แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน - ตอนที่ 13.1 ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน เหล่าของฝากสุดเซอร์ไพร์ส (1)
- Home
- แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน
- ตอนที่ 13.1 ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน เหล่าของฝากสุดเซอร์ไพร์ส (1)
“ท่านจิโน่!”
แอนนาได้มองออกมาจากบริเวณใกล้กับประตูของโถงทางเข้า เธอเปล่งเสียงและตะโกนเรียกทันทีที่เธอเห็นผม
ผมไม่ได้ส่งข่าวคราวถึงตระกูลเซเว่นสเวิร์ธเลยด้วยความคิดที่ว่าคงจะเป็นการดีที่สุดหากมาหาพวกเขาเองโดยตรงเพื่อให้พวกเขาทราบว่าผมนั้นยังปลอดภัยดีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แอนนาคงจะเร่งรีบมาหาทันทีหลังจากที่ได้ทราบข่าวจากคนเฝ้าประตู
เธอไม่ได้มีท่าทีสง่างามอย่างทุกที
ท่าทางของเธอในตอนนี้เป็นข้อบ่งชี้ว่าเธอรีบเร่งมาโถงทางเข้าคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
“แอนนา!”
นี่ก็เป็นเวลาสองเดือนนับตั้งแต่ที่ผมได้เห็นแอนนาครั้งสุดท้าย จึงช่วยไม่ได้ที่ผมจะวิ่งเข้าไปหาเธอทันทีที่ผมลงจากรถม้า
สำหรับขุนนางแล้ว การวิ่งไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสม แต่ในเมื่อเรื่องนี้เกิดนอกคฤหาสน์และไม่ใช่ที่โถงทางเข้าด้วย มันก็นับเป็นเพียงการละเมิดธรรมเนียมเพียงน้อยนิดเท่านั้น
“คุณปลอดภัย ขอบคุณพระเจ้าที่คุณปลอดภัยดี…”
แอนนาร้องห่มร้องไห้ในอ้อมแขนของผม ไม่สามารถที่จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
ท่านดยุคเองก็ดูจะยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ให้ในครั้งนี้
หัวใจของผมถูกเติมเต็มอีกครั้งด้วยความเอ็นดูที่มีต่อแอนนาที่แสนน่ารัก
ผมรู้สึกได้ถึงความสุขที่เอ่อล้นขึ้นมาในตัวผมในขณะที่ผมได้รู้สึกถึงความอบอุ่นในร่างกายของแอนนาที่ทั้งอ่อนนุ่มและเพรียวบาง
เรื่องหยุมหยิมนั้นถือเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงมากๆในโลกใบนี้
พวกมอนสเตอร์เองก็ดูเหมือนจะเป็นลูกหลานของพวกสัตว์อสูรสงครามที่ได้ถูกเพาะเลี้ยงมาเพื่อสังหารผู้คน
พวกพ่อค้าจะคอยระมัดระวังเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการถูกพบตัวเข้าโดยพวกมอนสเตอร์ แต่ถึงอย่างนั้น เหล่ามอนสเตอร์เองก็จะออกมาตามแกะร่องรอยที่หลงเหลือไว้เพื่อที่จะโจมตีพวกเขาอยู่ดี
พวกมันเกือบทุกตัวจะยอมตามรอยเหยื่อของพวกมันไปสุดขอบโลก เพราะงั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พบเข้ากับมอนสเตอร์พวกนั้นในแหล่งที่อยู่ของพวกมัน
ทางเองอัศวินเองก็จะคอยออกมากำจัดมอนสเตอร์พวกนี้อยู่เป็นระยะ และเหล่านักผจญภัยเองก็ออกล่าพวกมันเช่นกัน
บริเวณใกล้เขตเมืองหลวงนั้นค่อนข้างที่จะปลอดภัยเพราะว่าการกำจัดมอนสเตอร์ที่เกิดขึ้นนี้เอง แต่อันตรายยังคงสูงอยู่ในพื้นที่ไกลปืนเที่ยงและบริเวณห่างไกลที่ที่การกวาดล้างนั้นไม่สามารถทำได้ในเร็ววัน เพราะว่ามีมอนสเตอร์จำนวนมากเดินเตร็ดเตร่ในสถานที่เหล่านั้น
แอนนาร้องไห้ออกมาขนาดนี้ก็เพราะว่าที่ที่ผมมุ่งหน้าออกไปจากเมืองหลวงโดยอ้างว่าไปค้าขายนั้นอยู่ในพื้นที่ชายแดน
พวกมอนสเตอร์นั้นขึ้นชื่อเรื่องการสะกดรอยตามร่องรอยของมนุษย์และเข้าจู่โจมไม่เพียงแต่ในภูเขาที่พวกมันอาศัยอยู่เท่านั้น แต่รวมถึงบริเวณทุ่งราบด้วยเพราะมันตามเหยื่อของพวกมันมานั้นเอง
ดังนั้น ผู้คนจึงต้องล้อมรอบเมืองของพวกเขาเอาไว้ด้วยกำแพงสูงและอาศัยอยู่ด้านในพื้นที่ปิดอยู่เช่นนั้น
ขนาดเหล่าโจรป่าและโจรภูเขายังไม่อาศัยอยู่ด้านนอกเมืองเลย
เพราะว่าพวกนั้นเองก็จะมีแต่ลงเอยที่ตกเป็นเหยื่อของมอนสเตอร์พวกนั้นหากอาศัยอยู่ที่นั่น
พื้นที่ด้านนอกกำแพงของเมืองหลวงเองก็อันตรายมากเกินพอแล้ว เพราะงั้นลองจินตนาการว่าภัยอันตรายนั้นจะมากมายมหาศาลแค่ไหนหากเป็นในพื้นที่ชายแดน
จำนวนผู้เสียชีวิตในพื้นที่เหล่านั้นสูงลิ่ว เพราะงั้นแอนนาจึงกลัวว่าผมจะไม่ได้กลับมายังบ้านหลังนี้อีก
ที่จริงแล้ว พ่อค้าพวกนั้นที่ออกไปทำธุรกิจอยู่ที่บริเวณชายแดนส่วนใหญ่จะเสียชีวิตลงที่นั่น
นั่นเองก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมผมถึงได้ที่จะมายังคฤหาสน์ของตระกูลเซเว่นสเวิร์ธโดยตรงโดยไม่ส่งข่าวคราวบอกก่อนล่วงหน้า แทนที่จะไปยังตระกูลแวร์แวรี่หรือบริษัทของผมเอง
◆◆◆◆◆
“พวกนี้เป็นของฝากสำหรับคุณในครั้งนี้นะ”
แอนนาและผมนั่งตรงข้ามกับท่านดยุคและท่านแม่ยายในห้องรับแขก
พวกเขาได้สั่งให้คนอื่นออกไปจนหมด จึงมีแค่พวกเราสี่คนอยู่ในห้องนี้
หลังจากที่เหล่าข้ารับใช้ออกไปจากห้องและเหลือเพียงแค่พวกเรา ผมก็ได้เริ่มนำของฝากออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“โอ๊ะ แหม! นี่คืออะไรหรือจ๊ะ?”
“หืม เจ้าของชิ้นเล็กขิ้นน้อยพวกนี้มันอะไรกัน?”
ท่านแม่ยายหยิบกำไลข้อเท้า ในขณะที่ท่านดยุคได้หยิบกำไลข้อมือไปในระหว่างที่ตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิด
“พวกมันคือ [อุปกรณ์เวทมนตร์อาร์ติแฟค] ครับ”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?”
“โอ๊ะ ตายจริง!”
“เอ๋!?”
ท่านดยุค ท่านแม่ยาย และแอนนาต่างร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
พวกสิ่งของจากอารยธรรมยุคโบราณจะถูกค้นพบนานปีทีหน
ของเหล่านี้รู้จักกันในชื่อ [อาร์ติแฟค]
ถึงพวกมันส่วนใหญ่นั้นล้วนไร้ประโยชน์ก็เถอะ
มันก็สมควรแล้วล่ะนะ
ผ่านมาตั้งสองหมื่นปี มันเกินกว่าช่วงเวลารับประกันสิ่งของต่างๆไปอักโขแล้ว
ถึงแม้ว่าของเหล่านั้นจะถูกคงสภาพเอาไว้ด้วยเวทมนตร์ทำให้มันไม่เสื่อมอายุขัยโดยไม่ได้รับความเสียหายเลย พวกมันแทบทุกชิ้นก็ยังคงมีโครงสร้างภายในของสมัยก่อนอยู่
ผู้คนจะต้องสำรองพลังงานเวทมนตร์ไปยังสิ่งของเครื่องใช้เพื่อที่จะให้ของเหล่านั้นทำงานได้ และแม้แต่กับมือถือเองก็จะไม่สามารถโทรออกได้หากไม่มีสถานีสัญญาณมานา
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกรณีที่หาได้ยากในการที่จะค้นพบสิ่งของเครื่องใช้ที่ยังคงทำงานได้อยู่ในโลกใบนี้ ในยุคสมัยนี้
พวกนั้นถูกเรียกกันว่า [อุปกรณ์เวทมนตร์อาร์ติแฟค] เพื่อที่จะแบ่งแยกพวกมันออกจาก [อาร์ติแฟค] ทั่วไป
ไม่เหมือนกับ [อาร์ติแฟค] ที่เป็นของสะสมไร้ค่าที่มีดีแค่เอาไว้ตั้งโชว์อย่างเดียว [อุปกรณ์เวทมนตร์อาร์ติแฟค] นั้นมีราคาที่แพงหูฉี่
[อุปกรณ์เวทมนตร์อาร์ติแฟค] ที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบันนี้แทบทุกชิ้นล้วนมีเจ้าของเป็นราชวงศ์และเหล่าขุนนางที่มีชื่อเสียง
[อุปกรณ์เวทมนตร์อาร์ติแฟค] นั้นนับได้ว่าเป็นสมบัติชาติที่ประเมินราคาไม่ได้
ถึงอย่างนั้น ผมเองก็เป็นวิศวกรที่สร้าง [อุปกรณ์เวทมนตร์อาร์ติแฟค] ในชาติก่อน
ถ้าหากว่าเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับสายงานของผมล่ะก็ ผมจะสร้างเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ
“…แล้ว พวกมันมีไว้ทำอะไรล่ะ?”
ท่านดยุคเอ่ยถาม
ผมยืนขึ้นและไปยังบริเวณที่ห่างออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มการสาธยาย
“ผมจะเริ่มจากการอธิบายด้วยของขวัญของท่านดยุคก่อนนะครับ สำหรับเจ้ากำไลข้อมือชิ้นนี้ ช่วยสวมมันเอาไว้อย่างนี้ และถ้าหากท่านหมุนอัญมณีเม็ดนี้ล่ะก็ — “
ผมสาธิตในขณะที่ดำเนินการอธิบาย พวกเราได้ยินเสียงเหล็กกระทบดังคลิก และมีโล่ปรากฎออกมารอบตัวผม
เป็นเยื่อบางๆ และเปล่งแสงจางๆล้อมรอบตัวผม
“มันจะเปิดการใช้งานโล่เวทมนตร์ขึ้น ลูกธนูและเวทมนตร์เล็กๆน้อยๆจะใช้ไม่ได้ผล แม้อัศวินไม่กี่คนจะโจมตีเข้ามาพร้อมกัน ดาบของพวกนั้นก็จะมาไม่ถึงท่านครับ”
“กำไลข้อมือก่อนหน้านี้เป็นของสำหรับป้องกัน แต่กริชเล่มนี้เป็นของใช้สำหรับโจมตี กดอัญมหณีตรงด้ามและร่าย “กริชเอ๋ย จงปกปักษ์ข้า”
ผมทำสิ่งที่ผมพึ่งอธิบายไปกับกริชเล่มนี้ และมันก็ได้บินออกไปจากมือของผมและลอยอยู่กลางอากาศ
“ท่านดยุค ช่วยโยนอะไรเข้ามาใส่ผมเพื่อเป็นการทดสอบได้ไหมครับ?”
“ดะ-ได้สิ”
ท่านดยุคตอนกลับมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก่อนที่จะโยนบิสกิตบนโต๊ะมาที่ผม
มีดที่ลอยอยู่นั้นฟันมันอย่างว่องไวและกระแทกของว่างนั่นลง
“อย่างที่ท่านเห็น มันจะขยับอัตโนมัติ รหัสคำสั่งก็คือ “ปกปักษ์” เพราะงั้นโดยหลักแล้วมันคืออุปกรณ์ป้องกัน แต่มันก็โจมตีศัตรูได้เหมือนกันหากออกคำสั่งโจมตี มันเป็นสิ่งที่อันตราย เพราะงั้นผมจะไม่สาธิตให้ดูนะครับ”
ผมยังคงดำเนินการอธิบายสิ่งของที่เหลือต่อไป
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex
พิสูจน์อักษรโดย: Rain K.