จางเสี่ยวไม่รู้เลยว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้มีผลเปลี่ยนแปลงในภายหลัง และมันจะส่งผลดีอย่างมากต่ออนาคต
จริงๆเรื่องนี้จางเสี่ยวก็งงงงอยู่เหมือนกัน หลังจากได้รับความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์จากเจ้าของร่างเดิม ทำให้เธอไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับเธอได้
แต่เพราะเรื่องค่าปรับ 1 ล้านหยวน ที่ศาลสั่งมาว่าจะปรับหากเธอไม่เลี้ยงลูกมาบังตาซะก่อน เธอเลยลืมไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้เลย
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ลูกชายของเธอที่อยู่ข้างๆนั้นก็กระตุกชายเสื้อเบาๆ
“แม่ครับ ขอบคุณมากที่ช่วยปกป้องผม”
เด็กชายตัวน้อยมีหน้าตาน่ารัก เขากล่าวขอบคุณด้วยวาจาสุภาพและน้ำเสียงที่หวานเหมือนระฆังยามเย็น
จางเสี่ยวยิ้มกลับให้อย่างไม่เสียดายรอยยิ้ม ถึงยังไงเด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เธอไม่ได้ใจร้ายใจดำถึงขั้นต้องหน้ายักษ์หน้ามารใส่เด็ก
จางเสี่ยวยื่นเอกสารอะไรทั้งหมดไปให้กับผู้อำนวยการแล้ว ดังนั้นเธอจึงสามารถพาลูกชายกลับบ้านได้ทันที
จางเสี่ยวพาลูกชายเดินออกมาจากหมู่บ้านท่ามเสียงก่นด่า และสายตาที่รังเกียจจากผู้คน เธอไม่สนใจและไม่คิดจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคนพวกนี้ให้เปลืองแบตเล่น ถึงยังไงความคิดของคนก็ไม่ได้เปลี่ยนในวันหรือสองวัน อีกอย่างเธอก็ไม่มีหลักฐานที่แก้ต่างให้ตัวเองได้
เมื่อถึงที่ชายป่าและคาดว่าน่าจะปลอดภัยจากผู้คน จางเสี่ยวก็นึกขำกับตัวเองจริงๆ ชายป่าน่าจะเป็นที่ที่อันตรายแต่กลับกลายเป็นว่าในตอนนี้ชายป่าคือที่ที่สงบสุขไม่มีใครมารบกวนจะอย่างนั้น
จางเสี่ยวหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา จากนั้นก็เข้าไปที่ App Taxi หลังจากรอประมาณ 10 นาที แท็กซี่คันเดิมก็กลับมาพร้อมกับพาพวกเธอสองคนกลับไปสู่บ้านที่เมือ B อย่างปลอดภัย
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านแสนรักของเราหนูน้อย” จางเสี่ยวเรียกโดย หลีกเลี่ยงคำว่าลูกชาย จริงๆเธอก็ไม่ได้สนิทอะไรกับเด็กคนนี้แม้แต่น้อยเธอเพิ่งเคยเห็นหน้าเขาเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้คนไปจูงมาให้เธอ เธอก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชาย
เเต่จากความทรงจำอันน้อยนิดของเจ้าของร่างเดิม เด็กคนนี้จะเป็นลูกชายของเธอไม่ผิดตัวแน่
จางเสี่ยวพยักหน้าเล็กน้อยแล้วก็พาเด็กชายเข้าไปในบ้าน เธอปฏิบัติกับเด็กชายเหมือนต้อนรับแขกคนหนึ่ง
“หนูน้อยอยากจะกินข้าวกับอะไร?”
เด็กชายตอบกลับมาทันที “อะไรก็ได้ครับ”
จางเสี่ยวเอามือเกาหัวเธอไม่แน่ใจว่าเด็กชายจะกินอะไรกันแน่ เธอจะสั่งข้าวแกงกะหรี่มาอีกดีไหม แล้วเด็กจะกินได้หรือเปล่า
หนูน้อย….
จางเสี่ยวขี้เกียจเรียกชื่อคำว่าหนูน้อยอีกต่อไปเเล้ว เธอเลยถามลูกชายว่า “หนูน้อย เธอมีชื่อว่าอะไร เธออยากให้ฉันเรียกเธอว่ายังไงล่ะ”
“ผมแซ่จู แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เเซ่จูแล้ว ผมถูกไล่ออกจากบ้าน ชื่อคำเดียวของผมคือคำว่า ล่ง”
ล่ง! จางเสี่ยวได้ยินก็แปลกใจถึงแม้มันจะเป็นคำที่ดีแต่มันไม่สั้นไปหน่อยเหรอ ใครกันที่ตั้งชื่อห่วยแตกแบบนี้ให้แก่เด็กคนนี้ เธอไม่ชอบเอาซะเลย
จากนั้นจางเสี่ยวก็นั่งนึกถึงชื่อทันที ชื่อที่เหมาะสมกับเด็กคนนี้… เมื่อนึกถึงคำว่าชื่อเธอก็นึกถึง…สมุดรายชื่อของคนตายที่ถูกจารึกเอาไว้บนเเท่นวีรบุรุษขึ้นมาได้
เเละรายชื่อหนึ่งที่มีประวัติความเป็นมาเลิศหรู…ตำนานของเขายิ่งกว่าดาวที่ค้างอยู่บนฟ้า
วีรบุรุษซ่งชิงเฉิน…ชายที่เเข็งเเกร่งที่สุดประวัติศาสตร์ กล่าวกันว่าเขามีสกิลที่สุดยอด เเละมีจิตใจที่ดี ช่วยมนุษยชาติในยามที่ลำบาก เเต่น่าเสียดายที่เขาอายุสั้นเเล้วตายเพราะปีศาจเสียก่อน….
จางเสี่ยวจริงๆไม่ได้รู้สึกชอบอะไรชายคนนี้สักเท่าไหร่ เเม้เเต่หน้าก็ไม่เคยเห็น เเต่เขาอยู่อันดับหนึ่งของรายชื่อวีรบุรุษ ดังนั้นเเล้ว….
งั้นหนูน้อยต่อไปเธอชื่อ ซิงเฉินนะ
จางคือแซ่ของฉัน ส่วนซิงเฉินนั้นเป็นชื่อของวีรบุรุษของยุคสิ้นโลกที่ตายไปแล้ว ถึงเขาจะตายเเต่เขาเป็นคนที่ทั้งโลกให้การนับถือเเละเชิดชูมากๆ ขนาดตายไปเเล้วยังมีคนพูดถึงเเละสรรเสริญทั้งเบื้องหน้าจรดลับหลัง เธอก็คาดหวังให้ลูกชายได้ใช้ชีวิตต่อไปภายใต้ชื่อนี้!
เเน่นอนว่าเธอไม่ได้เเช่งให้เขาตาย!! เเต่การเอาชื่อคนตายมาตั้ง…เขาว่ามันเป็นเคล็ด ทำให้คนนั้นอายุยืน สุขภาพเเข็งเเรงเเละอยู่ดีมีสุข ที่สำคัญจะนำมาซึ้งทรัพย์สินมหาศาล มันคล้ายกับหลอกยมฑูตว่าเจ้าของชื่อตายไปเเล้ว ดังนั้นความโชคร้ายเเละความตายจะไม่มาเข้าใกล้อีกเด็ดขาด…เเต่นั่นมันก็เเค่ความเชื่อ
จางเสี่ยวอารัมภบทไปอย่างนั้นแหละ จริงๆแล้วเธอไม่มีศาสตร์และศิลป์ในการตั้งชื่อและไม่มีหัวคิดชื่อใหม่ๆออกมาด้วย เธอถึงจงใจเอาชื่อคนตายมาตั้งให้ชื่อลูก แต่ว่ามันก็มงคลดีไม่ใช่เหรออย่างน้อย มันก็คือชื่อของวีรบุรุษที่กล้าหาญ และความหมายก็ดีไม่หยอกเลย
แววตาของเด็กชายมีน้ำใสๆขึ้นมาทันที เขาไม่ได้โกรธเรื่องที่แม่คนใหม่ของเขาเอาชื่อคนตายมาตั้งให้ แต่เป็นเพราะชื่อที่แม่มอบให้นั้นจะ ปลอดภัย มีคนคุ้มครอง มันเป็นอะไรที่เขาไม่เคยมีมาก่อน เขาก้มหน้าแล้วกลั้นน้ำตาไว้ก่อนที่จะพูดเบาๆว่า
“ขอบคุณครับแม่ ขอบคุณจริงๆ”
MANGA DISCUSSION