แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน - ตอนที่ 14.3 การถอนหมั้นขององค์มกุฎราชกุมาร (3)
- Home
- แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน
- ตอนที่ 14.3 การถอนหมั้นขององค์มกุฎราชกุมาร (3)
“เจ้าไม่ต้องทำหน้าทำตากระอักกระอ่วนแบบนั้นไปหรอก ไม่จำเป็นต้องกลัว ข้าได้ปฏิเสธข้อเสนอนั้นไปแล้ว อีกอย่าง ถ้าหากตระกูลนี้คอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังองค์ชายลำดับที่หนึ่งล่ะก็ เขาก็จะได้เป็นองค์มกุฎราชกุมาร เป็นที่ชัดแจ้งอยู่แล้ว ในกรณีนั้นแอนนาก็จะต้องกลายเป็นองค์ราชินีในอนาคต และอย่างที่เจ้ารู้ ราชินีนั้นถือเป็นหน้าเป็นตาของอาณาจักร ข้าไม่ได้ต้องการที่จะพูดถึงบุตรสาวของข้าเช่นนี้ แต่ว่าแอนนานั้นจะได้แต่เจ็บปวดจากการที่เธอกลายเป็นราชินีด้วยรูปลักษณ์เช่นนั้นของเธอ ในอีกนัยหนึ่งก็คือแอนนานั้นไม่เหมาะสมกับการเป็นองค์ราชินีนั่นล่ะ”
ท่านดยุคยิ้มให้เพื่อให้ผมวางใจ
“นั่นหมายความว่าแอนนาจะกลายเป็นราชินีถ้าหากไม่ใช่เพราะโรคของเธอหรือครับ?”
“ใช่แล้ว ยังไงแอนนาก็เป็นถึงสตรีขุนนางที่วิเศษถึงขนาดนั้นนี่นะ ข้าไม่เห็นว่าจะมีใครที่เหนือกว่าเธอในอาณาจักรนี้อยู่เลย เธอเป็นสตรีที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกใบนี้แล้ว เพราะงั้นมันก็เป็นธรรมดาที่เธอจะเป็นหญิงสาวที่คู่ควรที่จะเป็นองค์ราชินีองค์ต่อไปที่สุด”
ท่านดยุคกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ
งั้นก็เป็นที่ชัดเจนแล้วสินะ
องค์ชายลำดับที่หนึ่งทรงปรารถนาแอนนา และท่านดยุคเองก็คิดว่าเธอนั้นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับการเป็นองค์ราชินีคนต่อไปหากว่าเธอไม่ได้ติดโรคแปลกประหลาดเข้า
ท่านหยุคปฏิเสธไปก็เพราะว่าโรคแปลกประหลาดของเธอ
นั่นเป็นเหตุผลเพียงข้อเดียวที่ท่านปฏิเสธ ไม่มีเหตุอื่นใด
พูดสั้นๆ ถ้าหาก [โรคเอ็กซ์ตรีมไฮเปอร์มาเกีย] ของเธอถูกรักษา แอนนาก็จะสามารถที่จะเดินไปบนเส้นทางที่เกรียงไกรและเป็นที่เคารพนับถือในชีวิตของเธอได้ ซึ่งก็คือการกลายเป็นองค์ราชินีนั่นเอง
พวกเราจำเป็นต้องถอนหมั้น
ถ้าหากว่าเธอรักษาจนหายได้สำเร็จ ท่านดยุคก็จะมองไปยังสถานการณ์ทางการเมือง และเขาก็จะพิจารณาเรื่องผู้ที่จะหมั้นหมายกับเธอใหม่แน่
ผมมันก็แค่บุตรชายคนที่สี่ของไวส์เคานต์
ในสนามรบของการแต่งงานทางการเมืองนั้น ไม่มีทางเลยที่ผมจะไปเอาชนะฝ่าบาทได้
มันรู้สึกราวกับว่าผืนแผ่นดินใต้เท้านั้นกำลังจะพังทลายในขณะที่ผมยืนด้วยความสั่นเทา ผมรีบแสร้งหาข้อแก้ตัวว่าผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย
“ท่านจิโน่”
แอนนารีบมุ่งหน้ามาหาผม
“ฉันได้ยินมาว่าคุณรู้สึกไม่ค่อยดี เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
แอนนามองมาทีใบหน้าของผมอย่างกระอักกระอ่วน
“อื้ม เดี๋ยวพักสักหน่อยก็หายดีแล้วล่ะ”
ผมพูดออกไปถึงแม้จะยังรู้สึกหนักอึ้งอยู่ก็ตาม
แอนนาและผมเดินบนโถงทางเดินเคียงข้างกัน
เธออยากจะพูดคุยกับผม และผมเองก็รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงของเธอ แต่มันผมก็ทำได้เพียงแค่บีบเค้นคำตอบที่พอจะถูไถไปได้
“จะว่าไปแล้ว แอนนา เธอคิดว่าองค์ชายลำดับที่หนึ่งเป็นยังไงบ้าง?”
“องค์ชายลำดับที่หนึ่งหรือคะ? ฉันเชื่อว่าเขานั้นปฏิบัติตนเท่าเทียมกับทุกคน ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร และเขายังเป็นชายที่แสนวิเศษและชาญฉลาด มีเหตุมีผลและเด็ดขาดค่ะ”
ผมไม่ได้คิดเลยว่าเธอจะชมเชยพระองค์มากมายถึงขนาดนั้น
ทำเอาผมช็อคเลย แต่ผมก็พยายามที่จะยืนยันอีกเรื่องหนึ่ง โดยตั้งความหวังสุดท้ายไว้กับคำถามนี้
“เขาเป็นคนที่น่าเคารพนับถือหรือเปล่า?”
“ค่ะ ฉันมีความนับถือและชื่นชอบพระองค์ค่ะ พระองค์ทรงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ปฏิบัติกับฉันราวสตรีคนหนึ่งโดยไม่เกี่ยงเรื่องรูปลักษณ์ค่ะ”
“…จริงเหรอ”
ช่างเป็นคำตอบที่ขาดลอยอะไรขนาดนี้
ถ้าหากพวกเธอได้อภิเษกสมรสกัน คงจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกันแน่ๆ
อย่างที่คิดเลย มันคงจะดีกับทุกคนที่สุดถ้าหากเราจะยอมถอยออกมา
“แอนนา แล้วเธอคิดยังไงกับเรื่องการเป็นราชินีล่ะ? พี่สาวอดอร์นิก็เคยบอกกับผมว่าราชินีนั้นทรงเป็นคนที่ทะเยอทะยานที่สุดในหมู่สตรีทั้งมวล และใครๆต่างก็อยากที่จะเป็นองค์ราชินีถ้าหากว่าเป็นได้”
ผมใช้พี่สาวอดอร์นิของผมในการหยั่งความคิดของแอนนา
“ฉันก็เห็นด้วยกับคุณหนูวิเวียน่านะคะ ยังไงพระองค์ก็ทรงยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสตรีทุกนาง ฝ่าบาทยังทรงเป็นผู้สร้างกระแสแฟชั่นครั้งแล้วครั้งเล่าด้วย พอคิดว่าพระองค์จะทรงเป็นศูนย์กลางของกระแสต่างๆทั้งหมดในสมัยนิยมนี้แล้ว ฉันก็เชื่อว่าเป็นธรรมดาที่จะมีสตรีมากหน้าหลายตาต่างก็ต้องการที่จะได้ตำแหน่งนั้นมาครอง แต่จะยังไงก็ตาม ฉันไม่เหมือนกับคุณหนูวิเวียน่าค่ะ ฉันไม่เคยคิดเรื่องที่ตัวเองจะกลายเป็นราชินีเลย ฉันหน้าตาเป็นอย่างนี้ด้วย เพราะงั้น…”
แอนนายิ้มอย่างขมขื่น
ดูเหมือนว่าเธอก็เคารพนับถือในองค์ราชินี
เธอเองก็อยากจะเป็นราชินีเหมือนกันหากไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาที่เป็นอยู่นี้
ผมลากเท้าที่หนักอึ้งและขึ้นไปยังรถม้าได้ในที่สุด
น้ำตาที่ผมกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถนั้นได้หลั่งรินออกมาไม่ขาดสายทันทีที่ผมปิดประตูรถม้า
ผมกลับไปยังห้องของผมในตระกูลแวร์แวรี่ แต่ถึงจะอย่างนั้น ผมก็ยังไม่สามารถที่จะรวบรวมแรงไปทำอะไรได้เลย
ผมได้แต่ขลุกอยู่บนเตียงและปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเอง น้ำตาเหล่านี้โปรยลงมาบบนแก้ม ราวกับหยดน้ำที่ร่วงหล่นลงมาจากหลังคาในระหว่างที่พายุฝนโหมกระหน่ำ
ผมร้องไห้แบบนี้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่กันนะ?
แอนนาและผมนั้นหมั้นหมายกันเพียงเพราะโรคของเธอที่ทำให้เธอไม่สามารถจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้ตั้งแต่ทีแรก
นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมตัวผม บุตรคนที่สี่ของไวส์เคานต์ที่สิ้นเนื้อประดาตัวนั้น ได้ถูกเลือกให้เป็นคู่หมั้นของแอนนา บุตรสาวขุนนางของตระกูลดยุค
แต่เดิมแล้วเธอควรที่จะได้หมั้นหมายกับองค์ชายลำดับที่หนึ่ง และนั่นก็เป็นเพราะว่าโรคที่เธอมีทำให้ไม่สามารถเติมเต็มในเรื่องนั้นได้
ใช่แล้ว
ใช่แล้ว ถูกต้องแล้วล่ะ
ผมแค่จะต้องทำในสิ่งที่สมควรจะเป็นเท่านั้น
แอนนาเป็นผู้หญิงที่คู่ควรที่สุดที่จะได้นั่งบนบัลลังค์ของราชินี และผมเป็นแค่พวกชั้นต่ำ ขุนนางที่ตกทุกข์ได้ยากที่ได้แต่รอเวลาก่อนที่จะได้กลายเป็นสามัญชน
พวกเราไม่ควรที่จะมีสัมพันธ์ใดๆกัน แค่ศักดิ์ก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้ว
ผมจะทำให้สิ่งต่างๆกลับไปเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้ความสัมพันธ์กลับไปเหมือนเดิม ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ได้บิดเบี้ยวไปเพราะโรคแปลกประหลาดนี้ กลับไปเป็นอย่างที่เป็นดังเดิม
ผมเอาแต่พูดกล่อมเรื่องพวกนี้กับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผมก็ยังไม่สามารถที่จะกล่อมหัวใจดวงนี้ได้เลยสักนิด
ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
◆◆◆◆◆
ผมไม่ได้นอนหลับเลยสักนิดตลอดทั้งคืน ผมไม่ได้กินแม้แต่มื้อเย็นหลังจากที่ล้มลุกคลุกคลานไปยังเตียงทันทีที่กลับมาถึงบ้าน
ผมมุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ของตระกูลเซเว่นสเวิร์ธในวันต่อมาทั้งอย่างนั้น
“ท่านจิโน่ สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย ไม่ใช่ว่าคุณฝืนตัวเองอยู่หรอกนะคะ?”
แอนนาเห็นว่าผมไม่ได้นอนเลยสักนิด เธอจึงทักผมด้วยความเป็นห่วง
“ผมสบายดี”
ผมตอบกลับโดยที่ไม่ได้มองกลับไปที่เธอมากนักในขณะที่ผมเดินโหยงเหยงมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของตัวผม
ถ้าหากเป็นในอดีต ผมคงจะใช้เวลาหวานชื่นพูดคุยกับแอนนาในขณะที่เดินเนิบนาบกับเธอไปแล้ว
สายตาของเหล่าข้ารับใช้พลันเบิกกว้างเพราะการเปลี่ยนแปลงของผมที่กระทันหัน
ผมไม่ได้มองหน้าแอนนา แต่ว่าเธอเองก็คงผงะด้วยเหมือนกัน
ความสัมพันธ์ของพวกเราจะจบในไม่นานนี้แล้ว
มันคงมีแต่จะยิ่งเจ็บปวดหากพวกเรายังจะใกล้ชิดกันไปมากกว่านี้
นี่คือสิ่งที่มันควรจะเป็น ได้ขนาดนี้ก็ดีพอแล้ว
นั่นคือสิ่งที่ผมบอกกับตัวเอง แต่ผมก็รู้จักตัวเองดีพอว่าผมน่ะไม่ได้ไม่เป็นไรเลยสักนิด
ผมคงจะต้องระเบิดน้ำตาออกมาแน่ๆถ้าหากผมพูดคุยกับแอนนาในตอนนี้
เพราะอย่างนั้นผมถึงต้องห้ามตัวเองไว้ ผมจะคุยกับเธอไม่ได้
ผมจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองแน่ ถ้าหากตัวผมมาพังเอาเสียตั้งแต่ตอนนี้
มันคงจะเป็นเหมือนกับการไปขัดขวางเส้นทางอนาคตอันสดใสของแอนนา
ผมเองก็เป็นผู้ชายนะ
ผมไม่ได้ต้องการที่จะเป็นผู้ชายหน้าไม่อายที่ไปยืนขวางเส้นทางความสำเร็จของผู้หญิงอันเป็นที่รักหรอก
ถ้าหากว่าเป็นองค์ชายลำดับที่หนึ่งล่ะก็ พระองค์จะต้องปลอบประโลมเธอด้วยคำพูดที่นุ่มนวลอย่างทุกที และพระองค์คงจะกระซิบคำหวานกับเธออย่างปกติแน่
มันคงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับผมเพราะว่าผมนั้นไม่เหมาะกับการเป็นขุนนาง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับคนที่เกิดมาเป็นราชวงศ์
ผมยังไม่เคยพบกับพระองค์หรอก แต่พระองค์ยังเป็นเชื้อพระวงศ์ มียีนส์ที่สุดยอดจากหลายศตวรรษของเหล่าคนหนุ่มสาวที่หน้าตาดีในหลากหลายรุ่น
เขาคงจะหล่อเหลาเทียบไม่ติดกับคนอย่างเราแน่
ผมเริ่มรู้สึกตัวในทันทีว่าจิตใต้สำนึกของผมเริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับตัวองค์ชายลำดับที่หนึ่งเสียแล้ว
และผมรู้เป็นอย่างดีว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดจากความหึงหวงและความอิจฉาริษยา
จริงๆเลย นี่เราเป็นผู้ชายที่น่าสังเวชอะไรขนาดนี้เนี่ย
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex
พิสูจน์อักษรโดย: Rain K.