
นอกจากการฆาตกรรมเหล่านี้แล้ว ยังมีคดีสำคัญอีกหลายสิบคดีที่ไม่ได้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่คดีทั้งหมดนี้ถูกปิดเงียบโดยอำนาจตระกูลจูและตระกูลหม่า
หากสามารถชักชวนญาติของเหยื่อฆาตกรรมเหล่านั้นให้แจ้งความ สัตว์ร้ายทั้งสองนี้จะต้องถูกตัดสินประหารชีวิต!
แต่ปัญหาก็มาถึง หลังจากที่คดีเหล่านั้นถูกปิดไป ตระกูลจูและตระกูลหม่าก็ได้ดำเนินการประหัตประหารอย่างไร้มนุษยธรรมต่อครอบครัวของเหยื่อเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขายื่นฟ้อง
โดยเฉพาะสามีภรรยาคู่หนึ่งจากครอบครัวเล็ก ๆ ซึ่งลูกสาวของพวกเขาก็งดงามราวกับดอกไม้แรกแย้ม
หล่อนบังเอิญไปสบตากับสัตว์ร้ายเหล่านั้น พวกมันจึงลากหล่อนออกจากบ้าน
สัตว์ร้ายทั้งสองผลัดกันกระทำชำเราหล่อน แต่เด็กสาวคนนั้นเป็นคนกล้าหาญ หล่อนขู่ว่าจะไปสถานีตำรวจเพื่อฟ้องร้องและจับพวกเขาเข้าตาราง
สัตว์ร้ายทั้งสองไม่รอช้าลากเด็กสาวไปที่ชานเมือง แล้วราดน้ำมันจุดไฟเผาหล่อนทั้งเป็น ทำลายร่างกายของหล่อนและทำลายหลักฐานทั้งหมด
พ่อแม่ของเด็กสาวรออยู่ที่บ้านเป็นเวลาหลายวัน แต่ไม่เห็นลูกสาวกลับมาสักที จึงไปหาสัตว์ร้ายทั้งสองเพื่อขอความช่วยเหลือ
สัตว์ร้ายสองตัวใส่ร้ายป้ายสีเด็กสาว โดยบอกว่าหล่อนหนีไปพร้อมกับนักธุรกิจชาวฮ่องกง
พ่อแม่ของเด็กสาวโทรแจ้งตำรวจ แต่ทางตำรวจปฏิเสธที่จะดำเนินคดีเนื่องจากหลักฐานอ่อนเกินไป และเด็กสาวคนนั้นอาจเดินทางไปค้าประเวณีต่างเมืองด้วยตัวเอง
ทั้งคู่วางแผนที่จะยื่นอุทธรณ์ แต่ก่อนที่จะได้ดำเนินการ พวกเขาก็หายตัวไปอย่างปริศนา ทำให้ปัจจุบันในครอบครัวเหลือลูกชายเพียงคนเดียว
ลูกชายของพวกเขากลายเป็นคนเสียสติเพราะการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในครอบครัว และไม่มีใครสื่อสารกับเขาได้
ญาติของเหยื่อต่างหวาดกลัวมาก ไม่ว่าหลินม่ายและเสิ่นเสี่ยวผิงจะพยายามอธิบายถึงเจตนาของพวกเธออย่างไร พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะไปแจ้งความ
พวกเขาแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุขโดยไม่ต้องหวาดระแวง
ตอนนี้มีเพียงเย่เหลียงเฉินน้องชายของเหยื่อผู้ถูกสัตว์นรกทั้งสองเผาทั้งเป็นที่พวกเธอยังไม่ได้ลองโน้มน้าว
หลินม่ายวางแผนที่จะลองดู
จะเป็นอย่างไรหากเย่เหลียงเฉินแสร้งทำเป็นเสียสติเพื่อหนีเอาชีวิตรอด?
หลินม่ายถามเหมาฉงเกี่ยวกับย่านที่เย่เหลียงเฉินอยู่ และขับรถตรงไปที่ประตูตี้อันเหมิน
เธอเห็นเย่เหลียงเฉินยัดอาหารจากถังขยะเข้าปาก ขณะที่กลุ่มเด็กเกเรยืนล้อมรอบและล้อเลียนเขา ไม่เพียงเขาจะไม่โกรธเท่านั้น แต่ยังหัวเราะเริงร่าไปกับเด็กเหล่านั้น
เด็กชายอายุราวหกขวบปัสสาวะใส่ขวดเครื่องดื่มเปล่า เขายื่นให้เย่เหลียงเฉินและเร่งรัดอีกฝ่าย “ไอ้บ้า ดื่มไอ้นี่เสียสิ”
เย่เหลียงเฉินรับมันมาอย่างโง่เขลาและทำท่าจะเทเข้าไปในปากตัวเอง
เด็กเลวคนอื่น ๆ ปรบมือและเร่งเร้าเขา “ดื่มเลย! ดื่มเลย!”
หลินม่ายหยุดรถและรีบวิ่งออกไป “อย่าดื่ม!”
เธอคว้าขวดปัสสาวะจากมือของเย่เหลียงเฉิน จากนั้นจับตัวเด็กเลวคนนั้นและเทมันลงปากของเขา “ในเมื่อบอกว่ามันดื่มได้ ก็ดื่มมันเองสิ!”
หลินม่ายไม่เคยเชื่อว่ามนุษย์เราจะเป็นคนดีโดยเนื้อแท้ และยังเชื่อว่าเนื้อแท้คนเราล้วนเป็นคนชั่วช้า
ตัวอย่างเช่นใช้แว่นขยายเผามด จับแมลงปอมาถอดปีก และจับตั๊กแตนมาถอดขาหลังออก
สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างโหดร้ายในสายตาของผู้ใหญ่ แต่มันไม่ใช่การกระทำที่โหดร้ายสำหรับเด็ก แล้วยังรู้สึกดีที่ได้ทำ
เด็ก ๆ สามารถทำเรื่องที่น่ากลัวได้เมื่อพวกเขาประพฤติตัวไม่เหมาะสม
เด็กเลวดิ้นรนปฏิเสธที่จะดื่มปัสสาวะของตัวเองพร้อมตะโกนเสียงดัง “แม่ ช่วยผมด้วย!”
หลินม่ายแค่ขู่และไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาดื่มจริง ๆ ขณะที่เธอกำลังสั่งสอนเขา ผู้หญิงร่างอ้วนเตี้ยแต่งตัวธรรมดาก็รีบวิ่งเข้ามาราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ “ถ้าแกกล้ารังแกลูกฉัน ฉันจะเอาแกให้ตาย!”
หลินม่ายจะทักษะการป้องกันตัวและโยนผู้หญิงคนนั้นลงพื้น “คุณเองก็อยู่ตรงนั้น ตอนที่ลูกชายของคุณกำลังรังแกเด็กจรจัด คุณไม่คิดจะทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่พอฉันขู่ลูกชายคุณหน่อย คุณกลับวิ่งแจ้นออกมาทันที”
“ดี ถ้างั้นฉันไม่สั่งสอนลูกชายของคุณ แต่สั่งสอนคุณแทน กินฉี่ในขวดนี้ซะสิ” หลินม่ายยกหญิงสาวขึ้นจากพื้นโดยใช้แขนข้างหนึ่งล็อกคอ ส่วนมืออีกข้างก็กรอกปัสสาวะในขวดใส่ปากหล่อน
เด็กเลวเห็นแบบนั้นก็กังวลและรีบกระโดดออกมา “อย่าให้แม่ผมดื่มฉี่ในขวดเลยนะ ขอร้องล่ะ ฮือ ๆๆ”
หลินม่ายถาม “แล้วทำไมเธอถึงปล่อยให้คนจรจัดกินฉี่เธอล่ะ?”
เด็กเลวพูดอย่างมั่นใจ “ก็เขาเป็นแค่คนโง่ไม่ใช่เหรอ?”
“งั้นฉันไม่ชอบแม่เธอ ก็เลยจะให้หล่อนกินฉี่ ทำไมเธอถึงต้องมาหยุดไว้ล่ะ?”
เด็กเลวไม่สามารถตอบได้
หลินม่ายสั่งสอนเขาเกี่ยวกับการมีน้ำใจ จากนั้นจึงปล่อยผู้เป็นแม่ไป
แม้หลินม่ายจะไม่ใช่คนใจดี แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่เคยคิดทำร้ายคนอื่น และยิ่งเห็นคนที่ตกทุกข์ได้ยาก เธอก็จะเข้าไปช่วยเหลือทันที
หลินม่ายเตือนแม่ของเด็กนิสัยไม่ดีว่าอย่าละเลยการศึกษาของลูก โดยบอกว่าหากไม่ให้การศึกษาแก่ลูกตัวเอง สังคมจะสั่งสอนเขาแทนเธอ
แม่ของเด็กเลวทำเป็นเชื่อฟังต่อหน้า แต่เมื่อหลินม่ายหันหลังกลับไป หล่อนก็คว้าอิฐขึ้นมาจากพื้นและเหวี่ยงทุบไปที่ท้ายทอยของหลินม่าย
จู่ ๆ เย่เหลียงเฉินก็เซเข้ามาชนหลินม่ายจนเธอเสียหลัก ขณะเดียวกันเขาก็เซถลาไปอีกทางและล้มหน้าคะมำ กระทั่งเลือดกำเดาไหลเลอะทั่วใบหน้า
ส่งผลให้อิฐก้อนนั้นโดนศีรษะเด็กเลวแตกจนเลือดไหลทะลักออกมาอย่างล้นหลาม
เด็กเลวเดินกะโผลกกะเผลกและล้มลงกับพื้น
เมื่อแม่ของเด็กเลวเห็นลูกชายล้มหมดสติจมกองเลือด หล่อนก็ตกใจมากจนขว้างก้อนอิฐทิ้งและตะโกนเรียกชื่อเด็กชาย “หยางหยาง ลูกเป็นอะไรไป? อย่าทำให้แม่ตกใจนะ!”
เพื่อนบ้านเตือนให้หล่อนพาเด็กไปโรงพยาบาลโดยเร็ว หญิงคนนั้นจึงรีบจากไปโดยอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขน
ณ มุมหนึ่งห่างออกไปไม่ไกล ฉีฟางกำลังจับตามองหลินม่าย เมื่อเห็นผู้หญิงวัยกลางคนอุ้มเด็กวิ่งออกไป หล่อนก็ครุ่นคิดเพียงครู่และเดินตามพวกเขา
หลินม่ายมองเย่เหลียงเฉินอย่างสงสัย ท่าทางที่เขาพยายามดิ้นรนลุกขึ้นจากพื้นดินนั้นยังคงดูเหมือนคนโง่เขลาที่ไม่มีสติ
เมื่อเห็นว่าเขายังมีเลือดไหลออกจากจมูก หลินม่ายก็พูดด้วยความเป็นห่วง “ไปโรงพยาบาลกันเถอะ”
เย่เหลียงเฉินเช็ดเลือดกำเดาไหลอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเดินไปคุ้ยถังขยะต่อ เมื่อเห็นอาหารที่พอกินได้ เขาก็ยัดมันเข้าปาก
หลินม่ายปัดอาหารสกปรกออกจากมือ ทำให้เขาตะโกนโวยวายด้วยความไม่พอใจและหยิบมันมากินอีกครั้ง
หลินม่ายเดินตามเขาและพูดว่า “เย่เหลียงเฉิน ฉันรู้ว่าเธอมีสติดี ฉันมาที่นี่เพื่อบอกเธอว่าสัตว์เดรัจฉานจูซิ่งเซิ่งและหม่าฉุนสองตัวที่ฆ่าพี่สาวของเธอถูกจับได้ทั้งคู่เพราะพยายามฆ่าพ่อของฉัน ฉันอยากให้พวกมันถูกประหารชีวิต แต่ฉันถามทนายความแล้ว คดีความของพ่อฉันไม่เพียงพอที่จะให้พวกมันรับโทษประหารชีวิต เธอช่วยให้ความร่วมมือกับฉันส่งสัตว์ร้ายทั้งสองให้รับโทษประหารชีวิต เพื่อล้างแค้นให้กับพี่สาว รวมถึงพ่อแม่ของเธอที่หายไปได้ไหม?”
เย่เหลียงเฉินไม่แม้แต่จะสนใจ ขณะควานหาอาหารในถังขยะอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง หลินม่ายถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เธอไปซื้อตับทอดชามใหญ่และหมั่นโถวหนึ่งถุงมาวางให้เขา จากนั้นจึงขับรถออกไป
เย่เหลียงเฉินหยุดคุ้ยขยะ ดวงตามึนงงของเขาพลันแจ่มชัด เขามองดูรถของหลินม่ายที่ขับออกไป ขณะที่น้ำตาใสเริ่มเอ่อล้นออกมา
ห้าปีผ่านไปแล้ว ห้าปีผ่านไปแล้วเต็มๆ!
เขาแสร้งทำเป็นคนเสียสติและโง่เขลาเพื่อเอาชีวิตรอด เพื่อเฝ้ารอโอกาสในสักวันหนึ่งที่จะล้างแค้นให้พ่อแม่และพี่สาวที่เสียชีวิต โอกาสดังกล่าวได้มาถึงเขาแล้วใช่ไหม?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เลวชาติมากเดรัจฉานสองตัวนี้ สมควรโดนโทษประหารค่ะ แต่ก่อนโดนประหารขอให้พวกมันได้ทุกข์ทรมานก่อนนะคะ ดูแต่ละอย่างที่ทำกับเหยื่อสิ ใช่สิ่งที่มนุษย์ทำกันเหรอ พูดแล้วก็อดนึกถึงสังคมบ้านเราไม่ได้ กี่คดีแล้วที่เหยื่อต้องทรมานโดยที่คนผิดยังคงลอยนวลใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
กรรมตามสนองแล้ว จะทำร้ายคนอื่น ดันกลายเป็นทำร้ายลูกตัวเอง เกิดลูกตัวเองไม่ฟื้นมาก็เท่ากับฆ่าลูกตัวเองเลยนะ
ยัยฉีฟางจะอาศัยช่วงชุลมุนทำอะไร ขอให้แพ้ภัยตัวเองนะคะ ปั่นเก่งนัก
ไหหม่า(海馬)