250 หยวน!! บ้าไปเเล้ว!!
‘ช้าก่อนจางเสี่ยว! เย็นเอาไว้! คนกำลังอยู่เยอะ ห้ามอาละวาด!’ จางเสี่ยวกลับมาเเสดงสีหน้าเย็นชา เธอพายใจเข้าลึกเเละถือจี้หยกให้เจ้าของร้านดู
“เถ้าเเก่! ทำไมจี้หยกถึงราคาตั้ง 250 หยวน ฉันอยากรู้เหตุผล!?” จางเสี่ยวไม่ได้พูดเสียงดัง เเต่เนื้อความกลับชัดเจน…ประกอบกับผู้พูดเป็นหญิงสาวน่ารัก คนในร้านที่กำลังเลือกของหลายสิบคนจึงหันมาดูกันอย่างรวดเร็ว
‘จางเสี่ยวไม่มีทางยอมจ่ายราคาเเพงเเบบนั้น! ดูนางเอกสิจ่ายเเค่ 2 หยวนก็ได้เป็นเจ้าของเเล้ว เเต่พอถึงคราวเธอ…ราคามันกล้บเฟ้อจนกระเป๋าตังค์เเทบสั่น’
‘หรือมันจะเป็นโปรโมชั่นเฉพาะราคาของตัวเอก! ดังนั้นจางเสี่ยวที่มีฐานะเป็นเเค่ตัวประกอบพ่วงฐานะเเม่ตัวร้ายจึงต้องจ่ายราคาเต็ม!’
‘เเต่ต่อให้เป็นราคาเต็ม…มันก็ยังเเพงไปสำหรับจี้หยกปลอมๆชิ้นนี้อยู่ดี ถ้าไม่ได้คำตอบที่เเท้จริง เธอจะไม่หยุดเอาเรื่องเจ้าของร้านใจเหี้ยมอย่างเเน่นอน หึ เจ้าเถ้าเเก่สองมาตรฐาน!’
“เห็นไหมหยกนี่มีลายที่สวยงาม เเละมันมีอายุเกิน 100 ปี ราคานี้ถือว่าถูก..ถ้าไม่ซื้อคุณจะ—” ยังไม่ทันที่เถ้าเเก่เจ้าของร้านจะพูดจบ จางเสี่ยวก็วางเงินบนโต๊ะเสียงดังสนั่นร้านในทันที
“คุณผู้หญิง นี่เป็นความคิดที่ถูกต้องเเล้ว อ้าว….” เถ้าเเก่เจ้าของร้านกำลังดีใจที่ตนเองได้เขมือบหมูโง่ๆ ทว่าพอเห็นเงินเเค่ 2 หยวนวางอยู่บนโต๊ะเขาก็เงยหน้าขึ้นมองลูกค้าสาวด้วยสีหน้าตกใจ
“จี้หยกนี่มีค่าไม่ถึง 1 หยวนเท่านั้น! อีกหยวนฉันเเถมให้…ถือเป็นค่าหยิบจี้หยกมาให้เเล้วกัน” เธอไม่อยากจ่ายถูกกว่านางเอก ไม่เช่นนั้นคงมีคนค่อนเเคะว่าเธอซื้อของตัดราคาอย่างไม่ยุติธรรมเเน่ๆ
“คุณผู้หญิง! หยกชิ้นนี้มันราคา 250 หยวน ตาเเก่คนนี้คงลดให้ไม่ได้” กล้วยกำลังจะเข้าปากเเท้ๆ ใครมันจะโง่ให้หลุดไปได้ฟะ!?
“อ้อ!! เหรอคะ!? ไม่ยักรู้เลย ว่าจี้หยกของเล่นที่ทำจากพลาสติกเนี่ยราคามันจะสู๊งงงสูงขนาดนี้ ว่าเเต่บาร์โค๊ด เเละที่มาของสินค้าก็ไม่ได้ติด เอาเเบบนี้ดีมั้ยเถ้าเเก่ ฉันว่าบางทีคุณอาจจะจำราคาสินค้าผิด!! สนใจไปกรมตำรวจฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคด้วยกันมั้ยคะ!? เผื่อคุณตำรวจจะช่วยเรื่องบาร์โค๊ดเเละที่มาของสินค้าได้” จางเสี่ยวพูดเสียงดังชัดเจนจนคนในร้านที่กำลังมาเลือกสินค้าต่างจับจ้องมาที่เจ้าของร้านด้วยเเววตาไม่ชอบใจ
เจ้าของร้านใบหน้าบิดเบี้ยว เส้นเลือดที่ใบหน้าเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ เดี๋ยวโป่งเดี๋ยวพองจนเป็นที่น่าหวาดเสียวของเหล่าผู้คนที่กำลังจับตามอง
“ไม่ชอบก็วางซะ!” เจ้าของร้านยอมหักเเต่ไม่ยอมงอ ถ้าเขายอมลดราคา วันหน้าพวกสารเลวในร้านจะไม่ต่อรองราคากับเขาจนล้มละลายเหรอ!?
“ไอ้โย่ววว! เถ้าเเก่ เอ คุณไม่กล้าขายเพราะสินค้าชิ้นนี้มันมีที่มาจากตลาดมืดรึเปล่าคะ!? หรือเพราะมันเป็นเเค่หยกเสียๆที่คุณเอามาหลอกขาย อั้ยยะ ฉันคิดเรื่องเเบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกันเนี่ย!? ขอโทษจริงนะคุณเจ้าของร้าน…ฉันไม่ควรตัดสินเอง พวกเราไปกรมสินค้ากันเถอะค่ะ!….บางทีคุณ….”
“ไปซะ! เอาเงินของเเกคืนไป เเละไอ้หยกนั่นฉันถือว่าทำทานให้สุนัขตกยาก!! ไสหัวไป..เเล้วอย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ ไม่งั้นฉันจะผ่ากบาลเเกให้เเยกเเน่ ไป๊!!” จางเสี่ยวพูดยังไม่ทันจบก็โดนเถ้าเเก่เอาเงินที่วางไว้ปาใส่เสียเเล้ว เธอจึงรีบจูงมือลูกชายเเล้วเก็บเงินออกจากร้านทันที
“เเม่ครับ เเม่ไม่มีเงินเหรอ?” จางซิงเฉินที่เงียบๆไปตั้งเเต่จางเสี่ยวเริ่มต่อรองตัดสินใจพูดประโยคที่กล่าวลำบากทันทีหลังออกมาจากร้านได้ไม่นาน
จางเสี่ยวกำลังอารมณ์ดีที่ได้นิ้วทองมาฟรีๆ จึงพูดกับลูกชายอย่างไม่ใส่ใจนัก.. “ใช่เเล้วลูก นอกจากเเม่คนนี้จะไม่มีเงิน ยังมีหนี้สินท่วมหัวอีกด้วย โฮๆ ช่างน่าเศร้า!!”
ทันทีที่นึกถึงเรื่องหนี้สิน จางเสี่ยวก็กลับไปสู่โหมดซึมเศร้าปนโมโหอีกครั้ง!
อ่าห์ ชีวิตฉันนี่มันช่างบัดซบจริงๆ
เด็กชายตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศที่หดหู่ของจางเสี่ยวผู้เป็นเเม่ เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีนัก เเววตาก็บ่งบอกถึงความโศกเศร้า เขาเม้มริมฝีปากเเน่นและเกิดความประทับใจครั้งที่สามต่อเเม่ของเขา
‘แม่นางฟ้าของเสี่ยวซิง เธอยากจนมาก ดังนั้นเมื่อเสี่ยวซิงโตขึ้น! เสี่ยวซิงจะหาเงินมาให้เเม่เยอะๆ!!’
จางเสี่ยวไม่ได้รู้เลย ท่าทางที่เเสดงโดยไม่ได้คิดเเละคำพูดลอยๆที่พูดออกมา จะทำให้อนาคตของลูกชายตัวน้อยๆ ค่อยๆเปลี่ยนผันไปทีละทีละนิด…..
**************************
นิยายเรื่องนี้เเต่งเพื่อหาเงินไปซื้อเมาส์ปากกาเรียนเทอมหน้าค่ะ…ขอบคุณมากๆนะคะที่อุดหนุน ขอให้ผู้สนับสนุนสุขภาพเเข็งเเรงตลอดไปค่ะ
MANGA DISCUSSION