แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - ตอนที่ 157 ใครไม่เคยรักคนเลวบ้าง / บทที่ 158 แก้แค้น
บทที่ 157 ใครไม่เคยรักคนเลวบ้าง
เจียงเยียนหรานรู้สึกรันทดใจ “หึ ฉันโหดเ**้ยม ฉันต้องการยกเลิกสัญญางานแต่ง? ใครกันแน่ที่พูดต่อหน้าทุกคนว่าสัญญางานแต่งไม่มีอยู่จริง บอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉันทั้งสิ้น? ฉันก็แค่ทำตามความต้องการของคุณเท่านั้นเอง ทำไม พูดผิดหรือ?”
นัยน์ตาซ่งจื่อหังมีแววเย็นชาแวบผ่าน “เจียงเยียนหราน คุณอย่าเอาเรื่องนั้นมาพูดตอนนี้! ผมเตือนคุณนะ ทางที่ดีคุณกลับไปถอนคำพูดเรื่องยกเลิกสัญญาแต่งงาน แล้วร่วมมือเรื่องการสั่งซื้อสินนั้นกับตระกูลซ่ง แน่นอน ถ้าคุณต้องการจะยกเลิกสัญญาก็ได้ เพื่อเป็นการชดใช้ ต้องเอาออเดอร์นั้นโอนมาให้ตระกูลซ่ง
แบบนี้ผมก็ฝืนทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่อย่างนั้น คุณอย่าคิดว่าชาตินี้ผมจะให้อภัยคุณเลย! อย่ามาท้าทายความอดทนผม คุณจะทำตามอำเภอใจแต่ก็ต้องมีขอบเขตจำกัด!”
ท่าทีนี้ของซ่งจื่อหัง เหมือนว่าอยากจะกินเจียงเยียนหรานเข้าไป คิดว่าทั้งหมดที่เธอทำเพื่อต้องการจะบังคับให้เขาเปลี่ยนใจ คิดว่าเธอยังรักตัวเองอยู่มาก คิดว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้แค่เขาโกรธก็จะยอมทำตามประนีประนอม
มองดูผู้ชายตรงหน้าที่ตัวเองเคยชอบมาตั้งหลายปี ฟังคำพูดที่ไร้ยางอายแต่ละประโยค ในที่สุด ประกายในแววตาของเจียงเยียนหรานประกายสุดท้ายก็ดับลง “ซ่งจื่อหัง คุณทำให้ฉันรังเกียจจริงๆ”
“เธอ!” ซ่งจื่อหังมองเบื้องหลังของหญิงสาวที่เดินออกไปโดยไม่สนใจใยดี สีหน้าโกรธจัด
ที่หอพักหญิง
หลังกลับมา เยี่ยหวั่นหวันสังเกตได้ว่าสีหน้าเจียงเยียนหรานดูไม่ค่อยดี “เธอโอเคไหม?”
เจียงเยียนหรานยิ้มอย่างขมขื่น “อยู่ดีๆ ก็รู้สึกกลัว ถ้าฉันไม่เห็นธาตุแท้ของผู้ชายคนนี้ก่อน สุดท้ายแล้วฉันจะมีจุดจบยังไง?”
คิดถึงจุดจบของเจียงเยียนหรานชาติที่แล้ว เยี่ยหวั่นหวันก็เจ็บปวดใจขึ้นมา
เยี่ยหวั่นหวันเข้าใจความรู้สึกเธอที่ฝันสลายได้เป็นอย่างดี ถอนหายใจแล้วพูด “เสียใจด้วยนะ ตอนวัยรุ่นมีใครไม่เคยรักคนเลวบ้าง!”
เจียงเยียนหรานโดนเธอล้อหลุดขำออกมา “พูดไปแล้วพวกเราเหมือนจะเข้าใจกันและกันดี ที่จริงฉันก็แปลกใจมาตลอด เมื่อก่อนเธอชอบกู้เยว่เจ๋อมากขนาดนั้น ทำไมอยู่ๆ ถึงคิดได้?”
สายตาเยี่ยหวั่นหวันนิ่งลง พูดเสียงเรียบ “ก็แค่บังเอิญไปรู้ความจริงบางอย่างเข้าเท่านั้นเอง”
……..
หลายวันต่อมา เพราะผลการเสนอราคายังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ มีคนจำนวนน้อยเท่านั้นที่รู้ผล ภายนอกยังไม่รู้กัน
เพราะก่อนหน้านี้ซ่งจื่อหังโอ้อวดไว้ เหล่านักเรียนในโรงเรียนต่างคิดว่าตระกูลซ่งชนะ หลายวันนี้เจอใครทุกคนต่างก็เข้ามาแสดงความยินดีกับซ่งจื่อหัง ต่างใช้สารพัดวิธีเข้าใกล้เข้า
เฉินเมิ่งฉีรู้สึกชัดเจนว่าหลายวันนี้ซ่งจื่อหังดูใจลอย และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเห็นเจียงเยียนหรานสวยขึ้นเลยหวั่นไหว หรือว่าคิดจะหวังสูง
ไม่ว่ายังไง เธอไม่สามารถปล่อยให้เหยื่อที่อยู่ในมือหนีไปได้อีก เลยเอาใจใส่ซ่งจื่อหังไม่น้อยเลย วันเสาร์ยังเป็นฝ่ายนัดเขาออกไปก่อนด้วย
แต่ละวันที่ไม่ได้ออเดอร์กลับมา ซ่งจื่อหังก็อยู่อย่างไม่เป็นสุข แต่จนถึงตอนนี้เขายังมีความหวัง ว่าท้ายที่สุดแล้วเจียงเยียนหรานจะต้องยอมประนีประนอมแน่นอน เลยไม่กลัวเท่าไร
ตอนที่พาเฉินเมิ่งฉีออกไปเดินเล่นข้างนอก ก็ได้รับโทรศัพท์จากที่บ้านอีกครั้ง
อีกฝากของมือถือมีเสียงแม่เขาโกรธจัดถึงขีดสุดพูดขึ้นมาทันที “จื่อหัง ครั้งนี้ตระกูลเจียงตัดขาดจริงๆ แล้ว! ตอนนี้แม้แต่หน้าเจียงไห่เฉาพวกเรายังไม่ได้เจอเลย! แค่ชี้นิ้วมาก็สามารถช่วยเหลือให้หมดปัญหาได้แล้ว แต่เขากลับยอมให้เครื่องจักรที่บริษัทเราซื้อมาในราคาแพงทั้งหมดใช้การไม่ได้ และไม่ยอมร่วมมือกับพวกเรา นี่เห็นได้ชัดว่าจงใจบีบให้พวกเราตาย!”
“ไอ้สัตว์ร้าย! กล้าทำแบบนี้กับพวกเรา!” ซ่งจื่อหังได้ยินก็ระเบิดอารมณ์
………………………………………………………..
บทที่ 158 แก้แค้น
ท่ามกลางความสิ้นหวัง เสียงคุณแม่ซ่งฟังดูคุ้มคลั่ง “แม่จะไม่ยอมปล่อยพวกนั้นไป แม่ไม่มีทางปล่อยพวกนั้นแน่! หึ เจียงไห่เฉา! เขาคิดว่าหลบหน้าไม่เจอแม่แล้วจะไม่เป็นอะไรหรือ? คิดจะให้ลูกสาวไปแต่งกับคนที่ดีกว่า? ไม่มีทาง! แม่จะทำให้นางนั่นเสื่อมเสียชื่อเสียง! ให้ทุกคนรู้ว่าพวกตระกูลเจียงทำลายสัญญาอย่างไม่มีสัจจะ! แม่จะดูว่าต่อจากนี้ใครจะต้องการผู้หญิงชั้นต่ำของตระกูลเจียง!”
“แม่? แม่คิดจะทำอะไร?”
“ลูกไม่ต้องสนใจ! แม่จะต้องแก้แค้นให้ลูกเอง!”
“เดี๋ยวก่อน! แม่? แม่!”
อีกฝากของมือถือสายตัดไปแล้ว
เฉินเมิ่งฉีเดินเข้าไปถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “จื่อหัง เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ใครโทรมา?”
“ไม่มีอะไร…” ซ่งจื่อหังส่ายหน้า รู้สึกไม่สงบ จนถึงตอนนี้ตระกูลเจียงยังยืนหยัดไม่เลิก?
เฉินเมิ่งฉีคิดแค่อยากจะแย่งชิงกับเจียงเยียนหราน ไม่ได้คิดอะไรมาก “งั้นพวกเราไปถ่ายสติกเกอร์กันเถอะ! ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคนเยอะแล้วต้องต่อแถว!”
เธอสรุปว่าที่ซ่งจื่อหังผิดปกติไปหลายวันนี้นั้นเป็นเพราะเจียงเยียนหรานนั้นวางแผนก่อกวน
เดี๋ยวก็แต่งตัวสวยเรียกแขก เดี๋ยวก็ไปสนิทอี๋อ๋อกับฉู่เฟิง คิดว่าเธอไม่รู้แผนการที่แท้จริงหรือไง?
ถ้าเจียงเยียนหรานไม่ลงมือมาแย่งชิงกับเธอ บางทีเธออาจจะไม่ต้องลงแรงขนาดนี้ก็ได้ สำหรับเธอแล้ว ยิ่งมีคนมาแย่งของกับเธอ ก็หมายความว่ายิ่งมีมูลค่า ตอนที่ได้มาเธอจะยิ่งมีความสุข
ที่โรงเรียนมัธยมชิงเหอ
อีกไม่กี่วันก็จะมีงานแสดงศิลปะแล้ว วันหยุดนี้ นักเรียนทุกคนส่วนใหญ่ไม่ได้กลับบ้าน ทุกคนต่างยุ่งกับการตกแต่งหอประชุมและซ้อมใหญ่กันอยู่
ในหอประชุมใหญ่ที่จัดงาน แต่ละชั้นเรียนต่างเข้าคิวฝึกซ้อมอยู่ ผู้คนต่างเดินกันให้ขวักไขว่ คึกครื้นเป็นพิเศษ
การแสดงของชั้นม.หกห้อง A คือระบำบัลเล่ต์ เจียงเยียนหรานและเฉินเมิ่งฉีต่างร่วมแสดงด้วย
“ห้อง A! ต่อไปเป็น ‘สวอนเลก’ ของห้อง A คนมาครบหรือยัง?” พิธีกรถาม
“เดี๋ยวก่อน! ยังขาดอีกหนึ่งคน! กำลังมาอยู่ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว!” หัวหน้าทีมเต้นของห้อง A ตอบ
“ให้เธอรีบหน่อย!”
“รู้แล้วรู้แล้ว!”
“ห้องเราใครยังมาไม่ถึงบ้าง?” มีคนถาม
“เฉินเมิ่งฉี วันนี้เธอออกไปข้างนอก” หัวหน้าทีมตอบ
“ออกไปข้างนอก? ไปไหน? ขนาดมีซ้อมใหญ่ยังมาสาย!”
“ตอนเช้าเหมือนว่าเห็นเธอกับซ่งจื่อหังออกไปข้างนอกด้วยกันนะ!” มีคนตอบเสียงเบา
“อ้อ— “ทันใดนั้นทุกคนต่างพูดแบบนึกขึ้นมาได้ ในขณะเดียวกันก็มองอย่างสนใจไปทางเจียงเยียนหรานที่ยืดเท้าอยู่ในมุม จากนั้นพูดกระซิบกระซาบเสียงเบา
“เฉินเมิ่งฉีกับซ่งจื่อหังน่าจะคบกันแล้วใช่ไหม?”
“ดูท่าทางแบบนี้แล้วใช่แน่นอน! อย่าว่าแต่หนุ่มหล่อสาวสวยที่ดูเหมาะสมกันมากเลย! ไม่เหมือนบางคน ตามตื๊อไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงขั้นโกหกเรื่องน่าขำอย่างสัญญางานแต่งตั้งแต่เด็กได้ด้วย!”
“จริงด้วย เห็นชัดว่าตัวเองเป็นค้อนด้ามโตที่ไปทุบตีคู่เขา แล้วยังคิดใส่ร้ายว่าเฉินเมิ่งฉีเป็นมือที่สามอีก!”
เวลาปกติบุคลิกเจียงเยียนหรานดูเย่อหยิ่งจองหอง ทำหลายคนไม่พอใจ อีกทั้งเธอมีความสามารถโดดเด่น เต้นรำก็เก่งที่สุด คนที่อิจฉาเธอเลยมีเยอะ ตอนนี้ต่างก็ถือโอกาสเหน็บแนมเธอกันแน่นอน
ตอนที่ถึงคิวซ้อมของห้อง A ที่หน้าประตู ทันใดนั้นมีหญิงวัยกลางคนใส่ชุดกี่เพ้าสีกรมท่าผลักฝ่าฝูงคนแล้วพุ่งตรงตรงมาทางเวที
ในหอประชุมมีแต่นักเรียนทั้งหมด อยู่ๆ มีหญิงวัยกลางคนแปลกหน้าเข้ามา ทุกคนต่างมองไปทางผู้หญิงคนนั้น
มีบางคนจำได้ว่านั่นคือแม่ของซ่งจื่อหัง
ทุกคนเห็นแค่ใบหน้าผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ใส่ส้นสูงเดินตรงไปทางเจียงเยียนหราน จากนั้นไม่พูดอะไรสักคำ ตบเข้าไปที่หน้า “เธอมันนางแพศยาหน้าด้าน!”