ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ
“ ข้างหน้าแล้วนะดีย์โอะ ”
“ ค ค่ะ!! ”
“ งั้นก็ได้้เวลาพรางหน้า ”
มาเร่กับดีย์โอะ เดินทางขึ้นไปยังด้านบนด้วยการวิ่ง วิ่งฝ่าทุกอย่างไปอย่างรวดเร็วจนผู้คนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยตอนที่วิ่งมาจะถึงนั้นมาเร่ก็เปลี่ยนหน้ากากมาเป็นหน้ากากกันแก็สพิษเต็มใบ ทั้งยังสวมผ้าคลุมลายพรางสีดำขาวเอาไว้ จนมองจากข้างนอกแล้วไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่ใส่อยู่คือใคร
ฟุ่มมม
“ อย่ามาขวางทางดิ๊!! ”
“ อี๊!! ”
ตึก ตึก ตึก
“ ก ก เกิดอะไรขึ้นน่ะ!! ”
อย่างไรก็ตามพอขึ้นมาถึงด้านบนได้ ดีย์โอะก็ไล่คนที่ขวางทางเธอกับมาเร่ในทันที ทำให้นักพจญภัยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรถึงกับร้องเสียงหลง แล้วนักพจญภัยคนอื่นๆที่อยู่แถวนั้นก็ต่างหลีกทางให้ไม่ใช่เพราะโดนไล่แต่เป็นเพราะพวกเขาตกใจกับเลือดที่ไหลออกมาจากกรงเล็บเหล็กนั้น เลือดที่ไหลจนนองเต็มพื้นรอบๆตัวดีย์โอะ และด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปจนเหมือนจะวุ่นวาย วัลคีย์ หัวหน้ากิลล์ก็ได้วิ่งออกมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ อ๊ะ! วัลคีย์!! ผู้ชายที่บาดเจ็บหนักที่แขนไปอยู่ไหนแล้ว!!? ”
“ อะไรนะคะ?!? ”
ดีย์โอะพอเห็นหัวหน้ากิลล์ปุ๊บ เธอก็ถามทันทีทำให้วัลคีย์ที่ได้ยินได้แต่ยืนสับสน เพราะเธอที่นั่งทำงานเอกสารอยู่ตลอดจะไปเห็นผู้ชายที่บาดเจ็บหนักที่แขนได้อย่างไร ทว่าท่ามกลางความสับสนนั้นพนักงานที่อยู่ตรงทางออกก็ได้ยกมือขึ้นแล้วรายงานว่า
“ ขออนุญาตครับ!! ผมจ่าสิบเอกนัตสังกัดทหารกองเกินที่ 1 ขอรายงานให้ท่านทราบว่า ชายผมมดำที่มีบาดแผลใหญ่ที่แขนรีบวิ่งออกจากสำนักงานกิลล์ไปเมื่อราวๆ 4 ชั่วโมงที่แล้วครับ ”
“ อึก…. 4 ชั่วโมง ”
ดีย์โอะที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าเป็นกังวัลอย่างมาก เพราะเธอคิดว่าเวลาผ่านไปนานขนาดนี้ สปายนั้นคงหนีไปไกลแล้วตามไม่ได้แน่ๆ ซึ่งนั้นก็จะกลายมาเป็นความผิดของเธอเพราะตลอดทางที่วิ่งมานั้นดีย์โอะไม่สามารถจะวิ่งตามนายท่านของเธอได้ทันจนเขาต้องลดความเร็วลง
“ ยังไม่ต้องกังวลหรอกนะ เค้ารู้สึกได้นะว่ายัยนั้นน่ะหนีออกไปได้ไม่ไกลหรอก ตอนนี้รีบไปขึ้นรถแล้วตามล่าต่อกันดีกว่า ”
แต่ว่ามาเร่ที่ได้เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของดีย์โอะ เธอก็เดินเข้ามากระซิบด้วยเสียงที่ยังดูไร้กังวลใดๆ เพราะในหัวของเธอตอนนี้ยังรับรู้ตำแหน่งของผู้หญิงนั้นได้ผ่านมานาที่เป้าหมายส่งออกมาอยู่เรื่อยๆ แม้จะเบาบางลงก็ตาม
ตึก ตึก ตึก ตึก
“ ค่ะ!! ”
ซึ่งพอมาเร่บอกกับดีย์โอะแล้ว เธอก็เดินออกไปในทันที ซึ่งดีย์โอะก็ตามไปติดๆ ทิ่งให้คนในกิลล์ยังงงกันต่อไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทว่าวัลคีย์ที่ไม่แปลกใจอะไรกับการทำตัวอย่างนี้ของกลุ่มที่เรียกว่าเมด กับพนักงานของยูโทเปีย ทำให้เธอมองยังพื้นที่ที่ดีย์โอะเคยยืนอยู่ ก่อนจะหันไปมองยังพนักงานใต้บังคับบัญชาของเธอ
“ เมดลำดับที่ 2 ออกทำงานที่ไหนต้องมีนองเลือดทุกทีจริงๆสินะ เห้ออออออ เธอน่ะ…รบกวนไปตามพนักงานทำความสะอาดมาที ”
……
…
แซก แซก แซก
“ อึก!! กรอด…แค่นิดเดียว นิดเดียว… ”
เช่นกันทางด้านของรินรินเท เธอกำลังเดินผ่านป่าไม้ เพื่อมุ่งไปยังที่หลบภัยที่กลุ่มสปายของกองทัพจอมมารได้สร้างเอาไว้เป็นจุดๆตลอดเส้นทางระหว่างเมือง 01 ไปยังเขตเมืองคนนอก แล้วที่นี้ก็เป็นที่เก็บยากับอาหารหรืออุปกรณ์ต่างๆอีกด้วย ซึ่งมันก็ไม่ไกลจากที่เธออยู่ในตอนนี้เลย
แหมะ แหมะ
" กรอดดดด… *
กึก กึก กึก
“ ยาจะหมดฤทธิ์เร็วไปไหนกัน… ”
ทว่าด้วยบาดแผลที่ได้มามันก็ยากที่จะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วอย่างที่เคย รินรินเทต้องคอยดูอาการของตนเองเสมอเพราะทุกวินาทีที่ผ่านไปยาก็ยิ่งจะอ่อนฤทธิ์ลงแล้วมันก็ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงเนื้อหนังที่ขาดรุ่งริ่งของเธอมากขึ้น แล้วก็เลือดที่เริ่มจะกลับมาไหลเป็นปกติอีกครั้ง ทำให้ถ้าไม่มัดด้วยผ้าเอาไว้แน่นพอมันก็คงจะฉีกขาดและเสียเลือดมากกว่านี้
“ น น นั้นไง… ”
เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานของกลุ่มคน
โดยเพียงไม่นานหลังจากที่เธอก้มลงไปพันแขนของตน รินรินเทก็มองเห็นจุดพักที่ว่า มันซ่อนอยู่ใต้หินก้อนใหญ่พร้อมกันนั้น ที่นั้นเองก็มีกลุ่มชายหญิงจำนวนหนึ่งกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ด้วย เธอรู้ได้ทันทีว่านั้นน่ะคือกองสปายของกองทัพจอมมารผ่านการที่ทุกคนล้วนแล้วแต่สวมแหวนสีแดงที่มีตราซึ่งคนของกองทัพจอมมารเท่านั้นจะเห็นได้
“ ท่านรินรินเท!! ”
“ รีบเปิดทางให้พาท่านเข้าไปรักษาเร็วเข้า!! ”
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในนั้นเห็นรินรินเทที่กำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่สุดๆก็ได้ลุกแล้ววิ่งมาช่วยพยุงร่างของรินรินเท ก่อนจะพาเข้าไปยังจุดซ่อนตัว ซึ่งในระหว่างที่รินรินเทกำลังนอนลงรับการรักษาอยู่นั้น เธอก็ได้พยายามคงสติของตนเอาไว้ด้วยการเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น
“ พว..กเม…ด พวก…มัน..รู้.ตั..วพ…ว..กเ..ร..า..แ..ล้..ว ร ร รี..บ..ไป..บอ…กค..นอื่…น ไป ไปบอก…พว..กนั้น ระ..วั…ง… อึก…อ๊ากก พ..ว..ก… อัน…ต..ร…า..ย… อย่า…หาย…ใจ..ผ…ง.. อึก.. ”
“ เก็บแรงไว้ก่อนเถอะค่ะท่านรินรินเท! เห้ย!! แกน่ะตรวจดูกระเป๋ายาประจำตัวเร็วเข้า!! ”
“ อ..อ่า!! ไม่มี ไม่มี!! ท่านรินรินเทกินยาหยาดน้ำตาวิญญาณไปแล้ว!! ”
“ ชิ!! เปลี่ยนแผน!! ไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมา!! ส่วนพวกยารักษาอื่นๆ!! เอาไปเก็บซะ!! ”
ในระหว่างรักษา หนึ่งในนั้นก็ได้สั่งให้อีกคนตรวจดูกระเป๋ายาของรินรินเท ซึ่งก็พบว่ามีตลับยาอันนึงได้ถูกเปิดออก ทุกคนจึงรู้ได้ทันทีว่า ยาที่ชื่อว่า [ หยาดน้ำตาวิญญาณ ] นั้นรินรินเทได้ทานมันเข้าไปแล้ว และความจริงนั้นก็ทำให้ทุกคนในนั้นถึงกับหน้าซีดเลยทีเดียว เพราะมันเป็นยาที่ทำให้การฟื้นฟูร่างกายหลังจากที่ใช้นั้นช้าลงกว่าครึ่งแถมยังสร้างภาระกับร่างกายจนไม่อาจจะทานยาตัวอื่นได้ เพื่อแลกกับตอนใช้ บาดแผลกับอาการเจ็บทั้งหลายในร่างกายจะถูกหยุดเวลาเอาไว้ชั่วขณะ หมายความว่าแผลจะไม่ฉีกขาด และร่างกายจะยังทำงานเป็นปกติ
ตึก ตึก ตึก
“ เชี่ยเอ้ย!! ข้างนอกนั้นจู่ๆพวกทหารกำลังจะผ่านมาที่นี้แล้ว!! ”
“ อะไรนะ!! แต่ที่นี้มันอยู่นอกเส้นทางปกติไม่ใช่เรอะวะ!! ”
“ ใจเย็นๆ!! ตอนนี้ชั้นต้องประคองอาการของท่านรินรินเทเอาไว้ก่อน!! ถ้าพวกแกจะโวยวายก็ออกไปข้างนอกแล้วพรางที่นี้ซะ! อ่า ไอกองไฟที่จุดไว้ก็ด้วยรีบๆดับแล้วกลบทิ้งเดี๋ยวนี้เลย!! ”
ทว่าแทนที่การรักษาจะเป็นไปได้ด้วยดี สปายที่เฝ้าอยู่ข้างนอกก็วิ่งลงมาด้วยสีหน้าที่แตกตื่นพร้อมกับแจ้งให้ทุกคนข้างในรู้ถึงสถานการณ์ข้างนอก ซึ่งสปายสาวที่กำลังรักษารินรินเทอยู่ก็รู้สึกตัวได้มันเห็นได้ว่านี้เป็นการออกตามหาอะไรบางอย่าง เลยสั่งให้พวกที่เหลือออกไปจัดการลบร่องรอยการมาของเธอและรีบไปหาอะไรมากำบังที่นี้
“ อ่า!! เข้าใจแล้ว!! ”
“ เดี๋ยวข้าไปจัดการเรื่องพรางทางเข้าเอง!! ”
“ งั้นเดี๋ยวเราไปกลบไฟ!! ”
ทุกคนนั้นทำตามในทันที ส่วนรินรินเทก็เอาแต่นอนมองเพดานห้องพร้อมกับสวดภาวนาด้วยเสียงที่เบาจนไม่มีใครอาจจะได้ยิน เสียงนั้นกล่าวถึงชื่อๆหนึ่ง ซึ่งกว่าเธอจะได้พูดออกมา สติของเธอก็เลือนลางแล้วหลับลงในที่สุด
……
“ นายท่านคะตอนนี้พนักงานของพวกเราได้เข้าล้อมพื้นที่ที่นายท่านได้ระบุไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ”
“ อื้ม อื้ม ยังไงอย่าพึ่งเข้าไปล่ะ แล้วก็ถ้าเจอศัตรูก็ให้ถอยออกมาเลยนะ ”
ภายในรถยนต์หรูขนาดใหญ่ทีมีสีดำและตราประทับหัวกะโหลกผีที่ติดอยู่ข้างตัวรถ โดยในนั้นนอกจากขนขับที่โดนขังไว้ในห้องคนขับที่ติดตั้งกระจกกั้นเสียงกับภาพแล้วก็มี มาเร่ อคโต และดีย์โอะนั่งอยู่ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งปัจจุบันอคโตก็กำลังแจ้งผลลัพธ์ของคำสั่งให้กับมาเร่ได้ทราบ ว่าตอนนี้พนักงานภาคสนามกำลังออกตระเวนในพื้นที่ที่มาเร่ระบุไว้มันคือสถานที่ที่เป้าหมายเคลื่อนที่ไปถึงแล้วหยุดไม่ได้ไปไหน
“ รับทราบค่ะนายท่าน เช่นนั้นดิชั้นขอกระจายคำสั่งก่อนนะคะ ”
“ เอ่อ…เดี๋ยวนะคะนายท่าน? ทำไมถึงไม่บุกเข้าไปเลยล่ะคะทั้งๆที่พวกเราได้เปรียบขนาดนี้แล้วแท้ๆ? ”
คำสั่งนั้นอคโตรับทราบแล้วส่งต่อในทันที ทว่าดีย์โอะนั้นสงสัยว่าทำไมถึงไม่บุกเข้าไปเลยเพราะอีกฝั่งก็บาดเจ็บอยู่ น่าจะไม่ยากที่จะจับกุมแบบเป็นๆ แต่มาเร่ก็ส่ายหน้าก่อนจะพูดออกมาผ่านหน้ากันแก๊สพิษของเธออย่างช้าๆว่า
“ ก็เพื่อไว้น่ะ…เพื่อยัยนั้นมาถึงก่อนที่เค้าคิดไว้ หยึยย หนาวววจัง ”
“ ค ค คะ? ”
ดีย์โอะที่ฟังก็ได้แต่นั่งงงอยู่ในรถต่อไป โดยไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะที่ไม่ถามไม่ได้มาจากเกรงใจนะ แต่เป็นการวนอยู่กับคำว่า “ยัยนั้น” ต่างหาก และเมื่อรถมาถึงยังที่หมาย มาเร่ก็ยังคงสวมบทบาทเป็นคนที่ต่ำต้อยกว่าด้วยการให้ดีย์โอะ อคโตเดินนำลงจากรถ สวนเธอก็เดินตามหลังไปติดๆโดยที่พวกพนักงานได้แต่มองดูอยู่ด้วยความสงสัย
“ นั้นเมดคนใหม่ของนายท่านงั้นเหรอ? ”
“ เห… คงงั้นล่ะมั้ง ไม่งั้น ไม่เดินตามท่านดีย์โอะกับท่านอคโตหรอก ”
“ แต่น่าเสียดายเหมือนกันนะที่ใส่หน้ากากปิดบังหน้าแบบนั้นน่ะ ”
“ เอ? ก็ดูมีเสน่ห์ดีนิ แบบท่านอคโตเองก็สวมผ้าปิดบังตาเอาไว้ตลอดเลยนี้ หรือแม้แต่ท่านเตนโทรเองก็สวมหน้ากากตลอดไม่ใช่เหรอ? ”
ทว่าพนักงานบางคนก็อดจะพูดคุยกันไม่ได้ว่า ผู้หญิงที่เดินตามไป(มาเร่) น่าจะเป็นเมดฝึกหัดคนใหม่ ซึ่งทางด้านอคโตกับดีย์โอะที่ได้ยินก็ไม่ได้จะสนใจอะไร จนกระทั้งมาเร่พูดอย่างร่าเริงว่า
“ แหะ แหะ โดนเข้าใจว่าเป็นเมดด้วย ดีใจจัง ”
“ เดี๋ยวนะคะนายท่าน เดี๋ยว… ”
“ ถึงดิชั้นจะรู้ว่านายท่านชอบร่างนี้มากๆ แต่ได้โปรดเถอะนะคะ อย่าหลงไปกับร่างนี้มากเลยค่ะ ”
ซึ่งทันทีที่ทั้ง 3 คนเดินออกมาได้สักพักแล้ว มาเร่ก็กลับมาเดินนำอีกครั้ง พร้อมทั้งยังส่งสัญญาณให้กับดีย์โอะและอคโตทราบด้วยว่าให้เตรียมตัวไว้ตลอด ซึ่งทั้งสองก็รับทราบด้วยการเตรียมอาวุธของตนเองในทันที และก็ไม่นานนักที่มาเร่จะพาทั้งคู่มาถึงยังที่หมาย หินขนาดใหญ่ที่มีพุ่มไม้ขึ้นบังอยู่
“ ให้กี่คะแนนดีล่ะ? ”
มาเร่หันไปมองเมดทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับถามคำถามสั้นๆ ซึ่งทั้งคู่ก็รู้ว่ามาเร่ถามถึงหินก้อนใหญ่ที่มีพุ่มไม้บังนั้น พุ่มไม้ที่บังอย่างผิดธรรมชาติไม่เหมือนกับต้นไม้ที่เติบโตบนหินที่ตามปกติมันจะต้องมีร่องรอยรากไชผ่านทำให้เกิดรอยหินแตกเสมอ แถมที่พื้นรอบๆก็ไม่มีต้นหญ้าใดๆอีก เห็นได้ชัดเลยว่าที่นี้ต้องมีคนเคยพักมาก่อนแล้วแน่ อคโตที่เห็นนั้นส่ายหน้าพร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงเรียบๆไร้อารมณ์ใดของเธอ
“ ถ้าดิชั้นให้คะแนนสักคะแนนเดียวมันจะเป็นการดูถูกนักเรียนที่เรียนวิชาอำพรางได้นะคะ ”
“ นั้นสิน้า อย่างที่อคโตว่าเลย จะอำพรางแต่ถ้ากลิ่นเลือดยังคลุ้งซะขนาดนี้ แล้วนั้นอะไรน่ะ เขม่า? กองเพลิงพึ่งดับอีก? เห้ออ… พรางไปก็ไม่ได้จะช่วยอะไรนักหรอก ”
“ เนอะ? ”
ดีย์โอะเองก็พูดเสริมขึ้นมาอย่างไม่พอใจด้วย มาเร่เองก็คิดแบบนั้น ทว่าเธอไม่ได้คิดจะวิจารณ์ให้เสียเวลาอีก มาเร่หันไปมองกับทั้งสองพร้อมกับส่งสายตาบอกให้ทั้งคู่เข้าไปจัดการเลยส่วนเธอจะคอยระวังจากข้างนอกไว้ให้
“ เข้าใจแล้วค่ะนายท่าน เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับมานะคะ! ”
“ น้อมรับบัญชาค่ะนายท่าน ”
ฉัวะ อ๊ากกกกกกกกก กรี๊ดดดด!!
[ แปป เดียวจริงๆสินะ ก็สมกับเป็นทั้งสองคนดีแหล่ะ อีกฝั่งฝีมือสปายจะมาสู้กับนักดาบแล้วก็เบอร์เซิร์กได้ยังไงกัน แต่ดีนะเนี่ยที่ให้อคโตลงไปด้วยไม่งั้นมีหวังไม่เหลืออะไรให้เอากลับแน่เลย ]
ซึ่งทันทีที่ทั้งสองเข้าไปยังด้านในนั้น เสียงของการฆ่าฟันก็ดังก้องออกมาจากใต้หิน มาเร่ที่นั่งๆอยู่ก็รู้ได้เลยว่ามีคนตายไปเรียบร้อยแล้ว 4 คน แถมอีก 2 คนก็กำลังนอนหมดสภาพไร้สติอยู่ 1 ในนั้นต้องเป็นรินรินเทแน่ๆ โดยไม่ต้องมองดูหรือสัมผัสถึงมานาเลยสักนิด
“ กลับมาแล้วค่า! ”
“ นายท่านคะ ดิชั้นจับกุมสปายได้ 2 คนเจ้าค่ะ คนหนึ่งเป็นเป้่าหมายหลักของภารกิจ ชื่อรินรินเท ส่วนอีกคนยังไม่ทราบชื่อ แต่ดูเหมือนจะเป็นหมอของพวกสปายค่ะ ”
เพียงไม่นานหลังจากที่อคโต กับดีย์โอะลงไป ทั้งคู่ก็กลับขึ้นมาพร้อมกับแบกร่างของคน 2 คนมาด้วย 1 ในนั้นเป็นรินรินเทอย่างที่มาเร่คิด ส่วนอีกร่างก็ดูเหมือนจะเป็นสปายสาวอีกคนที่พึ่งได้รับบาดเจ็บมาหมาดๆและคงจะเป็นฝีมือของอคโต เพราะแขนของสปายคนนั้นถูกห่อหุ้มไปด้วยหนามหินมากมายที่แทงสวนออกมาจากด้านใน
“ เก่งจริงๆเลยน้าทั้งสองคน แต่ว่าพวกเราก็รีบกลับรถกันเถอะ ยิ่งช้าเดี๋ยวจะแย่เอา ”
“ อุ…รอยยิ้มนั้น!! ”
“ น น นายท่านคะ…ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรดกลับร่างเดิมเถอะนะ..คะ ดิชั้นจะ..ต..ต้านไม่อยู่แล้ว… ”
มาเร่ที่เห็นผลงานของทั้งสองก็ได้ชมทั้งคู่ด้วยการถอดหน้ากากก่อนจะส่งรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาให้ได้ชมกันชั่วครู่แล้วก็กลับไปใส่หน้ากากเหมือนเดิม ก่อนจะหันหลังแล้วเดินนำกลับออกไป ทว่าทั้นคู่พอเจอรอยยิ้มของหญิงสาวผู้นั้นเข้าไปก็ทำเอาหลงทางกันเลยทีเดียว ดีย์โอะเกือบจะเลือดกำเดาไหลส่วนอคโตก็หน้าแดงขึ้นมาแถมยังแสดงอารมณ์ออกมาอีก ยังไงก็ตามพอทั้ง 3 มาถึงยังรถแล้วมาเร่ก็ได้ทำในสิ่งที่ทุกคนไม่ได้คิดเอาไว้
“ เอ่อ คุณคนขับคะ? รบกวนช่วยลงจากรถแล้วไปรวมตัวกับคนอื่นได้หรือเปล่าคะ? ”
“ อ อ อ่า ว่ายังไงนะครับ? ”
“ ก็บอกว่า รบกวน ช่วย ลง จาก รถ แล้วไปนั่งรถคันอื่นน่ะค่ะ? ”
“ ข ข ข เข้าใจแล้วครับผม!! ”
ใช่…เธอไล่ให้คนขับลงก่อนที่เธอจะขึ้นไปขับเอง ทำให้ทั้งอคโตกับดีย์โอะได้แต่ยืนงงไปชั่วครู่ ซึ่งพวกเธอที่จะเข้าไปถามก็ถามไม่ได้เพราะมาเร่นั้นขึ้นรถไปแล้วปิดประตูทันทีทำให้ทั้งสองต้องจำใจพาตัวนักโทษที่จับมาได้ขึ้นรถพร้อมกับปฐมพยาบาลไปด้วย ส่วนมาเร่พอสำรวจในที่นั่งคนขับเสร็จเธอก็หยิบเอาวิทยุในรถขึ้นมาพูดส่งข้อความออกไปยังรถทุกคนในขบวนพร้อมกับมองดูท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไป
“ ต่อจากนี้ให้ขับนำและตามรถ VIP เป็นระยะห่าง 200 เมตร ย้ำอีกครั้ง ขับห่างจากรถ VIP 200 เมตร ”
บรืนนนนน ครึก ครึก ครืนนน
โดยระหว่างที่ขับไปนั้นจู่ๆท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ทั้งๆที่ก่อนหน้าท้องฟ้ายังปลอดโปร่งอยู่แท้ๆ มาเร่ ที่เห็นไม่ได้มีสีหน้าที่ตกใจอะไรเลยสักนิด เธอวิทยุบอกกับรถทุกคันอีกครั้งโดยคราวนี้น้ำเสียงของเธอจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน
“ ถึงรถทุกคันขับออกไปที่ระยะ 400 เมตร ”
แกร็ก
ซึ่งพอเธอพูดจบ มาเร่ก็เปิดหน้าต่างกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสารออกก่อนจะมามองที่อคโตอย่างเร่งรีบ แล้วตะโกนสั่งออกมาพร้อมกับมองไปที่นักโทษทั้งสองซึ่งกำลังนอนหมดสติอยู่
“ อคโต!! สร้างเกราะหุ้มร่างของสปายทั้งสองคนเอาไว้เร็วเข้า!! ”
“ รับทราบค่ะ!! ”
อคโตนั้นตอบสนองในทันที เธอใช้ปลอกดาบสัมผัสกับร่างของทั้งสองก่อนที่เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวร่างของทั้งคู่ก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเหล็กจนคล้ายกับโลงศพรูปร่างคน 2 โลงวางข้างๆกัน และในตอนนั้นเองมาเร่ก็หันกลับไปมองยังบนท้องฟ้องแล้วเธอก็ได้เห็นแสงสีแดงบางอย่างพุ่งลงมา
กึง ตู้มมมมมมม!!
แสงนั้นปะทะเข้าตัวรถก็จนทำให้ตัวรถขาดออกจากกัน ฝั่งคนขับกระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร ส่วนฝั่งคนนั่งด้านหลังที่ดีย์โอะกับอคโตอยู่กลับไม่ได้กระเด็นไปไหน เพราะว่าสิ่งที่ทำให้รถขาดครึ่งนั้นก็ได้ยืนเหยียบตัวรถเอาไว้ พร้อมกับจ้องมองมายังทั้งสอง
“ พวกแก… ”
“ ยัยนี้ คือคนที่นายท่านว่าสินะ ”
“ น่าจะล่ะนะคะ ”
หญิงสาวสวมชุดเดรสและถุงมือลายลูกไม้สีดำสนิทตรงหน้า เธอเป็นหญิงตัวไม่สูงเสียเท่าไหร่ อาจเรียกได้ว่าขนาดเท่ากับเด็กเลยก็ว่าได้ เธอมีสีขาวซีดผมสีดำและดวงตาที่เบิกกว้างซึ่งมีถุงไต้ตาเป็นสีแดง ใบหน้านั้นแม้จะงดงามแต่รอยยิ้มที่ปรากฎก็ให้ความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ขนาดที่อาจจะอธิบายได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มของคนโรคจิตก็ไม่เกินเลยไปเลย
“ พวกแกสองตัวเองสินะ!! ”
ฟุบ แก็ง แก๋ง!!
หันมามองทั้งสองก่อนจะหยิบเอาดาบเรเปียร์ออกมาแล้วกระโจนเข้าใส่ อคโตสามารถป้องกันได้ด้วยการปัดออกแม้ว่าการปัดออกนั้นมือของเธอจะสั่นอย่างรุนแรงพอแรงปะทะก็ตาม ส่วนดีย์โอะก็สามารถใช้กรงเล็บของเธอขึ้นมาป้องกันได้ แต่ก็ไม่อาจจะพลักดาบเล็กนั้นออกไปได้ เธอได้แต่พยายามต้านมันเอาไว้
“ หึ มัวแต่กดดันชั้นจนลืมอะไรไปหรือเปล่า? ”
“ หา? หมายถึงยัยโกเล็มนี้อ่ะนะ? ”
แก๋ง!!
“ ปัดการแทงของดิชั้นได้โดยไม่แม้แต่จะมองแบบนี้ สมกับเป็นผู้ใช้เรเปียร์เหมือนกันเลยนะคะ ”
“ แก…อย่าเอาชั้นไปเทียบกับพวกต่ำอย่างพวกแกสิ ”
แก๋ง แก๋ง!!!
“ อึก!! เร็ว!! ”
“ ดูท่าขนาดชั้นกับอคโตร่วมมือกันก็ยังจะตึงมือสินะ งั้นชั้นขอเปิดโหมดเลยละกัน ฮ่าห์…เลือด ”
ฟุบ เก๋ง เก๋ง ควับ ฉัวะ แก๋ง กึ้ง
ทั้งสามสู้กันโดยเป็นรูปแบบ 2 ต่อ 1 ฝั่งของอคโตกับดีย์โอะ พอร่วมมือกันแบบนี้แล้วก็พอจะตอบโต้กลับไปได้ โดยตอนต้นทั้งสองเข้าโจมตีพร้อมกันเพื่อจะทำให้ ศัตรูไม่สามารถปัดป้องได้ แต่ก็นะเธอไม่ได้จะปัดป้องเลย หญิงสาวนั้นหลบอย่างง่ายดายแถมยังสวนกลับจนทำให้ ดีย์โอะได้แผลอีกต่างหาก
“ หึ! คิดว่าทำแบบนั้นแล้วจะจัดการชั้นได้หรือยังไงยะ? อ่อนหัด กระจอก กากเดนสิ้นดี!! ”
“ กรรรร!! ”
“ ดีย์โอะ…แผลไม่ลึกสินะ แต่ถึงกับเจาะผ่านเกล็ดบนตัวของดีย์โอะได้ ดาบนั้น…อันตราย ”
หญิงปริศนานั้น เริ่มดูถูกทั้งสองอย่างสบายใจ ซึ่งดีย์โอะพอได้ยินก็คำรามออกมา ทว่าอคโตนั้นไม่ได้สนใจในคำพูดของศัตรูเลย เธอดูแผลของดีย์โอะ แผลบนไหล่ของเธอมันเป็นแผลตื้นๆ ไม่ได้ลึกมากแต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้อคโตต้องระวังมากขึ้น เพราะร่างกายของดีย์โอะที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดเล็กๆที่แข็งราวกับเหล็ก ถูกตัดได้อย่างง่ายดายแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้นเลย
“ กรรรร!! ”
“ ฺฮ่าๆๆๆ ดุเป็นหมาเลยนะยัยเงือกฉลาม!! ”
ฉัวะ
“ ย๊า!! ”
“ โอะ? อะไรล่ะ? แรงเบาขนาดนี้คิดจะมาเป็นของว่างให้ชั้นหรือไง? ”
แก๋ง ฉึก
“ อึก!! ”
อย่างไรก็ตามยิ่งสู้ ฝ่ายที่ดูจะได้เปรียบก็คือหญิงสาวปริศนานี้ เธอสามารถสวนกลับการโจมตีอันรุนแรงของดีย์โอะในโหมดเบอเซิร์ก แถมยังปัดป้องแล้วยังแทงสวนกลับเข้าไปโดนร่างกายของอคโตที่เอาจริงได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยใดๆ ผิดกับทั้งสองที่ยิ่งเวลาผ่านไปอาการเหนื่อยก็ยิ่งมีออกมาให้เห็นได้ชัดขึ้น อคโตเคลื่อนที่ได้ช้าลง ส่วนดีย์โอะก็หอบออกมาทั้งๆที่เธอไม่เคยจะเป็นแบบนั้น
แก๋ง เก๋ง ฉัวะ ฉึก แก๋ง แก๋ง แก๋ง แก๋ง ฉึก!
“ ฮ่าๆๆ ฝีมือมีกันแค่นี้เหรอ? ไหนล่ะ? ไหนฝีมือที่ทำให้ข้ารับใช้ของชั้นต้องส่งจดหมายเตือนด่วนมาน่ะ หาาา??! แสดงออกมาสักทีสิ!! แสดงออกมา! ”
ซึ่งพอนานเข้า นานเข้า ศัตรูคนนี้ก็เริ่มจะกดทั้งสองได้ อคโตจากบุกกลายมาเป็นป้องกัน ดีย์โอะที่แม้จะเปิดเบอเซิร์กก็ไม่สามารถจะใช้กำลังสยบศัตรูได้อีกต่อไปแล้วกลายมาเป็นตัวเธอเองต้องคอยรับการโจมตีแบบเฉียดจุดตายอยู่เสมอ ในขณะที่อีกฝ่ายก็เอาแต่พูดเยาะเย้ยสนุกปากอยู่ฝ่ายเดียว
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ฟุบ ฟุก ฟุบ
“ คิดว่าปืนจะทำอะไรชั้… ผงอะไ.. อึก..ตาชั้น!! ”
ทว่าในระหว่างที่สู้อยู่ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น ผู้หญิงลึกลับนี้จึงหันไปมองแล้วกระสุนพวกนั้นก็แตกออกกลางอากาศอย่างง่ายดาย ทว่าแทนที่กระสุนไร้ผล ตอนที่มันแตกออกก็ได้กระจายผงบางอย่างออกมาใส่เธอทำให้ เธอนั้นแสบคันแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทนไม่ได้
“ โห่? ผงแก็สน้ำตาเข้มข้นพรมหน้าไปขนาดนั้นยังไม่เป็นอะไรอีกเหรอคะเนี่ย? หน้าหนาจริงเลยนะคะ ”
“ น น หน้าหนา…ก ก แก!!? ”
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้่ง ปั้ง ฟุบ
คนที่ลงมือนั้นก็คือ มาเร่ เธอปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับสภาพชุดคลุมของตนเองที่ขาดรุ่งริ่ง แน่นอนการมาของเธอนั้นมาพร้อมกับคำพูดที่แสนจะใสๆ ที่แสดงออกถึงความเธอประทับใจเป็นอย่างมากแม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดก็ตาม ซึ่งเธอก็ไม่ได้จะพูดมากนั้น เพราะพูดจบก็กระหน่ำยิงใส่อย่างไม่หยุด ทำเอาฟิเรนต้องกระโดดถอยกลับ
“ ตอนนี้แหล่ะดีย์โอะ!! ”
“ กรรร!! ”
แก๋ง แก๋ง
“ คิดว่าจะลอบกัดชั้นได้หรือยังไงยะ?? คิดสิคิด!! ”
ซึ่งในจังหวะนี้ทั้งอคโตทั้งดีย์โอะก็พุ่งเข้าใส่เพื่อกดดันศัตรู ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงปัดป้องเอาไว้ได้อย่างน่าประหลาด ผู้หญิงปริศนานี้ก็ใช้ฝักดาบกับดาบของเธอกันเอาไว้ แถมยังจะสวนกลับอีกด้วย แต่…
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง
“ โอ้ยยย!! หยุดได้แล้ว!! ทำไมพวกที่ใช้ปืนมันถึงได้น่ารำคาญแบบนี้!! ตั้งแต่ตอนอาทีย่อมนั้นแล้วนะ!! ”
ฟุบ
“ โอ๊ะ!! เกือบละ!! ”
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง
“ กรี๊ดดดดด!! ตาชั้น!! แก!! หยุดสักที!!! ”
ทว่าพอโดนยิงกดไปแบบนี้ก็โมโห เธอบ่นออกมาอย่างเกรี้่ยวกราดอีกทั้งเธอก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าใส่มาเร่ในทันที แน่นอนมาเร่ก็หลบได้อย่างเฉียดชิว ก่อนจะถมกระสุนยัดหน้าของศัตรู กระสุนที่แม้จะไปไม่ถึงก็ก่อความรำคาญได้สุดๆ
[ ชิ!! หัวกระสุนแตกออกตอนกระทบกับม่านป้องกันของเรา แบบนี้ก็มีแต่ต้องปิดมันก่อนสินะ!! ไม่งั้นตาพังหมดก่อนแน่!! แล้วก็ยัยนั้นถ้าไม่ฆ่าทิ้งเราเองนี้แหล่ะ จะเสียเปรียบ!! ]
อย่างไรก็ดีหญิงสาวเริ่มจะจับทางได้ เธอได้ปิดการทำงานของบางสิ่งที่กันกระสุนไม่ให้เข้ามาใกล้เธอลง แล้วเปลี่ยนมาเป็นหลบก่อนจะเข้าไปใช้ดาบฟันไปที่ปืนหวังจะทำลายมันแล้วปลิดชีพผุ้ใช้ซะ
ควับ ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง
“ ALL ALPHA!! ”
“ กรี๊ดดด คันนน คันนน!! ”
ทว่ามาเร่ก็เดาทางออก เธอหลบอีกครั้งก่อนจะยิงสวนกลับอีกหนในระยะประชิด คราวนี้ด้วยระยะที่ใกล้ กระสุนก็ปะทะเข้ากับร่างของฟิเรน แต่มันไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บหนัก ร่างกายของเธอรับมันไว้ได้แต่แลกมากับความแสบคันอย่างถึงที่สุด
“ ตายซะ!! ยัยตัวน่ารำคาญ!! ”
ฟุบ ควับ
“ แหมๆ เล็งปืนยาวเค้าอีกแล้วน้าาา แย่ที่สุดเลย!! แสดงว่าไม่ชอบใหญ่ๆยาวๆ งั้นก็เอาสั้นๆไปลองก็แล้วกัน!! ”
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ฉัวะ ฉัวะ
อย่างไรเสียด้วยระยะที่ห่างกันไม่มากนี้ ฟิเรนก็ได้ตวัดดาบมาหวังจะทำลายปืนของมาเร่ซะ แต่มาเร่ที่รับรู้ได้ก็เก็บปืนยาวของเธอก่อนจะชักปืนพกยิงอัดในระยะใกล้ซึ่งฟิเรนก็ยังปัดป้องได้ด้วยดาบของตนเอง
ฟุบ ฟุบ
[ ตอนนิ่งๆนี้แหล่ะ… แก!! ]
ทั้งสองกระโดดถอยห่างออกจากกัน และฟิเรนที่เห็นว่าอีกฝ่ายพึ่งลงถึงพื้นหลังจากเธอ เธอก็ได้ยกมือขึ้นทำเป็นบีบคอของมาเร่ เธอทำท่านั้นด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจว่าตนเองชนะแล้ว ทว่า…
“ ทำอะไรคะนั้น? เก๊กท่างั้นเหรอ? เฉิ่มชะมัดเลย ”
“ ด ด ได้ยัง… ”
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง
“ อ๊ากกก!! ตาชั้นนน!! ยัยนี้ เหมือนกับไอหมอนั้น พลังของชั้น!! ”
อืม…มันไร้ผล พลังของหญิงสาวปริศนานี้ไม่ก่อให้เกิดอะไรขึ้นกับตัวของมาเร่เลย แถมเธอยังยิงสวนยัดหน้าของของผู้ใช้อีกทำให้เห็นผงฝุ่นสีขาวกระจายไปทั่ว หญิงสาวผมดำผู้นี้ตกอยู่ในความสับสนก่อนจะบ่นออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ หมอนั้นนี้ หมอไหนคะ? ชั้นเป็นผู้หญิ..ง แค่ก แค่ก จะไปเหมือนกับผู้ชายได้ยังไงล่ะคะ? ”
แกร็ก ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง
“ หนอย!! ”
มาเร่พอได้ยินก็เลยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มใต้หน้ากากของเธอ ก่อนจะเปลี่ยนแม็กแล้วยิงใส่อีกที หญิงสาวที่โดนกระสุนแก็สน้ำตายิงถล่มใส่ก็เลยต้องหลบอย่างต่อเนื่องจนไม่มีเวลาได้สังเกตุว่า ด้านหลังของเธอก็มีศัตรูมาเพิ่ม นักดาบ กับผู้ใช้กรงเล็บ
ฟุบ แก๋ง แก๋ง
“ อึก…ขนาดเราลอบเข้ามาก็ยัง ”
“ ก ก กรร.. เลือด เลือด จะหมดกลิ่น… ”
“ ชิ!! เผลอแปปเดียวก็แอบไปฟื้นตัวกันมาแบบนี้!! ขี้โกงดีนี้!! ”
จังหวะนั้นหญิงสาวปริศนาได้แต่ต้องปัดป้องก่อนจะส่วนกลับเพื่อจะจัดการ ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ธรรมดา ทั้งคู่ที่ได้พักฟื้นร่างกายแม้จะระยะสั้นแต่ก็ทำให้ได้แรงมากพอกลับมาที่จะปัดการโจมตีได้
[ สถานการณ์แบบนี้ ยิ่งอยู่นานเรายิ่งจะแย่เอานะฟิเรน ศัตรูที่ใช้ปืนนอกจากจะไม่ได้รับผลกระทบของสกิลพิเศษแล้ว ยังจะยิงใส่เราอย่างไม่หยุดด้วยกระสุนแก็สน้ำตาอีก ถ้าเผลอก็เสี่ยงโดนนักรบอีก 2 คน ลอบโจมตี นี้ไม่นับเรื่องที่เราอยู่ในพื้นที่ศัตรูอีกนะ ยังไงรีบพารินกลับก่อนเถอะ ]
[ ค ค ค่ะ… เข้าใจแล้วค่ะพี่ฟารูน ]
หญิงสาวตัดสินใจจะถอย เธอที่ได้ทบทวนในหัวของตนเองแล้วก็รู้ว่าศัตรูนั้นแม้จะไม่ได้เก่งกว่าเธอแต่ด้วยจำนวน กับการทำงานเป็นทีม มันทำให้เธอต่อกรยากมาก ยิ่งการจะเข้าไปจัดการกับพลปืนก็ลำบากอีก ยัยนั้นไม่มีช่องว่างแถมสกิลที่จะใช้บังคับให้อยู่เฉยๆก็ไม่มีผลอีก เธอจึงหันไปมองยังโลงเหล็ก 1 โลงวางไว้อยู่ในพื้นที่ที่ใกล้กับซากรถสีดำนั้น
“ ริน!! ได้เวลากลับแล้วนะ!! ”
“ ชิ!! ใครจะไปยอมกัน!! ”
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง
มาเร่ที่เห็นก็ไม่ยอมให้ศัตรูได้พาตัวคนที่อยู่ในโลงเหล็กนั้นไป เธอยิงใส่หวังจะสกัดกั้นไม่ให้ศัตรูวิ่งเข้าไปถึงได้ แต่ก็ด้วยความที่โหลดกระสุนผงแก็สน้ำตาไว้ มันเลยไม่ได้สร้างความเสียหายมากไปกว่าการทำให้เป้าหมายแสบคันเป็นพิเศษ เช่นกัน ทั้งอคโตกับดีย์โอะก็พยายามจะเข้าไปสกัดกั้น แต่พวกเธอที่ยังบาดเจ็บอยู่ไม่อาจจะตามความเร็วของผู้หญิงคนนั้นได้
แกร็ก กึง
“ เอาล่ะ วันนี้ ชั้นหมดสนุกแล้ว! ไปก่อนนะ ยูโทเปีย!! ”
ฟุบ ฟู่มมมม
ซึ่งทัันทีที่มาถึง หญิงสาวก็ใช้มือจับโลงเหล็กนั้นก่อนจะยกขึ้นแล้วกระโดดแล้วพุ่งหายไปในอากาศไปพร้อมกับโลงเหล็ก ทิ้งให้ทั้งสามคนได้แต่ยืนมองอยู่ด้านล่างนั้น ซึ่งอคโตที่เห็นก็พยายามจะหยิบวิทยุติดตัวออกมาเพื่อใช้มันทว่ามาเร่ก็เดินเข้ามาห้ามเอาไว้ก่อน
“ น น นายท่าน?!? ”
“ ไม่ต้องหรอกดีย์โอะ ต่อให้เราเอาเครื่องเจ็ตบินตามก็คงไม่ทันความเร็วยัยนั้นหรอกนะ ”
กึก กึก
“ ดิชั้นขออภัยเป็นอย่างยิ่งจริงๆค่ะนายท่านที่ไม่มีพลังพอจะกำจัดศัตรูของพวกเราลงได้แบบนี้… ”
“ น น นายท่านคะ ดิชั้นเองก็ต้องขออภัยเช่นกันค่ะ ที่แม้จะใช้โหมดเบอร์เซิร์กแล้วแต่ก็ยัง… ”
อย่างไรก็ตามอคโตกับดีย์โอะก็ได้คุกเข่าก้มหัวลงขอโทษ ที่ไม่สามารถกำจัดเป้าหมายได้ ทั้งคู่นั้นรู้สึกผิดเป็นอย่างมากและยิ่งมากขึ้นไปอีกเมื่อความผิดพลาดนั้นเกิดต่อหน้านายท่านผู้เป็นที่รักของพวกเธอ แต่มาเร่ก็ส่ายหน้าก่อนจะถอดหน้ากากแล้วก็ยิ้มให้กับทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน
“ ไม่เป็นไรหรอก อีกฝั่งต่อให้เป็นเราตอนนี้ก็ยังหาทางกำจัดไม่ได้เลย ผู้หญิงที่ชื่อฟิเรนนั้น ทั้งลึกลับและอันตรายขนาดที่เราซึ่งได้เจอถึง 2 ครั้งก็ได้แต่เพียงหาทางก่อกวน ไม่ถึงขั้นทำร้ายได้แบบนี้ เพราะฉะนั้นดีย์โอะ อคโตทั้งสองคนทำได้ดีแล้วล่ะที่ยืนหยัดสู้ได้แบบนั้น ”
“ แต่ว่านายท่านคะ ผู้หญิงนั้นเอาแหล่งข้อมูลสำคัญที่นายท่านต้องการไปยังไงดิชั้นก็… ”
“ จุจุ ”
มาเร่แม้ว่าจะให้อภัยกับทั้งสองแล้ว แต่เหมือนอคโตนั้นจะยังไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอมองว่าภารกิจไม่ได้มีเพียงกำจัดแต่รวมถึงปกป้องแหล่งข้อมูลที่เธอจับมาได้ แหล่งข้อมูลระดับสูงอย่าง คนที่ชื่อรินรินเท ทว่าก่อนที่จะได้พูดจนจบ มาเร่ก็ได้ใช้นิ้วชึ้เข้ามาแตะที่ริมฝีปากของเธอก่อนจะพูดออกมาช้าๆแล้วชี้ไปยังใต้ซากรถนั้น
“ เรื่องนั้นน่ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ตอนที่ทั้งสองสู้แล้วดึงความสนใจน่ะนะ เราเอาอันที่ใช่ไปซ่อนไว้แล้วล่ะ ดังนั้นไอที่ยัยนั้นเอาไป ไม่ใช่ตัวสำคัญซะหน่อย ปะ ปะ รีบกลับไปให้เอเนอารักษาแล้วก็ลงมือสอบปากคำได้เลย ”
………
MANGA DISCUSSION