แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน - ตอนที่ 7.1 ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน ไข้ของแอนนา(ในมุมมองของอนาสตาเซีย)
- Home
- แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน
- ตอนที่ 7.1 ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน ไข้ของแอนนา(ในมุมมองของอนาสตาเซีย)
ฉันมีอาการไข้ขึ้นอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมีไข้ตั้งแต่ท่านจิโน่ได้เริ่มมาเยี่ยมเยือนคฤหาสน์ของพวกเรา…
การทักทายท่านจิโน่เมื่อเขามาถึงยังโถงทางเข้าในทุกๆเช้าและร่วมทางกับเขาไปถึงยังห้องทำงานเป็นสิ่งที่ฉันคอยเฝ้ารอเป็นอย่างมาก แต่เหล่าข้ารับใช้ต่างหยุดฉันเอาไว้ในวันนี้เนื่องจากอาการไข้ขึ้นสูง
ไม่มีอะไรที่ฉันทำได้กับเรื่องนี้ ฉันจึงยอมเข้านอนอย่างว่าง่ายและหวังว่าฉันจะอาการดีขึ้นอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
นั่นก็เพราะว่าฉันจะออกไปต้อนรับท่านจิโน่ในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน
มีคนคอยเปลี่ยนผ้าชุบน้ำบนหน้าผากฉัน และในตอนที่ฉันตื่นขึ้นนั้นเอง
“แอนนา!”
ท่านจิโน่ปรากฎสู่สายตาของฉันในตอนที่เขาเรียกชื่อฉัน
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
ท่านจิโน่เอ่ยออกมา เขาดูเหมือนเป็นห่วงฉันอย่างมากในขณะที่สายตาจ้องมองมาที่ฉัน
ฉันมองเขากลับไป มันรู้สึกราวกับเรากำลังอยู่ในฝันซ้อนฝัน แต่ความร้อนแรงจากสายตาของท่านจิโน่ทำเอาฉันตื่นเต็มตาจากอาการสะลึมสะลือ
“ได้โปรดอย่าเป็นห่วงขนาดนั้นเลยค่ะ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ”
เขาจ้องมองมาที่ฉันด้วยความกระอักกระอ่วน ฉันจึงพยายามที่จะปลอบเขาด้วยรอยยิ้มเพื่อให้เขาวางใจ
“คุณคงจะหิวน้ำสินะ? อยากได้ผลไม้เย็นๆสักหน่อยไหม?”
ท่านจิโน่สอดแขนเข้ามาที่ด้านหลังฉันและช่วยพยุงฉันลุกขึ้นมานั่งในขณะที่ถามฉันเช่นนั้น
“ทะ-ทะ-ท่านจิโน่!?”
กรี๊ดดดดดดดดด!!!
นะ-นี่เรายังอยู่ในความฝันอยู่งั้นหรือ!?
ท่านจิโน่กำลังกุมไหล่ของเราอยู่
ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่มาจากไหล่ทั้งสองข้างที่ถูกสัมผัสโดยแขนของเขา
ใบหน้าท่านจิโน่อยู่ข้างๆเรานี้เอง แต่เราคงจะต้องเป็นลมแน่หากเรามองเขาตรงๆจากระยะใกล้ขนาดนี้
เราเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ไม่ไหว
ฉันยังอยู่บนเตียงและยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย…………
เอ๊ะ?
คุณพระะะะะะะ จริงด้วย!!
ฉัน ‘ยัง’ อยู่บน ‘เตียง’
ผู้หญิงกับผู้ชายที่ยังไม่แต่งงานกันไม่ควรที่จะแตะเนื้อต้องตัวกันตอนอยู่ บนเตียง
ทะ-ทะ-ทะ-ทะ-ทำยังไงดี ทำยังไงดีล่ะทีนี้!?
“คุณดื่มไหวไหม?”
ท่านจิโน่ยื่นแก้วน้ำมาให้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้
“คุณหนู ดิฉันเอาหมอนมาวางไว้ให้ตรงนี้นะคะ ได้โปรดพักผ่อนร่างกายตรงนี้เถอะค่ะ”
บริดจ์เจ็ตได้เตรียมหมอนเอาไว้สำหรับให้ฉันเอนตัวพิง ฉันจึงรีบขยับออกห่างท่านจิโน่อย่างรวดเร็ว
ในหัวของฉันปั่นป่วนไปหมด; เมื่อกี้นี้ฉันได้กำลังจินตนาการถึงอะไรที่มันน่าขายหน้าและไม่สมเป็นสตรีไปเสียแล้ว ฉันจึงหวังเหลือเกินว่าท่านจิโน่จะไม่รู้ตัว
โอ๊ะ ฉันเข้าใจว่าไม่มีทางที่คนเราจะอ่านความคิดของคนอื่นและรู้ว่าอะไรอยู่ภายในใจ
แต่ถึงกระนั้น ฉันก็มีความรู้สึกราวกับว่าท่านจิโน่จะได้ยินเสียงความคิดของฉันผ่านที่ที่เขาสัมผัสในขณะที่ฉันอยู่ในอ้อมแขนของเขา ฉันจึงลนลานไปหมด
ถ้าหากเค้ารู้ล่ะก็ งั้น…ฉันคงไม่มีทางเลือกนอกจากดื่มยาพิษในฐานะสตรีคนหนึ่ง
ฉันยังคงนึกถึงสัมผัสและความอบอุ่นของความแข็งแรง, กล้ามแขนของท่านจิโน่วนเวียนอยู่ในหัว แต่ฉันก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะทิ้งความคิดพวกนั้นไป
ฉันคงจะต้องหมดสติแน่ๆหากยังปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับเรื่องเหนือจินตการแบบนั้น
นี่มันน่าอับอายจนเราไม่กล้าสู้หน้าท่านจิโน่แล้ว
“…เอ่อ…เอิ่ม…คุณหิวไหม? ผมได้ยินมาว่าคุณยังไม่ได้กินอาหารกลางวันเลย”
ท่านจิโน่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ฉันจึงเริ่มหยุดความคิดที่ไม่เป็นระเบียบในหัวไว้ได้
“…นิดหน่อยค่ะ…”
ฉันประหม่ามากจนถึงขนาดฉันกังวลว่าเสียงของฉันจะเปล่งออกมาไหม โชคดีพอที่ฉันสามารถจะตอบเขากลับไปได้
หลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกๆและดื่มน้ำผลไม้ไปบ้าง ฉันจึงเริ่มใจเย็นลงและเรียกความเยือกเย็นกลับมาได้
หัวใจฉันยังคงเต้นตึกตักอยู่ข้างในอก
“ท่านมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ท่านจิโน่?”
ฉันเอ่ยคำถามกับท่านจิโน่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“ผมมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อสามชั่วโมงก่อนแล้วล่ะ”
“สามชั่วโมง!? คงจะน่าเบื่อสำหรับท่านแย่เลยสินะคะ”
นั่นมันน่าตกใจมาก
เขาไม่ใช่ข้ารับใช้ แต่ก็ยังอุตส่าห์มาอยู่เคียงข้างเราถึงสามชั่วโมง
เขาคงจะต้องเบื่อแย่แน่ๆ
“จะไปเบื่อได้ยังไง ผมสามารถที่จะมองใบหน้าของแอนนาตอนกำลังหลับได้ อีกอย่าง ผมรู้สึกวุ่นวายใจมากกว่าจะรู้สึกเบื่อเสียอีก”
“…ใบหน้าตอนกำลังหลับ…”
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…
เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าบางทีท่านจิโน่จะใช้เวลากว่าสามชั่วโมงนั่นนั่งดูใบหน้าเราตอนหลับ?
เรายังไม่แม้แต่จะแต่งหน้าเลย แล้วใบหน้าในตอนนี้ก็ไม่เรียบร้อยนัก แต่ก็ยัง…
เห้อ
ถ้าหากเรารู้ว่าท่านจิโน่จะมา อย่างน้อยๆเราคงแต่งหน้าก่อนจะเข้านอน
โอ๊ะ ตายแล้ว นี่เรานอนน้ำลายไหลหรือเปล่าเนี่ย?
มีหลายๆอย่างที่กวนใจฉัน แต่ฉันก็ไม่กล้าที่จะเอ่นถามท่านจิโน่ในเรื่องเหล่านั้นออกไป
ความอายในอีกแง่หนึ่งได้พรั่งพรูออกมาจากอกของฉัน ราวกับจะกลืนกินเราอย่างไรอย่างนั้น…
หลังจากนั้นท่านจิโน่ก็คุยกับเราเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
ในทีแรกฉันรู้สึกไม่สบายใจ แต่แค่พริบตาเดียว ฉันก็ได้ขลุกไปกับบทสนทนาของพวกเราเสียแล้ว และเวลาก็ผ่านพ้นไปอย่างมีความสุข
“เอ้า พูดว่าอ้าซิ”
ท่านจิโน่กล่าวเช่นนั้นในขณะที่นำช้อนตักโจ๊กพูนๆขึ้นมาจากในชามที่เขารับมาจากสาวใช้
“อ้าเหรอคะ?”
คำๆนั้นฉันไม่คุ้นเลย และฉันก็ไม่เข้าใจถึงความหมายด้วย เพราะอย่างนั้น ฉันจึงถามท่านจิโน่ออกไป
“ใช่ ผมจะได้ป้อนคุณไง เพราะงั้นอ้าปากไว้ ตกลงนะ?”
ท่านจิโน่พูดเช่นนั้นในขณะที่ถือช้อนเข้ามาใกล้ปากฉัน
“อะ-เอิ่ม?”
ฉันมึนงงเสียจนแสดงสีหน้าออกไปอย่างนั้น
อย่าบอกเรานะว่าท่านจิโน่จะตัดอาหารป้อนเข้าปากเราด้วยตัวเองน่ะ?
แม้แต่พวกข้ารับใช้ก็ยังไม่ทำกันอย่างนี้เลย
ฉันท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกที่ว่าท่านจิโน่เป็นห่วงเป็นใยฉันถึงขนาดนั้น และใบหน้าฉันจึงเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา
ไม่อยากปล่อยให้เขารอแบบนั้นไปตลอด ฉันจึงเริ่มทำให้ตัวเองเข้มแข็งและเปิดปากรับช้อนที่ท่านจิโน่ยื่นมาให้
นี่ท่าทางตอนกินยังสง่างามอยู่ไหมเนี่ย?
ท่านจิโน่จ้องมาที่เราอย่างมุ่งมั่นในทุกๆคำที่ฉันเคี้ยว จนฉันแทบจะอยากขุดรูแล้วฝังตัวเองแล้วเนี่ย น่าอายอะไรขนาดนี้
ฉันแอบลอบมองท่านจิโน่; เขายิ้มอย่างอ่อนโยนมาที่เราอยู่ในตอนนี้
เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าเราวิธีที่เราทานเข้าไปมีอะไรผิดแปลกไปรึเปล่า?
บางทีคงจะดีกว่าถ้าหากเราอ้าปากให้เล็กลงหน่อยรึเปล่า?
ถึงอย่างนั้น ช่างเป็นรอยยิ้มที่งดงามจริงนะ เหมาะกับภาพงานศิลป์เลย
หัวใจเต้นอย่างรวดเร็วเพียงแค่ได้มองภาพนั้น
“ท่านจิโน่?”
ฉันทนต่อไปไม่ไหวกับรอยยิ้มยากจะอธิบายที่มุ่งมาที่ฉัน ฉันจึงลองเรียกเขาออกไป
“หืม? อ้อ อื้ม ผมคิดว่าคุณน่ารักมากๆเลย ผมหลงเสน่ห์เข้าแล้วล่ะ”
“นะ-น่ารักเหรอคะ!? หมะ-หมายถึงฉันงั้นเหรอคะ?”
เขาพูดเรื่องอะไรออกมากันเนี่ย?
ส่วนไหนของฉัน ผู้หญิงที่หน้าเกลียดคนนี้ ที่น่ารักกัน?
ไม่เคยมีชายคนไหนที่บอกกับฉันว่าฉันนั้นน่ารักหรืออะไรทำนองนั้นจนมาถึงตอนนี้เลย
แน่นอนว่าท่านพ่อก็ว่าฉันน่ะน่ารักที่สุดอยู่หรอก แต่นั่นก็เพราะความเห็นใจที่เขามีในฐานะที่เป็นท่านพ่อของเรา เพราะอย่างนั้นนั่นจึงไม่นับ
การถูกพูดเรื่องนั้นอย่างกระทันหันทำเอาฉันตกใจมากๆ
หรือว่านี่เราจะฟังผิดรึเปล่านะ?
“จะใครอีกล่ะ? คุณเป็นคนเดียวที่สะท้อนอยู่ในสายตาผมตอนนี้นะ แอนนา”
งั้นนั่นก็ไม่ใช่เรื่องฟังผิดแล้ว
หรือว่าบางทีท่านจิโน่จะคิดว่าเราน่ารักจริงๆ?
ช่วยไม่ได้ที่ฉันจะได้แต่คิดว่า “ไร้สาระน่า” แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีส่วนหนึ่งของฉันที่ไม่ยอมปล่อยผ่านความคิดที่ว่า “แล้วถ้าหากว่า”
และจากที่เห็นสายตาท่านจิโฯ่แล้ว เขาก็ไม่ได้ดูล้อเล่นหรือโกหกเลย
แต่ว่า หากท่านจิโน่คิดว่าเราน่ารักจริงๆ ถ้าอย่างนั้น…
“อ๊า น่าร๊ากกก!!
อยากจะกอดเธอเหลือเกิน!!”
เออออออ๋!?
ท่านจิโน่พูดเรื่องอะไรออกมากันเนี่ย?
แล้วตอนนี้ฉันก็อยู่บนเตียงด้วยนะ ก็เห็นนี่?
ภาพที่ท่านจิโน่โอบกอดเราบนเตียงลอยขึ้นมาในความคิดเรา และในตอนนี้เราก็อยากจะตะโกนออกมาเพราะความอับอายเหลือเกิน
ไม่ได้ แข็งใจไว้สิตัวฉัน!
ฉันจะต้องไม่คิดถึงเรื่องแบบนั้น!!
มันหน้าไม่อายเกินไป!!!!
บริดจ์เจ็ตจงใจกระแอบไอ ท่านจิโน่จึงดูเหมือนจะเริ่มกลับเข้าที่เข้าทางแล้ว
ฉัน ทางฝั่งนี้ ได้แต่ดิ้นรนมาได้สักพักในขณะที่พยายามสงบจิตสงบใจตัวเองลง
ถ้าหากว่าเราปล่อยวางความคิดไป มันก็จะเอาแต่ฉายภาพเหล่าคำที่น่าหลงใหลของท่านจิโน่ซ้ำไปมา และฉันก็จะรู้สึกหัวเสียที่ไม่รู้ควรจะทำอย่างไรดี
ถึงอย่างนั้น “น่ารัก” สินะ?
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผู้ชายกล้าจะเอ่ยคำๆนั้นกับฉัน ตามปกติแล้ว นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกอย่างนี้ด้วยเหมือนกัน
ในตอนนี้เราเข้าใจถึงความวิเศษของการถูกเรียกว่า “น่ารัก” จากคนที่เรารักแล้ว
หัวใจยิ่งกระสับกระส่ายใหญ่แล้วตอนนี้
ฉันที่เป็นหญิงสาวอัปลักษณ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยปูดบวม
ผู้คนจะรู้สึกเพียงความไม่สบายใจและความขยะแขยงเมื่อพวกเขาได้เห็นรูปลักษณ์ของเรา
เพราะอย่างนั้นฉันจึงพยายามสวมใส่ชุดที่ไม่ค่อยเห็นเนื้อหนัง และจัดทรงผมเพื่อที่เราจะได้ไม่เป็นการโอ้อวดจนเกินไป
แต่ถ้าหากท่านจิโน่คิดว่าเราน่ารัก อย่างนั้นก็…
บางทีเราอาจจะพยายามกล้าที่จะแต่งตัวให้มากขึ้นอีกนิด
คำเหล่านั้นอาจจะเป็นเพียงความเห็นตามปกติจากท่านจิโน่
ไม่ว่าอย่างไร คำเหล่านี้ก็เป็นแรงขับดันความมั่นใจของฉันอย่างมหาศาล
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex