แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน - ตอนที่ 6.1 ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน ไข้ของแอนนา (1)
- Home
- แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน
- ตอนที่ 6.1 ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน ไข้ของแอนนา (1)
หมายเหตุ: ขออนุญาติแบ่งเป็น 2 พาร์ทตามผู้แปล Eng ครับเนื่องมาจากตอนมีความยาวเกินไป
สามารถอ่านตอนเต็มล่วงหน้าได้ที่แฟนเพจ
=================================
วันหนึ่ง เมื่อผมเดินทางไปยังคฤหาสน์ของดยุคเพื่อเยี่ยมเยือนตามปกติ แต่ว่าแอนนากลับไม่อยู่คอยต้อนรับผม
ผมจึงถามดยุคเกี่ยวกับแอนนา และก็ได้ทราบมาว่าเธอกำลังนอนอยู่บนเตียงเพราะมีไข้ขึ้น
อย่างที่เห็น แอนนาเป็นไข้บ่อย
อาจจะเกี่ยวกับโรคร้ายที่ทำให้มีรอยปูดบวมทั้งร่างกายเธอก็ได้
และโรคร้ายนั้นก็จัดว่าเป็นกรณีที่หาได้ยาก
เห็นได้ชัดเจน ว่าในตอนนี้ยังคงไม่มียารักษา; ที่จริงแล้ว โรคนั้นไม่แม้แต่จะมีชื่ออย่างเป็นทางการจนถึงตอนนี้ด้วยซ้ำ
ผมคงจะไม่กังวลขนาดนี้หากว่าคนๆนั้นเป็นน้องสาวแท้ๆของผมจากตระกูลอดอร์นิที่มีไข้หลังจากที่เป็นหวัด ในเมื่อเธอนั้นแข็งแรงดีอย่างกับกระทิง
แต่แอนนานั้นถือเป็นอีกเรื่อง ผมช่วยไม่ได้ที่จะเป็นห่วงแอนนา ผู้ที่กำลังทนทุกข์อยู่กับโรคที่ไม่รู้จักและไม่มีแม้กระทั้งชื่อด้วยซ้ำนั้นยังมามีไข้ขึ้นอีก
ก็จริงอยู่ ที่ผมได้ยินมาว่าเธอป่วยไข้ขึ้นเป็นประจำ แต่นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ผมได้มาเยือนคฤหาสน์หลังนี้
พวกเขาบอกว่าให้ผมใจเย็นๆ แต่ก็เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นไปไม่ได้
ผมเองก็ถูกดึงความสนใจตั้งแต่ที่ได้ยินว่าเธอกำลังเจ็บป่วยจากอาการไข้ขึ้น และผมก็ตั้งสมาธิจดจ่อกับงานของผมในฐานะผู้ช่วยของท่านดยุคไม่ได้ ผมเลยไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ท่านแม่ยายรู้สึกถึงเรื่องนี้ทันทีที่เข้ามาในห้องทำงาน ต้องขอบคุณในสิ่งที่ท่านกล่าวออกมา หน้าที่หลักของผมในฐานะผู้ช่วยของท่านดยุคจึงจบลงเร็วกว่าที่กำหนด
จะว่าไปแล้ว ที่ผมเรียกท่านดัชเชสว่าท่านแม่ยายก็เพราะว่าท่านต้องการให้ผมเรียกอย่างนั้นหลังจากที่ได้มีการหมั้นอย่างเป็นทางการไปแล้ว
แต่ทางอีกฟากฝั่งหนึ่ง ท่านดยุคกำชับสั่งผมไม่ให้เรียกตนว่าท่านพ่อตาจนกว่าพวกเราจะแต่งงานกันอย่างเป็นทางการแล้ว
ผมรีบบึ่งไปที่ห้องนอนของแอนนาหลังจากที่เสร็จจากงาน เธอกำลังนอนหลับอยู่
ผมนั่งลงไปยังเก้าอี้ที่หรูหรา ถูกแกะสลักมาอย่างประณีต ข้างๆเตียงคาโนปี้ ก่อนที่จะขอให้เหล่าสาวใช้ปล่อยให้ผมคอยอยู่ดูแลเธอ
ม่านที่ห้อยลงมาจากคาโนปี้เองก็มีส่วนที่ทำให้คอยอยู่ดูแลและเฝ้าสังเกตสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น
เห็นใบหน้าตอนกำลังนอนหลับของแอนนาอยู่เต็มสายตา
ความกระอักกระอ่วนแล่นเข้ามาในตัวผม ทำให้หัวใจกระสับกระส่ายในขณะที่ส่งสายตาทอดมองภาพของแอนนาที่นอนหลับอย่างสงบ แก้มของเธอถูกย้อมเป็นสีแดง
ปกติแล้วเธอเป็นคนที่กระตือรือร้นจนผมลืมไปว่าเธอนั้นเจ็บป่วยถึงขนาดไหน การได้มาเห็นเธอที่อยู่ในสภาพแบบนี้เป็นการเตือนถึงข้อเท็จจริงทั้งหมดนั้นได้เป็นอย่างดี
สามชั่วโมงของการเปลี่ยนผ้าบนหน้าผากเธออย่างต่อเนื่องผ่านไปก่อนที่ในที่สุดแอนนาก็ตื่นขึ้น
“แอนนา!”
“…ท่านจิโน่…”
แอนนารู้ว่าผมกำลังนั่งอยู่ข้างๆเธอในตอนที่ผมเรียกชื่อเธอออกไป
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
“ได้โปรดอย่าเป็นห่วงขนาดนั้นเลยค่ะ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ”
แอนนายิ้มให้ในขณะที่พูดอย่างนั้น ผมจะไปวางใจได้ยังไง
“คุณคงจะหิวน้ำสินะ? อยากได้ผลไม้เย็นๆสักหน่อยไหม?”
แอนนาผงกศรีษะ ผมจึงยิ่งเข้าไปใกล้และค่อยๆช่วยพยุงไหล่เธอขึ้นมาอย่างอ่อนโยนด้วยมือข้างขวาของผมเพื่อช่วยพยุงเธอลุกขึ้นมานั่ง
“ทะ-ทะ-ท่านจิโน่!?”
แอนนาดูสะดุ้งตกใจ แต่การให้เธอได้ดื่มน้ำต้องมาก่อน
เธอสูญเสียน้ำไปเนื่องจากอาการไข้ขึ้น
การขาดน้ำเป็นอาการที่เลวร้ายที่อาจถึงตายได้
“คุณดื่มไหวไหม?”
ผมช่วยพยุงร่างกายของแอนนาขึ้นมาด้วยมือขวาและมอบแก้วน้ำในมือซ้ายของผมให้
แต่ในตอนนั้น แอนนาก้มหน้า เบือนตาหนีหลังจากที่สายตาประสานกัน และเธอก็ไม่ได้ขยับยื่นมือมารับแก้วน้ำจากผม
เธอปล่อยผมลงมา ผมจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเธอได้ชัดนัก
“คุณหนู ดิฉันเอาหมอนมาวางไว้ให้ตรงนี้นะคะ ได้โปรดพักผ่อนร่างกายตรงนี้เถอะค่ะ”
ข้ารับใช้ได้เข้ามาหาพวกเราและเข้ามายืนข้างๆผม วางหมอนลงที่ใต้ด้านหลังของแอนนาเพื่อที่เธอจะพิงมันได้ ผมไม่ได้รู้ตัวถึงเรื่องนั้นเลย
มือของแอนนาพุ่งออกมาและได้หยิบแก้วน้ำจากผมไปก่อนที่จะหลุดจากแขนผมและพิงร่างของเธอไปยังที่หมอน
อา…
ผมตัวแข็งทื่อจากอาการตกใจในความคิดของแอนนาที่ดูราวกลับเธอผลักผมให้ออกห่าง
“…เอ่อ…เอิ่ม…คุณหิวไหม? ผมได้ยินมาว่าคุณยังไม่ได้กินอาหารกลางวันเลย”
ผมรีบเรียกความสงบกลับมาและถามคำถามออกไป
“…นิดหน่อยค่ะ…”
แอนนาตอบกลับมา
ผมมองไปยังข้ารับใช้ผู้ที่ก้มหัวหลังจากนั้นก่อนจะออกจากห้องไป
เธอคงจะออกไปเตรียมอาหารมา
ที่จริงแล้ว ผมไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งเหล่าข้ารับใช้ในคฤหาสน์หลังนี้เพราะว่าผมยังไม่ได้แต่งงานอย่างเป็นทางการ แต่พวกเขาก็ปฏิบัติกับผมราวกับเป็นหนึ่งในเหล่าเจ้านายในบ้านหลังนี้
“ท่านมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ท่านจิโน่?”
แอนนาถามผมด้วยตาที่มีหางตาชี้ขึ้น แก้มเธอยังคงแดงเรื่อในขณะที่กุมแก้วด้วยมือทั้งสองข้าง
เธอดูเหมือนสัตว์ตัวน้อยๆ และดูน่ารักมาก
ผมของเธอที่ปกติจะถูกจัดทรงให้พันไปมา และซับซ้อน แต่ในวันนี้กลับปล่อยผมลงมา
ผมสีเงินที่มีเสน่ห์ถูกปล่อยลงมายิ่งทำให้ภาพนี้มีความงดงามมากยิ่งขึ้น
แอนนาที่ทำตัวสบายๆแบบนี้ก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน
“ผมมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อสามชั่วโมงก่อนแล้วล่ะ”
“สามชั่วโมง!? คงจะน่าเบื่อสำหรับท่านแย่เลยสินะคะ”
ดวงตาของแอนนาเบิกกว้างด้วยความเชื่อไม่ลง
ภาพเธอตกใจขนาดนั้นก็น่ารัก
“จะไปเบื่อได้ยังไง ผมสามารถที่จะมองใบหน้าของแอนนาตอนกำลังหลับได้ อีกอย่าง ผมรู้สึกวุ่นวายใจมากกว่าจะรู้สึกเบื่อเสียอีก”
ที่จริงแล้ว ใบหน้าตอนนอนของแอนนาอย่างไร้การป้องกันนั้นก็น่าเอ็นดูเหมือนกัน
ผมมั่นใจว่าผมสามารถจ้องเธอได้หลายชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด
“…ใบหน้าตอนกำลังหลับ…”
แอนนาหน้าแดงอย่างรวดเร็วก่อนจะก้มสายตาลงในขณะที่พึมพำคำเหล่านั้นออกมา อาจจะเพราะอายที่เธอถูกเห็นเข้าระหว่างที่กำลังนอนหลับ
หน้าของแอนนาตอนกำลังอายก็น่ารักชะมัด
พวกเราพูดคุยกันหลังจากนั้นระหว่างที่ผมวัดอุณหภูมิร่างกายของเธอ
ไข้ของเธอเริ่มบรรเทาลง และเธอดูมีชีวิตชีวามากขึ้นในขณะที่เราพูดคุยกันอยู่ ผมเลยรู้สึกโล่งใจไปด้วย
สาวใช้เข้ามาพร้อมอาหารสำหรับผู้ป่วยในระหว่างที่พวกเรากำลังสนทนากัน
เหล่าธัญพืชที่ถูกต้มจนเปื่อยร้อยๆ เป็นโจ๊กที่ง่ายต่อการย่อย
“เอ้า พูดว่าอ้าซิ”
ผมหยิบช้อนและชามโจ๊กมาจากข้ารับใช้ ตักขึ้นมาและยื่นให้แอนนาในระหว่างที่พูดเช่นนั้น
“อ้าเหรอคะ?”
แอนนาดูสับสนในขณะที่ถามผมเช่นนั้น
“ใช่ ผมจะได้ป้อนคุณไง เพราะงั้นอ้าปากไว้ ตกลงนะ?”
ผมจับช้อน และยกเข้าไปใกล้ๆเธอ
“อะ อืม?”
แอนนาส่งเสียง และสับสน
หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ เธอก็ได้ค่อยๆจิบกินโจ๊ก แก้มเธอแดงขึ้นมาในทันที
“สีแดงเข้มนั้นกระจายไปถึงคอของเธอในขณะเคี้ยว และภาพนั่นทำให้ผมทนฉีกยิ้มไม่ไหว
“ท่านจิโน่?”
รอยยิ้มกว้างที่แปะอยู่บนหน้าผมในขณะที่มองไปที่แอนนา เธอาจจะคิดว่ามีคำถาม เธอจึงทักเรียกผม
“หืม? อ้อ อื้ม ผมคิดว่าคุณน่ารักมาๆเลย ผมหลงเสน่ห์เข้าแล้วล่ะ”
“นะ-น่ารักเหรอคะ!? หมะ-หมายถึงฉันงั้นเหรอคะ?”
“จะใครอีกล่ะ? คุณเป็นคนเดียวที่สะท้อนอยู่ในสายตาผมตอนนี้นะ แอนนา”
แก้มแอนนาเป็นสีแดงฉานแล้วในตอนนี้
อ๊า น่าร๊ากกก!!
อยากจะกอดเธอเหลือเกิน!!
ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนี้หรอกนะ แต่ผมเริ่มรู้สึกอยากจะตะโกนออกมาจนทนไม่ไหวแล้ว
ใบหน้าของแอนนายิ่งแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ
สาวใช้ไออยู่ข้างหลังเรา
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นว่าที่เจ้าสาว แต่คงจะเป็นปัญหาใหญ่ถ้าหากผมกอดผู้หญิงที่ยังไม่ใช่ภรรยาของตนบนเดียงนอน
และสาวใช้คนนี้ — ปกติแล้วเธอจะยืนในจุดอับสายตาของพวกเราเพื่อที่พวกเราจะไม่รบกวนจากการมีอยู่ของเธอ แต่ในวันนี้เธอกล้าที่จะมายืนต่อหน้าผม จดจ้องด้วยสายตาราวกับใบมีดตลอดเวลาที่ผ่านมา
ผมยังคงอดทนต่อสายตาอันรุนแรงจากสาวใช้และยังคงป้อนโจ๊กให้แอนนาต่อไป
ภาพแอนนาที่ยอมเชื่อฟัง ค่อยๆกินโจ๊กอย่างเหนียมอายนั้นเยียวยาผม และพวกเราก็พูดคุยกันอย่างมีความสุข
ผมเดาว่าในเวลาแบบนี้นี่แหละที่เราจะรู้ว่าความสุขแท้จริงแล้วหมายถึงสิ่งใด
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex