ผมยังคงดำเนินการอธิบายสิ่งของที่เหลือต่อไป
ชิ้นต่อไปคือกำไลข้อเท้าที่มีระบบป้องกันอัตโนมัติ
มันมีเยื่อเซนเซอร์ที่จะทำงานหลังจากที่มันถูกสวมใส่ไป และมันยังสามารถสัมผัสได้ถึงวัตถุหรือเวทมนตร์ที่เข้ามาในระยะ ถ้าหากมันสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่เข้ามาใกล้หรือแรงกระแทกที่แรงในระดับหนึ่งมันจะเปิดโล่ป้องกันขึ้นมาและห่อหุ้มรอบร่างกาย
มันอาจจะมีกรณีที่บุคคลคนนั้นไม่ทันรู้ตัว และทำให้เปิดใช้งานโล่ป้องกันขึ้นมาไม่ทันการ
ของชิ้นนี้จะช่วยเติมเต็มข้อเสียของไอเทมโล่ป้องกันเหล่านั้น และถูกออกแบบมาสำหรับรับมือการโจมตีทีเผลอ
มันคือของที่นำเทคโนโลยีเบื้องหลังของอุปกรณ์ป้องกันการชนกันของโกเลมกลับมาใช้ใหม่
ส่วนจี้เส้นนี้คืออุปกรณ์ล้างพิษที่เอาไว้รับมือกับพิษร้าย
หลังจากที่มันทำงาน มันจะดำเนินการวินิจฉัยทางการแพทย์ และตัวเวทแก้พิษที่เหมาะสมก็จะปล่อยออกมา
ผมสร้างของชิ้นนี้โดยอิงจากของที่เหมือนกันในโลกใบก่อนของผม
ของที่ผมสร้างขึ้นมาในโลกใบก่อนนั้นถูกออกแบบมาให้เป็นของใช้นอกบ้าน และพวกมันยังมีเอาไว้เป็นอุปกรณ์รักษาเวลาที่ผู้คนถูกกัดโดยงูหรือเหล่าแมลง
ผมค้นพบเอกสารการวินิจฉัยและเวทแก้พิษมากมายจากลูกแก้วคริสตัลที่ผมเก็บมาจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัยในตอนนั้น
ผมไปเจอเอกสารที่เกี่ยวกับการแก้พิษในระหว่างช่วงแรกของการขุดสำรวจเข้า
ดังนั้นจี้ชิ้นนี้จึงเป็นสิ่งที่ผมสร้างขึ้นในระหว่างที่ผมกำลังรวบรวมความรู้ใหม่ที่ค้นพบมา
มันคือของฝากที่กินเวลาในการสร้างมากที่สุดที่ผมสร้างมาแล้ว และผมภูมิใจกับมันมาก
แหม ผมไม่กล้าที่จะให้ท่านดยุคดื่มพิษเพื่อพิสูจน์เรื่องนั้นหรอก ก็เห็นๆกันอยู่ ผมจึงทำได้เพียงแค่อธิบายด้วยปากเปล่าเพียงอย่างเดียว
หลังจากนั้น ผมก็เริ่มดำเนินการอธิบายถึงของฝากของแอนนาและท่านแม่ยาย
ผมเองยังได้สร้างกำไลข้อเท้าที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้หญิงเอาไว้ด้วย และพวกมันเองก็มีระบบป้องกันเดียวกัน
กริชและระบบการทำงานก็เหมือนๆกัน
ความแตกต่างเดียวมีแค่การออกแบบ ในเมื่อของพวกนี้เป็นของสำหรับผู้หญิง
สำหรับของรักษาพิษนั้น ผมเลือกที่จะให้เป็นเข็มกลัดแทนที่จะเป็นจี้
ที่จริงแล้วผมอยากจะให้เป็นแหวนด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้สวมเอาไว้ตลอด แต่ผมก็ทำให้มันเล็กเสียขนาดนั้นไม่ไหว
ดังนั้นผมจึงไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากทำเป็นเข็มกลัด
ไอเทมโล่ป้องกันเป็นหวี ในเมื่อพวกมันเอาไว้สำหรับผู้หญิง
ผมคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่จะนำหวีนั้นมาผสมกับเครื่องประดับศรีษะชิ้นอื่นๆ ผมจึงจับคู่พวกมันเข้าด้วยกันกับสีผมของพวกเขาและทำออกมาให้ดูเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทุกๆอย่างเป็นของทำมือเพื่อแต่ละคนอย่างแท้จริง ดังนั้นแล้วสิ่งของทุกชิ้นเว้นแต่ชิ้นที่รักษาพิษนั้นล้วนใช้เทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาสำหรับพวกโกเลมป้องกัน
ทั้งสามคนต่างมองมาที่ผมอย่างตกตะลึงหลังจากที่ผมได้อธิบายเสร็จ
“ฉันตะลึงไปเลยล่ะจ้ะ ของพวกนี้ทุกชิ้นเทียบได้กับสมบัติของชาติเลยนะจ๊ะ”
ท่านแม่ยายเป็นคนที่ฟื้นตัวได้เร็วที่สุด
“อืม ไม่มีทางที่พวกเราจะรับของพวกนี้ไว้ได้หรอก”
“ได้โปรดอย่าพูดอย่างนั้นและรับไว้เถอะนะครับ ตัวผมคิดถึงทุกท่านว่าเป็นดั่งสมบัติอันสุดแสนหวงแหน ได้โปรด ขอร้อง รับไว้เถอะนะครับ”
ผมคุกเข่าลงและก้มศรีษะให้
มันถือเป็นการแสดงการอ้อนวอนอย่างถึงที่สุด เทียบเท่ากับการหมอบกราบในโลกใบก่อนของผม
“จะยังไง พวกราชวงศ์คงจะมอบยศศักดิ์ให้กับเจ้าเป็นแน่ แม้ว่าเจ้าจะมอบของขวัญของเจ้าให้ไปเพียงแค่ชิ้นเดียว เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้ายอมโยนเกียรติเรื่องนั้นทิ้งไปรึ?”
ท่านดยุคถามผม
“ผมไม่ได้มีความตั้งใจที่อย่างจะถูกยกย่องนับถือในฐานะขุนนาง แต่ครอบครัวของกระผมนั้นมีค่ามากยิ่งกว่ายศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆทั้งปวงสำหรับผม ผมไม่อยากที่จะเห็นแอนนาต้องเศร้าใจหากเกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านทั้งสองครับ”
ผมตอบกลับท่านดยุค
“พวกเราไม่ใช่เพียงครอบครัวเดียวที่เจ้ามีมิใช่หรือ? นี่มันจะไม่เป็นอะไรกับตระกูลอดอร์นิและตระกูลแวร์แวรี่หรือยังไงกันจ๊ะ?”
ท่านแม่ยายเริ่มถามไถ่
ท่านยังคงคิดถึงฐานะของผมในการที่มีสิ่งของเหล่านี้ที่เรียกได้ว่ามีค่าเทียบเท่ากับสมบัติชาติอยู่ตรงหน้าของท่าน
ผมเชื่อใจคนๆนี้ได้จริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลย
“โปรดอย่าพึ่งเข้าใจผิดครับ ทุกคนจากอดอร์นิและแวร์แวรี่ต่างก็มีของพวกนี้แล้ว”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”
“เอ๋!?”
พวกเขาทั้งสามต่างตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
แอนนาค่อยๆลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอและเดินเข้ามาหาผมที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่
จากนั้นเธอก็คุกเข่าลงมาข้างๆผมจนกระทั่งสายตาของพวกเราอยู่ในระดับเดียวกัน”
“ท่านจิโน่ ที่ท่านไปนั้นใช่การเดินทางไปทำธุรกิจจริงๆหรือคะ?”
สายตาที่ส่อแววเป็นห่วงของแอนนาจดจ้องมาที่ผม ผมทนรับมันไม่ไหวจึงทำได้แค่หลบตาไป
“ไม่ใช่สินะคะ? ท่านเดินทางไปยังโบราณสถานที่ยังไม่ถูกขุดค้นสินะคะ?”
แอนนากล่าว ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำซึมออกมากลางประโยคจนกระทั่งน้ำตาเริ่มหลั่งรินออกมา
“ทำไมถึงทำอย่างนั้นล่ะคะ?! ทำไมท่านต้องไปทำอะไรที่อันตรายแบบนั้นด้วย!?”
แอนนากุมเสื้อของผมบริเวณไหล่และเริ่มเขย่าตัวผม เธอร้องไห้เป็นการประท้วงออกมา
โบราณสถานที่ยังไม่ถูกขุดค้นนั้นถูกปฏิบัติเหมือนดั่งถ้ำมหัศจรรย์ — เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมายเกินกว่าที่คนๆนึงจะจินตนาการได้
แม้จะเป้นเพียงบุตรชายคนที่สามของครอบครัวเกษตรกรก็ยังสามารถที่จะได้รับยศอัศวินและเป็นหัวหน้าตระกูลขุนนางได้ถ้าหากเขาค้นพบ [อุปกรณ์เวทมนตร์อาร์ติแฟค] เข้า ในเมื่อของพวกนี้ถือได้ว่าเป็นสมบัติของชาติ
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีแหล่งโบราณสถานมากมายที่ยังไม่ถูกขุดค้นถึงจะรู้ว่ามีที่เหล่านั้นอยู่ก็ตาม
แม้สถานที่ที่มีสมบัติเหล่านั้นจะเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง โดยปกติแล้วผู้คนก็จะไม่แม้แต่พยายามไปขุดเจาะสถานที่เหล่านั้นเพราะว่าสถานที่พวกนั้นอันตรายเอาเสียมากๆ
พวกสัตว์อสูรสงครามที่ใช้การโจมตีระยะไกลชุกชุมอยู่ในที่พวกนั้น และพวกสัตว์อสูรสงครามพวกนั้นเองก็ยังสามารถใช้เวทเสริมแกร่งร่างกายได้ด้วย
พวกภาคีของเหล่าอัศวินและกลุ่มของนักผจญภัยเคยได้พยายามที่จะบุกไปยังที่นั่น แต่ทุกกลุ่มที่ได้มุ่งหน้าออกไปนั้นต่างถูกล้างบางจนสิ้น ไม่มีดวงวิญญาณสักดวงที่จัดการพวกนั้นสำเร็จ
ดังนั้น โบราณสถานพวกนั้นจึงยังไม่ถูกขุดค้นมาจนถึงทุกวันนี้
การที่ออกเดินทางไปยังที่นั่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากการไปตาย เพราะงั้นการไปยังโบราณสถานที่ยังไม่ถูกขุดค้นนั้นจึงเปรียบเสมือนการฆ่าตัวตายดีๆนี่เอง
นั่นจึงเป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมแอนนาถึงได้ร้องไห้ออกมาด้วยความทุกข์ใจขนาดนี้
ความรู้สึกผิดที่ล้นเหลือนี้นั้นมากมายเหลือคณา จนผมสูญเสียความปรารถนาที่จะโกหกว่าผมนั้นเดินทางไปทำธุรกิจค้าขายอีกต่อไป
“เอิ่ม… ผมขอโทษ มันมีบางอย่างที่ผมอยากจะมอบให้แอนนาไม่ว่ายังไงก็ตาม แล้วผมก็ได้ข้อมูลมาว่ามันอยู่ในโบราณสถานน่ะสิ”
“ฉันไม่ต้องการของอะไรพวกนั้นหรอกค่ะ! ท่านจิโน่ต่างหากที่สำคัญสำหรับฉัน! ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณเข้า… ฉันคงจะ… ฉันคงจะ…”
แอนนาพูดอะไรต่อไม่ออกกลางคัน เธอจึงซบหน้ามาที่ไหล่ของผมในขณะที่ยังคงคุกเข่าและสะอื้นต่อไป ทำอะไรต่อไม่ได้เลย
“……ผมขอโทษนะ ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำอะไรที่อันตรายอีกแล้ว”
ผมโอบมือทั้งสองห่อหุ้มแอนนาและกอดเธออย่างแน่นหนา
อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะยอมแพ้หรอก
มันมีเขียนไว้ในตำราว่าผู้ที่ได้รับความเจ็บปวดจาก [ภาวะขัดข้องในระบบหมุนเวียนเวทมนตร์เรื้อรัง] จะมีโฮสต์ของโรคแทรกซ้อนของอวัยวะภายในและมีอายุขัยที่สั้นหากไม่ได้รับการรักษา
ยิ่งอาการของโรคร้ายแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสสูงที่คนไข้จะเจ็บป่วยจากอาการแทรกซ้อนเหล่านั้น และอาการจะกำเริบรวดเร็วมากขึ้น
แอนนาเองก็กำลังป่วยจาก [โรคเอ็กซ์ตรีมไฮเปอร์มาเกีย] ที่เป็นขั้นกว่าของ [ภาวะขัดข้องในระบบหมุนเวียนเวทมนตร์เรื้อรัง] ความเป็นไปได้ที่เธอจะมีอายุขัยที่สั้นนั้นจึงมีสูงกว่ามาก
สิ่งที่ผมสัญญานั้นมีเพียงว่าจะไม่ทำ “อะไรที่อันตราย”
มันก็คงจะไม่มีปัญหาหากว่ามันไม่ “อันตราย”
“เห้อ เข้าใจแล้ว เพราะงั้นยืนขึ้นเถอะจ้ะ พวกเราจะรับของพวกนี้ไว้ ท้ายที่สุดแล้วเธอก็จะต้องเป็นผู้ที่สืบทอดพวกมันหลังจากที่พวกเราจากไปแล้วอยู่ดีนี่นะจ๊ะ”
ท่านแม่ยายพูดแทรกขึ้น
“ใช่ จะให้รับของพวกนี้ไว้ก็ดีหรอก แต่ให้ข้าตั้งเงื่อนไขเสียก่อน อย่าทำอะไรแบบนี้อีกเด็ดขาด ข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่หากว่าทำลูกสาวข้าร้องห่มร้องไห้อีก นั่นคือเงื่อนไขของข้า”
ท่านดยุคยอมที่จะรับของขวัญแล้ว
“ขอบคุณมากครับ”
พูดเช่นนั้นออกไป ผมยืนขึ้นก่อนจะจับไหล่แอนนาและพาเธอเดินกลับไปนั่งยังโซฟา
แอนนายังคงสะอื้นอยู่ข้างๆผมไปอีกสักพัก
ไม่มีใครถามถึงสิ่งที่ผมอยากจะมอบให้แอนนา พวกเขาอาจจะพอรับรู้บ้างแล้วว่ามันคืออะไร
[อิลิกเซอร์]
มันคือโพชั่นเวทมนตร์ในตำนานที่รักษาได้ทุกโรคหากได้ดื่ม
หากตำนานนั้นเป็นจริง งั้นมันก็ควรที่จะรักษาอาการป่วยของแอนนาได้
ท่านดยุคและดัชเชสอาจจะเคยตามหามันมาก่อน ผมพนันเลย
แต่สำหรับผม ผมเชื่อว่าอิลิกเซอร์นั่นไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่านิทานเลย
เมื่อตอนที่ผมยังมีชีวิตอาศัยอยู่ในโลกใบก่อน ไม่เคยมีโพชั่นเวทมนตร์ที่สะดวกสบายขนาดนั้นอยู่เลย และการรับการรักษาและยาที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษาโรคโดยขึ้นอยู่กับว่าโรคนั้นเป็นโรคอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น ช่องว่างระหว่างยุคสมัยก่อนของผมและยุคปัจจุบันนี้ไม่น่าจะใหญ่โตถึงขนาดนั้น
นั่นก็เพราะว่าโบราณสถานของตึกสำนักงานราชการทอนกิน สกัลด์ทรี และหอคอยแลนด์เมอร์ส ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิดจากที่ผมจำได้
อารยธรรมอาจจะล่มสลายหลังจากที่ผมได้จากไป และนั่นก็จะอธิบายได้ว่าสิ่งก่อสร้างพวกนี้อาจจะถูกสร้างใหม่ได้อย่างไร
การคิดค้นอิลิกเซอร์ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆเช่นนั้นได้ ในเมื่อเทคโนโลยีการแพทย์ไม่น่าที่จะก้าวหน้าไปไกลขนาดนั้นในกรอบระยะเวลาที่สั้นแค่นี้
นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
จะอย่างไร ผมก็จะไม่โทษพวกเขาที่กำลังเข้าใจผิดว่าผมนั้นต้องการที่จะครอบครองอิลิกเซอร์
นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่ผมกำลังตามหานั้นมีไว้เพื่อรักษาโรคร้ายของแอนนาแน่นอนอยู่แล้ว อีกอย่าง ผมลัพธ์ที่ผมคาดหวังนั้นไม่ได้ต่างไปจากอิลิกเซอร์นั่นเลย
“แหม คุณคะ? ท่านจิโน่คำนึงว่าพวกเราเป็นครอบครัวของเขานะคะ แทนที่จะทำตัวเป็นคนแปลกหน้าโดยยืนกรานให้เขาเรียกคุณว่าดยุค ทำไมคุณไม่บอกให้เขาเรียกคุณว่าพ่อตาแทนล่ะคะ?”
“ไม่ได้! แล้วเธอจะทำยังไงถ้าหากว่าความบริสุทธิ์ของแอนนาจะต้องถูกระรานเพราะหมอนี่ได้ใจเกินไปน่ะ?”
“ทะ-ท่านพ่อคะ!!!”
แอนนาโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะความอายที่ท่านพ่อของเธอพูดเรื่องบนเตียงขึ้นมา
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex
พิสูจน์อักษรโดย: Rain K.
MANGA DISCUSSION