แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก - ตอนที่ 165 เหม่อลอย ?
นิยาย แต่งก่อน…ค่อยอ้อนรัก
ตอนที่ 165 เหม่อลอย ?
“อืม… ใช่ มีอะไรหรือ ?”
เซี่ยฉิงกงยิ้มพลางส่ายหน้าเธอหันไปมองหน้ามู่เฉินฮ่าวจากนั้นก็ห่อเกี่ยวต่อไป
“ไม่มีอะไรค่ะ หนูก็แค่ถามไปเรื่อย ๆ เท่านั้น”
เพื่อให้เพียงพอต่อพวกเขาทั้งห้าคนจึงห่อเกี่ยวไปเกือบ 90 ชิ้นหลังจากทําเสร็จก็ใส่เกี่ยวทั้งหมดลงในหม้อ …
ส่วนที่เหลือก็คือการปรุงรสซึ่งเซียงกงเป็นคนลงมือจัดการแต่เพียงผู้เดียวจากนั้นเธอก็ไปจัดเตรียมน้ำส้มสายชูซีอิ้วและซอสอื่น ๆ ไม่นานเกี่ยวน้ำก็เสร็จสมบูรณ์
ทุกอย่างถูกนํามาจัดวางเรียงไว้ บนโต๊ะเซี่ยฉิงกงตะโกนเรียกหมั่นโถว และอาเจิ้งที่อยู่ด้านข้าง
“มา ๆ หมั่นโถว อาเจิ้ง มานั่งกินด้วยกันเลย”
อาเจิ้งยิ้มพลางส่ายศีรษะปฏิเสธ
“อย่าเลย นายหญิงน้อย หมั่นโถวกับผมเป็นเพียงคนรับใช้
เมื่อเซี่ยฉิงกงได้ยิน เธอก็รู้สึกไม่ชอบใจนักฐานะไหนแล้วยังไงล่ะ ? คนเหมือนกันจะแบ่งแยกชนชั้นกันทําไม ? พวกเขาก็แค่ทํางานให้กับตระกูลมู่ทว่าสถานะของพวกเขากับคนอื่น ๆ ก็เท่าเทียมกัน
“นั่งกินเกี่ยวด้วยกันเถอะ”
มู่เฉินฮ่าวช่วยเซียฉิงกงหยิบทิชชูเช็ดแป้งที่ติดบนใบหน้าอย่างอ่อนโยนพร้อมกับพูดเบา ๆ
ในที่สุดหมั่นโถว และอาเจ๋งก็ต้องยอมมานั่งกินอาหารร่วมโต๊ะกับพวกเขา
ทุกคนร่วมรับประทานอาหารกับเซียเพิ่งหัวต่างกินเกี่ยวร่วมกัน สนทนาและหัวเราะกันเหมือนคนในครอบครัว
หมั่นโถวปากหวานมาก คําพูดของเธอทําให้เซี่ยเจิ้งหัวหน้าแดงและอารมณ์ดีถึงกับอยากรับเธอเป็นลูกบุญธรรม
เซี่ยฉิงกงเห็นว่ายังมีเกี่ยวเหลืออยู่เธอจึงให้พวกคนรับใช้เก็บเกี่ยวพวกนั้นไปรับประทานเป็นอาหารเย็น
ครั้นจะออกจากบ้านสกุลเซีย เซี่ยเจิ้งหัวก็ดูเหมือนจะไม่เต็มใจ เขาเอาแต่บ่นให้เซียฉิงกงกลับมาเยี่ยมบ้านให้บ่อยขึ้น
ตอนนี้เหลือเขาซึ่งเป็นเจ้าบ้านชราเพียงคนเดียวในบ้านหลังนี้ แน่นอนว่าเพื่อดูแลเขาแล้วเซี่ยฉิงกงจําเป็นที่จะต้องกลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยขึ้นดังนั้นคําขอของเซี่ยเจิ้งหัวย่อมเป็นจริงอย่าง แน่นอน แม้ว่าเซี่ยฉิงกงจะไม่ได้รับปากเขาก็ตามที
หลังออกจากตระกูลเซีย มู่เฉินฮ่าวและอาเจ๋งก็ได้รับโทรศัพท์หุ้นส่วนของบริษัททั้งสองจําเป็นต้องไปพบพวกเขามู่เฉินฮ่าวและอาเจิ้งจึงจากไปโดยทิ้งหมั่นโถวไว้กับเซี่ยฉิงกงเพราะเซี่ยงกงต้องไปเยี่ยมเซียฉิวเฉินที่โรงพยาบาลซึ่งหากจะนับดูแล้วเซียฉิวเฉินก็พัก ฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลมามากกว่าสิบวันแล้วอาการของเธอน่าที่จะดีขึ้นมากแล้ว
ครั้นมาถึงโรงพยาบาล เซี่ยฉิงกงก็ก้าวลงจากรถเธอแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แจ่มใสท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสงดงามและสว่างไสว
ไม่ต่างจากอารมณ์ของเซียฉิงกงในเวลานี้เธอกําลังจะหมั้นเธอจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“หมั่นโถว เอาเกี่ยวนี้ไปให้แม่ของฉันด้วยฉันจะไปพบหมอซูเพื่อซักถามอาการล่าสุดของแม่ฉันก่อน”
โดยทั่วไปแล้วแพทย์มักจะหลีกเลี่ยงไม่พูดคุยเกี่ยวกับสภาพร่างกายและอาการเจ็บป่วยต่อหน้าผู้ป่วยเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายใจ
นอกจากนี้ยังมีบางเรื่องที่เซี่ยฉิงกงต้องการจะถามหมอซูเป็นการส่วนตัว
“นายหญิงน้อยไม่คิดว่าคําพูดของคุณตลกไปหน่อยหรือ ?”
หมั่นโถวพูดหลังจากหยิบกล่องเกี่ยวขึ้นมา
“คําพูดของฉันตลกงั้นหรือตรงไหน
ล่ะ ?”
เซี่ยฉิงกงสับสน เมื่อครู่เธอมัวแต่คิดว่าจะพูดอะไรกับหมอซู ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด
“ก็คุณบอกว่า หมั่นโถวเอาเกี่ยวไปให้แม่ฉัน”
“ฮะ … ฮ่าฮ่า” เซียฉิงกงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะจนตายิบหย์ นัยน์ตาของเธอชุ่ม (เหมือนน้ำเพราะเมื่อพูดประโยคนี้สองครั้งด้วยตนเอง มันก็ฟังตลกจริงๆ
ครั้นเธอมาถึงประตูห้องทํางานของหมอซูเซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างใน”เข้ามาได้”
“หมอ” เซียฉิงกงเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปในห้อง
ยามนี้หมอซูกําลังเขียนรายงานการวิจัยทางการแพทย์อยู่ทันทีที่เธอเห็นเซี่ยฉิงกงก้าวเข้ามาในห้องเธอก็วางปากกาลง
“นายหญิงน้อยมาเยี่ยมคุณป้าเหรอ..?”
“อืม… หมอซู ฉันขอรบกวนหน่อยได้มั้ย ? ตอนนี้อาการของคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง ?
“อาการของคุณป้าดีขึ้นมากแล้วการผ่าตัดดําเนินไปได้อย่างราบรื่น หากแต่บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าคุณป้ามีอาการเหม่อลอยเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุข”
เหม่อลอย ?
***จบตอนเหม่อลอย ?***