แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน - ตอนที่ 23.1 การค้นพบ และ ความวิตกกังวล (ในมุมมองของอนาสตาเซีย) (1)
- Home
- แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน
- ตอนที่ 23.1 การค้นพบ และ ความวิตกกังวล (ในมุมมองของอนาสตาเซีย) (1)
“คุณหนูคะ! พบตัวท่านจิโนเรียสแล้วค่ะ!”
บริดจ์เจ็ตที่ตื่นเต้นเต็มทนรีบวิ่งมุ่งหน้าเข้ามาในห้องของฉัน
“ท่านจิโน่เหรอ!? เขาปลอดภัยดีไหม!?”
ฉันกระโดดตัวโยนลุกขึ้นมาจากที่นั่งโดยไม่รู้ตัว
“ค่ะ เขาปลอดภัยดีค่ะ เขาทำงานเป็นกุ๊กอยู่ในร้านอาหารในเมืองอมอร์รูนค่ะ”
“ขอบคุณสวรรค์…”
ฉันได้อยู่ในสภาพที่หวั่นวิตกอยู่ไม่เป็นสุขในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้เมื่อได้รับรู้ถึงความเป็นไปได้ในการเสียชีวิตของท่านจิโน่
ไม่มีความคืบหน้านับจากตอนนั้น ความวิตกกังวลของฉันจึงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ข่าวที่เขาปลอดภัยนี้ได้ทำให้ฉันโล่งใจ และได้ยกภูเขาออกจากอกของฉัน
หยดน้ำตาได้หลั่งรินอีกคราจากดวงตาของฉันที่เต็มไปด้วยความสุขล้นเมื่อฉันได้ยินว่าเขายังมีชีวิตอยู่
ฉันได้แต่ลงไปคุกเข่าทั้งอย่างนั้นและขอบคุณพระเจ้า
ในเมื่อเราพบเขาช้าถึงขนาดนี้ ครึ่งปีผันผ่านไปแล้วนับจากเมื่อตอนที่การหมั้นหมายของพวกเราถูกถอน
ถึงอย่างนั้นแล้ว การที่เขาไปเป็นกุ๊ก…
ดูเหมือนว่าท่านจิโน่เองก็คงจะถนัดการทำอาหารด้วย
มันเป็นภาพที่ไม่อาจจะจินตนาการสำหรับบุตรชายของขุนนางที่ต้องไปใช้ชีวิตหางานในครัวทำเพื่อยังชีพ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะถูกพบตัวช้าถึงขนาดนี้
…งั้นท่านจิโน่ก็มีความชำนาญหลากหลายจนเขารู้กระทั่งวิธีการทำอาหารด้วย
ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย
เขาควรที่จะภาคภูมิใจในความชำนาญนั่นมากกว่านี้และสอนฉันบ้าง
ฉันอาจจะเบื่อที่เหล่าผู้ชายที่อายุไล่เลี่ยกันมานั่งโอ้อวดและเอาแต่โม้อย่างย่ามใจในระหว่างงานเลี้ยงที่ฉันได้เข้าร่วม แต่ฉันไม่ถือหากคนๆ นั้นจะเป็นท่านจิโน่ที่มาโอ้อวดถึงความสำเร็จของตนเอง
ฉันจะตั้งใจฟังเป็นอย่างดีแน่นอน
น่าเสียดาย ท่านจิโน่นั้นต่างจากผู้ชายพวกนั้น เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยชมเชยตนเองสักคำ
ดังนั้น มันยิ่งจุดประกายความมุ่งมั่นของฉันที่จะต้องทำให้เขาเอ่ยชมตนเองบ้าง
พวกเราได้ไปพบปะกับตระกูลแวร์แวรี่เพื่อยกเลิกการถอดถอนท่านจิโน่ออกจากตระกูลแล้ว และพวกเขาก็เห็นด้วย
หลังจากที่พบท่านจิโน่ สิ่งที่ต้องทำที่เหลือคือนัดหมายการประชุมระหว่างสองตระกูลเพื่อที่จะหารือถึงการแต่งงาน และเพื่อหมั้นหมายพวกเราอย่างเป็นพิธีอีกครั้ง
การหมั้นหมายครั้งก่อนได้กลายเป็นโมฆะไปแล้ว การที่ท่านจิโน่และฉันจะต้องผ่านกระบวนการหมั้นหมายกันใหม่อีกรอบจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
ฟุฟุฟุ
ในที่สุดเราก็จะได้เจอท่านจิโน่
ฉันอาจจะเริ่มฮัมเพลงจากความสุขนี้ก็ได้
หกเดือนผ่านไปตั้งแต่เมื่อตอนที่เราเห็นกันและกันคร้ังสุดท้าย
ฉันต้องการที่จะพบเขาด้วยหน้าตาที่งดงามมากกว่านี้อีกหน่อย
ฉันต้องเตรียมชุดใหม่ แล้วก็แต่งหน้าให้ดูดีกว่านี้ด้วย
“บริดจ์เจ็ต ฉันอยากจะได้ชุดที่ตัดมาใหม่น่ะ ช่วยเรียกช่างตัดชุดมาให้ทีนะ แล้วก็ฉันอยากที่จะแต่งตัวให้ดูดีหน่อย ช่วยไปเรียกช่างแต่งตัวมาด้วย”
“คุณหนูคะ นี่คุณวางแผนว่าจะสวมชุดใหม่ไปพบท่านจิโน่หรือคะ?”
บริดจ์เจ็ตดูออกจะหัวเสียด้วยเหตุผลบางอย่าง
“จ้ะ ใช่แล้ว นี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว ฉันอยากจะดูสวยให้มากกว่านี้ก่อนจะไปพบเขาน่ะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณหนู คุณต้องรีบไปพบเขาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“โอ๊ะ ตายจริง ทำไมกันล่ะ?”
“ท่านจิโน่นั้นบริหารจัดการร้านอาหารที่เขาทำงานอยู่ แต่เหมือนเขาจะไปปรากฎตัวที่บริเวณรับประทานอาหารเพื่อเสิร์ฟอาหาร ความนิยมของร้านอาหารจึงพุ่งพรวดขึ้นทันตาเพราะข่าวที่ว่ามีพนักงานเสิร์ฟที่หล่อเหลา เป็นมิตร และช่างพูดช่างจามาเสิร์ฟอาหารอยู่ที่นั่น ผู้หญิงมากหน้าหลายตาจึงได้พากันไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น พวกนางถึงขนาดคอยทุกวันจนกว่าท่านจิโน่จะเสร็จภารกิจจากกะของเขา แล้วก็จะแข่งกันเองว่าใครที่จะมีสิทธิได้เชิญชวนเขามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน และเพราะนิสัยสุภาพอ่อนโยนของเขา ประกอบกับที่ผู้หญิงเหล่านั้นเป็นลูกค้าขาประจำ เขาจึงปฏิเสธไม่ลง และต้องไปร่วมรับประทานอาหารกับพวกนาง”
“จะ-จะ-จะ-จริงเหรอ!?”
ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าท่านจิโน่จะไปร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับหญิงอื่นทุกวัน!
เสียงของฉันสั่นเครือในขณะที่ฟังเรื่องราวของบริดจ์เจ็ต และฉันไม่สามารถที่จะซ่อนร่างกายที่กำลังสั่นเทิ้มอยู่นี้ได้
“ค่ะ พวกเราแกะรอยเจอตัวท่านจิโน่เพราะพวกสายลับได้ยินมาว่าที่เมืองนั้นมีข่าวซุบซิบกันว่ามีผู้ชายทำงานอยู่ในร้านอาหาร ว่ากันว่าผู้ชายคนนั้นมีรูปโฉมที่งดงามที่หาได้ยากยิ่งในหมู่สามัญชน และอีกทั้งเขายังเป็นสุภาพบุรุษยามที่พูดคุยกับเหล่าหญิงสาวด้วย”
“ขะ-เขาเป็นที่นิยมถึงขนาดเป็นที่พูดถึงกันไปทั่วเลยหรือ?”
“ไม่เพียงแค่นั้นนะคะ”
“อะ-อะไรนะ? ยังมีต่ออีกหรือ?”
“ท่านจิโน่ยังได้ทำงานเป็นคนเฝ้าหน้าร้านในย่านเริงรมย์ด้วยค่ะ”
“คนเฝ้าหน้าร้าน? บาดเจ็บรึเปล่า?”
“ไม่ค่ะ เขาสบายดี เพื่อที่จะยืนยันว่านั่นใช่ท่านจิโน่ตัวจริงหรือไม่ หนึ่งในสายลับของเราได้แกล้งทำเป็นขี้เมาและเข้าไปก่อเรื่องในร้านนั้น ภาคกิจหน้าที่ของเขาคือการทดสอบทักษะฝีมือการต่อสู้ของท่านจิโน่ ถ้าหากว่ามันถือเป็นเรื่องอันตรายสำหรับเขา ทางสายลับจะกดดันให้ทางเจ้าของร้านไล่เขาออกในทันที แต่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอ่อนข้อให้ท่านจิโน่เลย สายลับคนนั้นโดนโค่นอย่างง่ายดายโดยไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาไม่สามารถที่จะแม้แต่วัดระดับความแข็งแกร่งของท่านจิโน่ได้ด้วยซ้ำ
ราวกับว่าท่านจิโน่จัดการพวกเราเหมือนกับจัดการกับเด็กตัวเล็กๆ
พวกขี้เมาและพวกอันธพาลคงจะไม่สามารถทำอันตรายเขาได้แน่นอนค่ะ”
อ้อ จริงสินะ
พอมาคิดดูแล้ว เขายังได้มาปรากฎตัวต่อหน้าและปกป้องเราในตอนที่แก้วถูกขว้างมาที่เราระหว่างงานเลี้ยงเต้นรำที่สถาบันด้วยนี่นา
ฉันได้แต่ตะลึงงันและทึ่งในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับเหนือมนุษย์นั่น
…งั้น ท่านจิโน่เองก็เชี่ยวชาญในการต่อสู้ไร้อาวุธด้วยสินะ
…ถึงขนาดที่ทำให้สายลับของตระกูลของเราตะลึงได้
จริงๆ เลย ท่านจิโน่น่าจะพูดโม้เรื่องนั้นแล้วสอนเราสักหน่อยก็ได้แท้ๆ
จะยังไงการที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บก็ถือว่าดีแล้ว แต่ถ้าเขาสบายดี งั้นปัญหาคืออะไรกันล่ะ?
“แหมงั้นปัญหาคืออะไรงั้นหรือจ๊ะ?”
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex
พิสูจน์อักษรโดย: Rain K.