แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน - ตอนที่ 22.1 ความเสียใจและการค้นหา (ในมุมมองของอนาสตาเซีย) (1)
- Home
- แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน
- ตอนที่ 22.1 ความเสียใจและการค้นหา (ในมุมมองของอนาสตาเซีย) (1)
ฉันสะอื้นตลอดทางระหว่างที่กลับไปยังคฤหาสน์หลังจากที่ได้พบกับคุณหนูเคต
ต้องขอบคุณในความพยายามที่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงของเธอ ฉันจึงยังสามารถหักห้ามตัวเองไม่ให้ล้มพับลงไปต่อหน้าเธอ
ท่านจิโน่… ยังมีความรู้สึกต่อเราอยู่ ฉันเชื่อลงไปแล้วจริงๆ ว่าฉันนั้นไม่มีความหมายต่อเขา
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังยอมที่จะเสื่อมเสียชื่อเสียงเพื่อฉัน จนถึงขนาดที่ว่าสูญเสียตำแหน่งขุนนางไปเพียงเพื่อฉัน
เป็นไปไม่ได้เลยที่น้ำตาของฉันจะไม่ร่วงหล่น
พอมาคิดดูแล้ว ครั้งหนึ่งท่านจิโน่เองก็เคยตั้งคำถามกับฉันถึงองค์ชายลำดับที่หนึ่ง
พอลองคิดกลับไปแล้ว ฉันก็ได้รู้สึกตัวว่าในวันนั้นเองที่ท่านจิโน่เปลี่ยนไป
ฉันนั้นเอาแต่คิดถึงเรื่องขนบธรรมเนียมทางสังคมเรื่องความสุภาพเรียบร้อย ไม่มีอะไรเหนือไปกว่านั้น
ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นเรื่องที่ยากเย็นสำหรับฉันที่จะจินตนาการว่าท่านจิโน่จะคิดถึงความเห็นนั้นในแง่ลบเลยสักนิด ฉันจึงไม่เคยคิดว่านั่นเป็นปัญหามาจวบจนถึงตอนนี้
แต่มันคงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งหากเขารับรู้ถึงการทาบทามจากทางราชวงศ์
มันคงจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการที่ท่านจิโน่จะเข้าใจผิดว่าองค์ชายลำดับที่หนึ่งและฉันเป็นคู่ที่เหมาะสมซึ่งกันและกัน
ในตอนนี้ฉันได้แต่เสียใจกับความเขลาของตัวเองที่ได้ให้คำตอบออกไปโดยไม่ระวัง
หลังจากที่ฉันมาถึงยังคฤหาสน์ ฉันก็ได้มุ่งตรงไปหาท่านแม่โดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน
ทันทีที่ฉันเข้าไปโอบกอดท่าน เขื่อนที่ได้กักเก็บน้ำตาเอาไว้ก็พลันแตกออกท่วมลงมายังแก้มของฉัน ในตอนนี้ฉันคร่ำครวญพร้อมกับครวนครางราวกับเด็กตัวเล็กๆ ท่านแม่ตะลึงอยู่อย่างนั้น
ท่านแม่ได้ห่อหุ้มไหล่ของฉันเอาไว้ด้วยแขนของท่าน รับฟังอย่างใจเย็นในขณะที่ฉันเล่าเรื่องราวอย่างตะกุกตะกักพร้อมกับเสียงสะอึกและสะอื้น
ในขณะที่ฉันยังคงพูดอยู่ สายตาของท่านแม่ก็ได้ค่อยๆ ดุดันขึ้นในทุกคำที่ฉันได้เอ่ยออกไป จนในท้ายที่สุดท่านได้สั่งให้หนึ่งในเหล่าสาวใช้ไปเรียกท่านพ่อมา
เมื่อท่านพ่อมาถึง ฉันก็ได้อธิบายตั้งแต่แรกอีกครั้ง
“นี่ลูกจะบอกพ่อว่าที่เจ้าหนุ่มนั่นถอนหมั้นกับลูกไม่ใช่เพราะเขานอกใจ แต่เพราะพ่อบอกเขาเรื่องการทาบทามจากองค์ชายทั้งสองงั้นรึ!?”
ท่านพ่อตกตะลึง
“ที่รักคะ? ฉันเองก็รู้นะคะว่าทั้งองค์ชายลำดับที่หนึ่งและองค์มกุฎราชกุมารต่างก็มาถามเรื่องการหมั้นหมายกับแอนนา แต่ถึงอย่างนั้นฉันไม่เคยได้ยินเลยสักนิดว่าแอนนาจะต้องแต่งงานกับหนึ่งในนั้นหลังจากที่โรคร้ายถูกรักษาเลยนะคะ?”
ท่ามแม่ยิ้มในขณะที่มีเส้นเลือดโผล่ขึ้นมาบริเวณหน้าผากของท่าน
“อ๊ะ ไม่ใช่นะ ลองคิดดูดีๆ สิ ข้าไม่เคยคิดเลยว่ายานั่นจะถูกคิดค้นขึ้นมานี่นา”
ท่านพ่อเกรงกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“ถึงคุณจะไม่ได้คาดคิดว่าจะมีการพัฒนายารักษาขึ้นมา แต่คุณก็รู้ว่าจิโน่ได้ไปยังซากโบราณสถานที่ยังไม่ถูกสำรวจ — ดันเจี้ยน — เพื่อที่จะหาวิธีรักษาแอนนานี่คะ? ไหนลองบอกฉันสิคะ ว่าคุณคิดบ้าอะไรถึงได้ไปพยายามทำให้คนๆ นั้น — คนเดียวกันกับที่พยายามทุกอย่างเพื่อรักษาแอนนาหมดกำลังใจลงน่ะค่ะ?”
ท่านแม่ยิ่งยิ้มลึกขึ้นไปอีก
ดูเหมือนว่าคำตอบของท่านพ่อจะไม่ค่อยถูกใจท่านเสียเท่าไหร่
“อ๊ะ ไม่ใช่…”
“คุณรู้ไหมคะว่าแอนนาต้องเจ็บปวดขนาดไหนกับอีแค่เพราะ ความโง่เขลา งี่เง่า เต่าตุ่น จนเรียกได้ว่าจินตนาการไม่หวาดไม่ไหวนี้ ของ ท่านรัฐมนตรีของอาณาจักรนี้น่ะค่ะ หืม? ไว้เรามาค่อ~ยๆ คุยเรื่องนี้กันทีหลังด้วยนะคะ?”
ท่านแม่ยังคงยิ้มอย่างสง่างามพร้อมกับเส้นเลือดดำที่เดือดปุดๆ บนหน้าผากในขณะที่พูดเรื่องเหล่านั้นออกมา
ใบหน้าของท่านพ่อที่ถอดสีสั่นงันงก
“ถ้าอย่างนั้น แอนนาจ๊ะ ลูกอยากจะทำอะไรต่อล่ะ?”
“ท่านจิโน่ได้ถูกทำให้เสื่อมเสียเกียรติและเยาะเย้ยเพราะหนู หนูทนให้เขายอมโยนตำแหน่งขุนนางทิ้งและกลายเป็นสามัญชนที่สิ้นเนื้อประดาตัวเพื่อตัวหนูได้หรอกค่ะ หนูจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อล้างมณทินให้ชื่อของท่านจิโน่ และฟื้นคืนตำแหน่งของเขากลับมาค่ะ”
“ลูกไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นนะจ๊ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับตระกูลของเราจ้ะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่แม่อยากจะถามหรอกนะ ลูกคิดยังไงกับจิโนเรียส? ลูกจะยอมปล่อยเขาไปหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้หรือจ๊ะ?”
“…หลังจากที่หนูรักษาโรคไปแล้ว นักเวทจำนวนหนึ่งได้เดินทางเพื่อมายืนยันมาโรคนั้นได้ถูกรักษาหายไปแล้วจริงๆ พวกเขาทุกคนได้แต่ทึ่งเมื่อเห็นหนู ทั้งยังอ้างว่ามันเป็นปฏิหาริย์อีก นักเวทแต่ละคนต่างบอกหนูว่าบทความของท่านจิโน่นั้นเป็นทฤษฎีที่น่าทึ่งที่ก้าวหน้าเกินกว่าวิทยาการเวทมนตร์ในปัจจุบันนี้ไปกว่าหลายร้อยปี ท่านจิโน่ได้เตรียมยาตัวนี้ที่ควรจะถูกพัฒนาขึ้นในอีกหลายร้อยปีให้หลัง ทั้งยังคิดค้นมันขึ้นมาเพื่อหนูอีก เขาเป็นดั่งปฏิหาริย์สำหรับหนู… พอรู้สึกตัวขึ้นมาได้อย่างนั้น หนูก็ได้แต่ร้องไห้อย่างช่วยไม่ได้”
คำพูดของฉันชะงักไป
น้ำตาไหลร่วงลงมาราวกับน้ำตกลงบนแก้มของฉัน ฉันทนคุยต่อไปปอีกไม่ไหวในตอนที่ฉันนึกถึงความรู้สึกต่างๆ ที่ท่วมท้นฉันขึ้นมาในช่วงเวลาที่รู้สึกตัว
ท่านแม่ไม่ได้เร่งฉันให้พูดต่อ ท่านเพียงแค่รอคอยฉันอย่างใจเย็นในขณะที่มองมาที่ฉันอย่างอ่อนโยน
“…หนะ-หนู… หนูยังอยากที่จะอยู่กับท่านจิโน่แม้แต่ในตอนนี้… ไม่มีใครที่จะยอมถ่อไปยังดันเจี้ยนต่างๆเพื่อหนู ไม่มีใครที่จะยอมโยนทุกอย่างทิ้งเพื่อหนู… กะ-การที่ได้มาพบกับขะ-เขา… เป็นดั่งปฏิหาริย์… ขะ-เขาช่างเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยม มะ-ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ… มะ-ไม่มีใครอีกแล้วที่จะเหมือนกับท่านจิโน่”
คำพูดของฉันนั้นทับซ้อนกับเสียงสะอื้น แต่ฉันก็ยังคงพูดต่อ
ในท้ายที่สุด ฉันจึงสามารถพูดเรื่องต่างๆ ที่ต้องการจะพูดออกไปได้ทั้งหมด
“จ้ะ ใช่แล้วจ้ะ ลูกจะไม่มีทางหาผู้ชายคนไหนที่เหมือนอย่างเขาได้ เขาน่ะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆจ้ะ แอนนา ลูกจะปล่อยเขาไปไม่ได้นะจ๊ะ ตกลงไหม?”
ท่านแม่เห็นพ้องให้ฉันหมั้นหมายกับท่านจิโน่อีกครั้ง ดังนั้นสิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องทำในตอนนี้คือการตามหาเขาและจัดการเตรียมงานแต่งของพวกเราอีกครั้ง
ไม่มีคำพูดใดที่จะสามารถบรรยายความสุขล้นในตอนนั้นได้ในขณะที่ยังคงสะอื้นต่อไป
ตอนที่ได้ร่วมงานเลี้ยงน้ำชากับท่านจิโน่ เดินเล่นทั่วสวนกับเขา พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ แต่กลับยินดีอย่างถึงที่สุด การได้พูดคุยด้วยกันอีกหน… ฉันจะสามารถทำเรื่องทั้งหมดนั้นกับเขาได้อีกครั้ง
ฉันรู้สึกตัวขึ้นมาได้อีกครั้งถึงความล้ำค่าของวันธรรมดาๆ และสงบสุขของพวกเราที่เคยเป็น ถึงขั้นปวดใจขึ้นมา
◆◆◆◆◆
ตระกูลเซเว่นสเวิร์ธได้ออกตามหาท่านจิโน่อย่างสุดกำลัง แต่การค้นหานี้นั้นกลับเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
เมื่อพวกเรารวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่พบเจอ พวกเรากลับพบว่ามันดูย้อนแย้ง อย่างเรื่องที่เขาสามารถที่จะเดินทางในระยะทางที่แม้แต่ว่าที่รวดเร็วที่สุดยังไม่สามารถวิ่งไปถึงได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่เขากลับไปถึงได้ในคืนเดียว ข้อมูลที่รวบรวมมาได้มีความซับซ้อนขึ้นไปอีก
พวกเราเองก็ยังได้ยินมาจากสายลับสามคนที่คลาดสายตาจากท่านจิโน่ในเมืองหลวงด้วย ตามที่พวกเขากล่าวอ้าง เขาได้เข้าไปยังตรอกเล็กๆ และเมื่อพวกเขาตามเข้าไป เขาก็หายไปราวกับหมอกควัน ที่ตรงนั้นก็คับแคบ แล้วก็ไม่มีที่ให้เขาหลบซ่อน ถึงแม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหว ก็ยังแปลกที่เขาไม่ได้อยู่ในทัศนวิสัยตรงนั้น
มีเรื่องเล่าว่ามีกลุ่มของนินจาที่ใช้วิชาหายตัวโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้อยู่ทางตะวันออกด้วย
ในเมื่อเขาหายตัวไปภายใต้สถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะคลาดสายตาจากเขา สายลับที่พวกเราจ้างไว้จึงคาดการณ์ว่าท่านจิโน่อาจจะใช้วิชานินจา
ถ้าหากท่านจิโน่เป็นนินจาระดับสูง มันคงจะหมายความถึงว่าเขานั้นมีทักษะศิลปะในการหลบซ่อน มันคงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเหล่าคนคุ้มกันลับของตระกูลเซเว่นสเวิร์ธที่จะตามหาที่อยู่ของเขาได้
คนคุ้มกันลับเองก็คาดเดาว่าความย้อนแย้งในคำให้การของเหล่าพยานนั้นอาจจะเป็นเพราะความชำนาญในศิลปะการหลบซ่อนของท่านจิโน่
ดูเหมือนว่าการตามหาเขาจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ฉันรู้สึกหดหู่ลงเมื่อได้ฟังรายงานนี้
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex
พิสูจน์อักษรโดย: Rain K.