ฟู่… ฟุบ
“ จดหมายด่วนสีดำ…ริน สินะ ”
ภายในห้องนอนโทนสีน้ำตาลที่ด้านในนั้นแสนจะเป็นระเบียบ หญิงสาวผมสีขาวหน้าตายและเบื่อโลกผู้สวมชุดเดรสสีดำ หรือก็คือ ฟารูน พี่สาวของจอมมารผู้เอาเข้าจริงแล้วก็น่าจะเป็นคนที่อยู่สูงสุดในโลกของกองทัพจอมมาร เธอนั้นกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีดำที่ขัดเงาเป็นอย่างดี โดยในมือข้างซ้ายนั้นถือแก้วชา และข้างขวาถือซองจดหมายเอาไว้
ฉับ
“ อืม…ยูโทเปีย เห็นชื่อนี้ทีไรก็อดนึกถึงโลกเก่าไม่ได้เลยเนอะฟิเรน ”
ฟารูนนั้นวางแก้วชาของตนเองลงบนโต๊ะเล็กๆข้างเธอ ก่อนจะใช้ปลายเล็บจากนิ้วชี้ของตน ตวัดตัดขาดซองจดหมายเพื่อเปิดผนึกมันออก แล้วนำกระดาษข้อความนั้นมานั่งอ่านอย่างเงียบๆ โดยที่ยิ่งอ่านก็ยิ่งเห็นได้ว่าสายตาของเธอนั้นจ้องมาแล้วเพ่งดูขึ้นเรื่อยๆ
“ ถ้าเป็นอย่างที่รินว่า นี้ก็คงเป็นเหตุว่าทำไมทำไมยูโทเปียถึงมีปืนกับของแปลกๆ แสดงว่าทวีปนั้นต้องมีอดีตกับผู้มาจากต่างโลกแน่ๆ ไม่ได้การละ… ”
เธอพูดออกเช่นนั้นด้วยเสียงที่ไร้ความรู้สึกใดๆ ทว่ากริยาที่ทำนั้นตรงกันข้าม เธอลุกขึ้นแล้วเดินตรงออกจากห้องของตนไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ตอนนี้นั้นกำลังรวบรวมเหล่านายพลของกองทัพจอมมารเอาไว้ มันคือห้องโถงของปราสาทหลังนี้และก่อนจะมาถึงยังที่นี้ได้ก็ต้องผ่านเหล่าทหารระดับสูงที่คอยเฝ้าระวังเอาไว้
“ !! เชิญเลยครับท่านฟารูน !! ”
“ ท่านฟารูนเสด็จ!! ”
“ หลีกทาง หลีกทางเร็วเข้า!! ”
ซึ่งสมมุติว่าเป็นคนทั่วไปก็คงผ่านไปไม่ได้แน่ๆ แต่ฟารูนน่ะไม่ใช่ เธอเดินผ่านไปโดยไม่แม้แต่จะต้องรับการตรวจสอบ เพราะทุกคนรู้ดีว่าใครที่กล้าขวางฟารูนผู้นี้ก็มักจะเจอจุดจบที่ไม่สวยสักเท่าไหร่ ดังนั้นถ้าเธอจะทำอะไรก็อย่าคิดไปขวางเด็ดขาด
“ ประตูยังไม่เปิดอีก ชักช้า… ”
กึง ฟู่…..
และเมื่อฟารูนที่มาถึงยังประตูทางเข้าที่เป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ เธอก็ไม่รอที่จะให้กลไกของมันได้ทำงานแล้วเปิดออกตามปกติ เพราะถ้าจะรอให้มันเปิดได้ก็ต้องใช้เวลาอีกเป็นสิบนาที ฟารูนจึงใช้ฝ่ามือของเธอประทับลงไปบนประตูนั้นแล้วทันใดนั้นเองมันก็หลอมละลายเป็นช่องว่างขนาดพอดีกับตัวของเธอให้สามารถเดินผ่านเข้าไปได้
“ อะไรกันวะ?!? ”
“ ศัตรูบุกงั้นเหรอ!! ”
“ เห้ย!! ประตูศิลาเหล็กทำไมจู่ๆถึงละลาย ด ด เดี๋ยวนะ!! ”
โดยทันทีที่ประตูกำลังละลายนั้น เหล่านายพลของกองทัพจอมมารก็หันมาดูกันด้วยท่าทีตื่นตระหนก บางคนก็ถึงกับเตรียมตัวจะปะทะกับสิ่งที่กำลังจะเข้ามาในห้อง เว้นเสียแต่คนคนหนึ่ง พ่อบ้านผู้มีทุกอย่างตรงข้ามกัน เซบาตุน เขาเดินมาที่ประตูแล้วก็คุกเข่าลงอย่างช้าๆ
“ ท่านหญิงฟารูน เดอรัน ออฟลิ่งวิ่งเดท อินเดอะเอ็าส์ โฮลล์จูเนียเอ็ตต้ามาถึงแล้ว!! ”
“ อะไรนะท่านฟารูน?!? ”
“ ท ท ทำไมท่านฟารูนถึงมาร่วมประชุมล่ะ?! ”
“ อึก… แบบนี้คงมีเรื่องอะไรแล้วล่ะสิ?!? ชิบหาย!! ”
เซบาตุนกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สุภาพ คำพูดนั้นทำให้เหล่านายพลถึงกับหน้าซีด อย่างไรก็ตามบางคนที่ยังมีสติอยู่ก็พยายามหาสาเหตุว่าทำไมนายหญิงผู้นี้ถึงได้มาประชุมทั้งๆที่ปกติเธอแทบจะไม่ปรากฎตัวเลยด้วยซ้ำ ทว่าก็ไม่นานนักที่ฟารูนจะเดินทะลุประตูเหล็กออกมาพร้อมกับมองไปบนบัลลังจอมมารนั้นเพื่อดูน้องชายของเธอเอง
“ ZzzZzzZZ zzz คร่อกก…งืมๆ ”
“ โฮ่… เวลาประชุมแล้วยังจะกล้างีบอีกนะ ทั้งๆที่แกเป็นถึงคนนัดประชุมแท้ๆ เซบาตุน ช่วยไปตบหัวให้ไอน้องชายไร้สาระของชั้นตื่นหน่อยสิ ”
“ รับทราบขอรับท่านหญิงฟารูน เดอรัน ออฟลิ่งวิ่งเดท อินเดอะเอ็าส์ โฮลล์จูเนียเอ็ตต้า ”
ฟารูนที่ได้เห็นว่าน้องชายของเธอกำลังหลับอยู่บนบัลลัง น้องชายที่เป็นถึงจอมมารก็อดไม่ได้ที่จะมีโมโห ทว่าเธอไม่ลงมือเองแต่ใช้ให้เซบาตุนแทน โดยระหว่างที่เซบาตุนกำลังเดินไปอย่างช้าๆนั้น ฟารูนก็ได้เดินมายืนอยู่ที่ปลายโต๊ะประชุมแล้วหันไปมองรอบๆก่อนที่จะถามด้วยเสียงที่เย็นชา
“ ตอนนี้ประชุมถึงแผนการบุกที่ไหนกันแล้ว? ”
“ ขอรับนายหญิง ตอนนี้พึ่งถึงส่วนของแผนการบุกเข้าตีทวีปตะวันออกอยู่ครับ ”
“ ดี…ที่ยังไม่ถึงส่วนของยูโทเปีย ”
เพียะ ผัวะ
“ เห้ย!! ทำเชี้ยไรวะไอเซบา…ตุน อ อ อ้าว ไหงมาอยู่นี้ได้?? ”
นายพลคนหนึ่งลุกขึ้นตอบคำถามของฟารูนอย่างแข็งขัน ส่วนฟารูนพอรู้ว่าสิ่งที่ประชุมอยู่ไม่ใช่เรื่องของยูโทเปีย เธอก็พยักหน้าเบาๆ ทว่าในเวลาเดียวกันนั้นเซบาตุนที่ไปถึงยังบัลลังก็ได้ลงมืดตบหัวจอมมารจนเสียงดังลั่นไปทั่วห้องโถง ก่อนจะหยิบเอาท่อนไม้ออกมาฝาดซ้ำไปอีกที ทำให้จอมมารตื่นขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่เดือดในตอนแรกแล้วกลายมาเป็นหมาหงอยเมื่อเห็นพี่สาวของเขายืนอยู่ปลายสุดของโต๊ะ
“ ตื่นแล้วก็ดี เอาล่ะ พวกแกทุกคนจงฟัง… ชั้นจะรีบๆพูดแล้วรีบกลับไปพัก เรื่องประชุมเกี่ยวกับยูโทเปีย ให้ปัดตกไปเพราะชั้นจะเป็นคนคุมเอง ขืนให้พวกแกคุมมีหวังได้ไปตายกันหมดแน่ ดังนั้นถ้าไม่อยากมีปัญหาก็ส่งพวกนักเวทย์สายควบคุมมอนสเตอร์มาให้ชั้นภายในวันพรุ่งนี้ เข้าใจหรือเปล่า? ”
“ … … ”
“ ดี… หวังว่าวันพรุ่งนี้ชั้นจะได้ทรัพยากรนักเวทย์ล่ะ ”
คำพูดของฟารูนนั้นเย็นชาและเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล จนขนาดที่เหล่านายพลไม่อาจจะตอบกลับหรือโต้แย้งใดๆได้ พวกเขาได้แต่นั่งฟังอยู่อย่างนั้นด้วยสีหน้าที่ดูหวาดกลัว ซึ่งพอฟารูนพูดจบเธอก็หันหลังกลับแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับบ่นพึมพำอีกด้วยว่า
“ ถ้าปล่อยให้ใช้วิธีแบบที่พวกมันทำมาตลอด ก็ไม่ต่างกับไปตายนั้นแหล่ะ ทั้งปืน ทั้งรถถัง ทั้งทรัพยากรสำหรับผลิตที่ไม่จำกัด ศัตรูแบบนี้สู้ซึ่งหน้ายังไงก็แพ้ ”
…….
….
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
“ เสียงอะไรน่ะ!! ”
เวลาล่วงเลยไปได้ราวๆ 5 วันนับจากการประชุมของกองทัพจอมมาร ตอนนี้ในสถานที่ที่เรียกว่าหอคอยหรือดันเจี้ยนนั้น มาเร่ หญิงสาวกำลังเดินร่วมอยู่กับกลุ่มผู้สำรวจอันประกอบไปด้วยนักพจญภัยระดับสูงและผู้ว่าจ้างของพวกเขา ทว่าในระหว่างที่กำลังเดินอยู่ในชั้นที่ 16 นั้น ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นทำให้ฟารูนรีบหันมามองแล้วก็พบว่าเสียงดังกล่าวมาจากตัวของมาเร่เอง
“ ขอโทษค่าาา!! เสียงโทรศัพท์ของหนูเอง!! ”
“ โทรศัพท์??? ”
กริ๊ก ติ๊ด
มาเร่นั้นรีบขอโทษกับทุกคนรอบๆ ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์แบบพับขึ้นมา ทว่าสำหรับคนนอกยูโทเปียแล้วสิ่งนี้มันเป็นสิ่งใหม่ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ทุกคนดูสนอกสนใจแล้วมองดูเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมขนาดเหล็กสีชมพูที่มีเครื่องประดับมากมายและพวงกุญแจเป็นตุ๊กตาห้อยเอาไว้ มาเร่เมื่อหยิบมันขึ้นมาได้แล้วก็กางมันออกก่อนจะรับสายแล้วยกมันขึ้นแนบหู
“ ฮาโหลลลล!! มาเร่เองค๊าา!! ”
“ นายท่านเจ้าคะ ทิเรียเองเจ้าค่ะ ”
“ เอ? มีอะไรงั้นเหรออ? ”
“ เจ้าค่ะ ตอนนี้มีเรื่องจะเรียนให้ทราบว่ากลุ่มสายข่าวของน้องเพนเทและน้องเอปต้าได้ระบุตำแหน่งสปายที่แฝงตัวได้ครบทุกคนแล้วเจ้าค่ะ จะให้ดำเนินการอย่างไรดีเจ้าคะ? นายท่าน ”
การรับสายของมาเร่นั้นยังคงพูดด้วยท่าทีและน้ำเสียงร่าเริง ผิดกับปลายสายที่เสียงไร้อารมณ์สุดๆ เสียงของทิเรียเมดลำดับที่ 3 ของเขา เธอพูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันเช่นกันมาเร่ก็ตอบกลับด้วยวิธีการที่เป็นเธอ(เขา?) ที่ข้อความที่พูดนั้นดูเหมือนจะไม่ตรงกับเนื้อหา แต่ก็พอให้ทิเรียเข้าใจได้ว่านายท่านของเธอต้องการจะสื่ออะไร
“ อืม อื้ม? งานกลุ่มสินะ ก็ถ้าอะไรที่เก็บมาได้ง่ายๆก็เก็บมาเนอะ ส่วนอันไหนไม่ไหวหรือยุ่งยากก็กำจัดๆไปเลยแล้วกัน อ๊ะ?? แต่ว่าครบแน่นะ?? ”
“ ครบเจ้าค่ะนายท่าน อย่างตอนนี้ตัวรินรินเทที่นายท่านไปตามตรวจดูอยู่ก็ตรงตามที่นายท่านบอกไว้เลยเจ้าค่ะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพจอมมารเจ้าค่ะ ส่วนการลงมือกับสปาย เพื่อการยืนยันดิชั้นขอทวนคำสั่งดังนี้นะเจ้าคะว่า นายท่านต้องการให้พวกเรา จัดการจับเป็นคนที่มอบตัว แล้วเก็บกวาดทุกคนที่ขัดขืนสินะเจ้าคะ ”
“ ใช่แล้วล่ะ ใช่แล้วล่ะ เอาตามนั้นเลย ”
คำพูดของมาเร่ในตอนนี้ สำหรับสมาชิกกลุ่มที่เดินอยู่ก็คงไม่รู้สึกว่าเธอกำลังพูดเรื่องเลวร้ายอะไร เพราะเธอก็บอกเองว่านี้เป็นการคุยงานกลุ่ม ทำให้ไม่มีใครระวังตัวเลยโดยเฉพาะรินรินเทที่แม้จะปรากฎอยู่ในบทสนทนาอยู่ก็ตาม ส่วนทิเรียที่คุยกับมาเร่ตรงๆ เพื่อให้การสั่งเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเธอจึงทวนคำสั่ง แน่นอนว่าการตีความของเธอไม่ผิดแต่อย่างใด
ปิ๊บ ปิ๊บๆ
“ อ๊ะ!! เดี๋ยวนะ!! สายซ้อน!! ติ๊ด…”
โดยระหว่างที่พูดคุยเองนั้น มาเร่ก็ได้แอบมองดูรินรินเทอย่างระมัดระวัง ดูทุกท่าทางและการกระทำของเธอว่าจะทำยังไงต่อดี แต่แล้วในตอนที่กำลังมองดูอยู่นั้น ก็มีสัญญาเตือนดังเข้ามาอีก มาเร่จึงต้องเปิดสายรวบเป็นห้องสนทนาแทน และคนที่เข้ามาใหม่ก็คือ…
“ นายท่านคะ!! ทำไมจู่ทะเลของพวกเราถึงมีมอนสเตอร์เยอะขึ้นแบบนี้ล่ะคะ!! แถมบางตัวก็มุ่งจะขึ้นฝั่งที่บ้านให้ได้ซะอย่างงั้นน่ะค่ะ!! ดีนะที่กองเรือที่ 1 ของผู้การปิป้องกันเอาไว้ได้ เพราะถ้าไม่ได้มีหวังชุดโปรดของดิชั้นได้เลอะก่อนถึงบ้านแน่ๆเลยค่ะ!! ”
“ ท่านพี่ดีย์โอะอย่างงั้นเหรอเจ้าคะ? ”
“ อ้าว น้องทิเรีย! อยู่ในสายด้วยอย่างงั้นเหรอ??? ”
เสียงของคนที่พูดนั้น ก็คือดีย์โอะที่โทรเข้ามารายงานเรื่องด่วนให้นายท่านของเธอได้ทราบ ทว่าทิเรียที่ฟังอยู่ด้วยเพื่อยืนยันจึงได้ถามออกไป และฝ่ายของดีย์โอะเองก็เช่นกัน อย่างไรก็ตามไม่ได้มีฝ่ายใดตอบว่าตนเองเป็นใครเพราะเพียงน้ำเสียงก็พอจะรู้ได้แล้วว่าคนที่คุยนั้นคือใคร
“ พอดีเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพี่ดีย์โอะ ถึงฝั่งหรือยังเจ้าคะ? ”
“ อื้ม! ถึงฝั่งแล้วล่ะ นี้กำลังจะเก็บอาวุธน่ะ ”
“ ท่านพี่ดีย์โอะเจ้าคะ ตอนนี้อย่าพึ่งเก็บอาวุธนะเจ้าคะ เพราะว่านายท่านพึ่งออกคำสั่งให้ล่าพวกสปายที่ซ่อนตัวอยู่ในดินแดนของเราเจ้าค่ะ ดังนั้น… ”
“ พี่ขอปฏิเสธงานนี้นะน้องทิเรีย ”
“ เจ้าคะ? ”
ทิเรียถามถึงสถานะของดีย์โอะในปัจจุบันด้วยเสียงเรียบๆ ก่อนจะพูดเกริ่นงานที่เธอกำลังจะมอบหมายให้ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดจบ ดีย์โอะก็ปฏิเสธในทันที ทำเอาทิเรียถึงกับสับสนไปชั่วครู่ก่อนที่เธอจะถามต่อด้วยความสงสัยว่า
“ มีธุระอะไรหรือเปล่าเจ้าคะท่านพี่ดีย์โอะ หรือว่าเหนื่อยจากการเดินทางอย่างงั้นเหรอเจ้าคะ? ”
“ ไม่ใช่ ไม่ใช่ คือพี่น่ะ กะจะไปหานายท่านแล้วรับภารกิจใหม่ที่นายท่านได้สัญญาไว้น่ะนะ ”
“ เห…เช่นนั้นเองสินะเจ้าคะ แบบนี้ดิชั้นพอจะเข้าใจได้แล้วเจ้าค่ะ ”
เธอถามไปด้วยความเป็นห่วงมากกว่าความสงสัย แน่นอนว่าดีย์โอะก็ตอบกลับตามปกติโดยไม่ได้โกรธอะไร และคำตอบนั้นก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะฝ่ายทิเรีย เธอพอรู้ว่านายท่านได้สัญญาจะมอบภารกิจใหม่ให้เป็นการพิเศษ เธอก็ตัดเรื่องการให้พี่สาวคนนี้ของเธอเข้าร่วมปฏิบัติการณ์ล่าสปายทันที เพราะคำพูด คำสัญญาของนายท่าน มีค่าและไม่ควรเข้าไปแทรกแซง อย่างไรก็ตามมาเร่ที่เงียบฟังอยู่ก็ถือโอกาสพูดขึ้นมาในทันที
“ ไหนๆก็ไหน ไว้แวะมาเอาของจากมาเร่หน่อยได้ไหมอ่ะ แต่ตอนนี้เค้าอยู่ที่ชั้นที่ 16 อ่า ของหอคอยที่ 1 ถ้าจะรีบมาหน่อยก็ดีน้าา ฮะๆๆ เป็นไปไม่ได้หรอกเนอะ ”
“ เดี๋ยวนะ…เสียงผู้หญิงนี้ใครกัน? นายท่าน อย่าบอกนะว่านายท่านมี… ”
ดีย์โอะพอได้ยินก็ถามอย่างเร่งรีบว่าเสียงปลายสายจากเบอร์ของนายท่านนั้นเป็นใคร เธอไม่คุ้นเสียงนี้เลยแม้แต่น้อย นั้นทำให้เธอเริ่มจินตนาการไปไกลว่านายท่านของเธอมีอะไรหรือเปล่า ทว่ามาเร่ที่รู้ตัวว่าถูกเข้าใจผิดจึงได้ตอบกลับเป็นการพิสูจน์ด้วยการพูดอย่างช้าๆว่า
“ เอ๋!!!? จำเค้าไม่ได้แบบนี้ สงสัยตอนกลับไปคงต้องยึดชุดว่ายน้ำที่สั่งตัดทั้งหมดแล้วล่ะมั้ง อ๋อ?? ไม่ต้องกลัวน้า มาเร่ไม่ใจร้ายพอจะเอาชุดทั้งหมดไปหรอก เดี๋ยวเหลือชุดฤดูหนาวหนาๆไว้ให้ใส่ตอนร้อนๆแหล่ะ ”
“ อ อ อึก!! ขออภัยเจ้าค่ะนายท่าน!! ”
พอได้ยินแบบนั้นดีย์โอะก็รีบขอโทษทันที คนที่จะรู้เรื่องที่ว่าในตู้เสื้อผ้าของเธอนั้นมีแต่ชุดว่ายน้ำสั่งตัดมีไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือนายท่านของเธอ ทำให้เธอรีบพูดขอโทษไปแบบนั้น แถมตอนนี้ที่ฝั่งของเธอเองดีย์โอะก็กำลังคุกเข่าก้มหัวขอโทษให้กับอะไรอยู่ก็ไม่รู้
“ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น ใครจะไปทำกันล่ะ อ๋อ แต่ยังไงก็รบกวนด้วยนะ เค้าไปละ บับบัย ”
ติ๊ด
มาเร่พอได้ยินแบบนั้น ก็ยิ้มก่อนจะหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตัดสายไป ทิ้งให้ทิเรียกับดีย์โอะคุยกันต่อสองคน แน่นอนว่าทิเรียน่ะไม่ได้จะคุยเล่นหรอก เธอที่ฟังนายท่านของเธอพูดมาตั้งแต่แรกก็รู้ว่าเขาได้มอบคำสั่งใหม่ให้ดีย์โอะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ ท่านพี่ดีย์โอะเจ้าคะ นายท่านได้มอบคำสั่งให้แล้ว ดิชั้นจะแจกแจงให้ฟังเองนะเจ้าคะ ”
“ เอ๋?? ตอนที่บอกให้มาหานั้นน่ะนะ?? ”
“ เจ้าค่ะ ยังไงตั้งใจฟังแล้วเตรียมของให้พร้อมนะเจ้าคะ ”
“ อื้ม!! ”
…….
….
“ เซ็งง่าาา ”
“ สภาพเงียบๆแบบนี้ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับคุณมาเร่? ”
“ แต่มันเงียบเกินไปนะคะ!! ดูสิไม่มีมอนสเตอร์เลย ทั้งๆที่ลงมาลึกขนาดนี้แล้วแท้ๆ ”
“ เอ่อ… จะว่าไปก็จริงแหะ อย่างที่มาเร่ว่าเลย พวกเดินมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว ยังไม่เห็นจะมีมอนสเตอร์หรืออะไรเลย ”
และหลังจากการติดต่อนั้นเวลาก็ผ่านไปได้ราวๆ 5 ชั่วโมงหลังจากการติดต่อ มาเร่ก็ยังคงเดินตามกลุ่มของเธอไปอยู่เรื่อยๆ ทว่ามันก็น่าแปลก เพราะเดินกันมานานจะได้ครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เจอมอนสเตอร์เลยสักตัวทั้งๆที่ปกติจะต้องมีออกมาโจมตีพวกเขาบ้างแล้วแท้ๆ มันช่างน่าแปลก…
“ ทุกคนอันตราย!! ”
“ จู่ๆเป็นอะไรน่ะครับคุณฟิโอเน่?? ”
“ ร ร หรือว่า!! ทุกคนแย่แล้วฮะ รีบหาที่หลบเร็วเข้า!! ”
กึก กึก กึก กึก
แต่แล้วจู่ๆ ฟิโอเน่ก็ตะโกนออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ซีดเซียวลงอย่างรวดเร็ว การตะโกนนั้นทำให้เคนโตสับสนว่าเธอจะตะโกนทำไม ทว่าลังก้าที่อยู่กับเธอมาตลอดก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง และเขาก็รีบบอกกับทุกคนแบบนั้น แต่…มันก็สายเกินไปแล้ว แผ่นดินเริ่มสั่นสะเทือนและยิ่งแรงขึ้นในทุกวินาทีที่ผ่านไป
กึง กึง กึง แบ~~~~
“ ตัวอะไรวะนั้น!! ”
“ หลบเร็วเข้า ไอบ้าเคนโต นั้นมันผู้พิทักษ์ชั้น!! ”
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ได้พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ มันมีสี่ขา ดวงตาสีเหลืองที่มีนัยตาขีดเป็นเหมือนกับกบ ทว่าร่างกายของมันนั้นถูกห่อหุ้มไปด้วยขนหนาสีขาวและกีบเท้าของมันก็เป็นเหล็กหนาขนาดใหญ่ แม้ร่างกายจะดูไม่เป็นพิษภัย ทว่ารอยเท้าด้านหลังของมันก็ทำให้รับรู้ได้เลยว่าตัวของมันนั้นหนักขนาดไหน
แบ~~~
“ ระวัง!! ”
กึ้ง!!
“ อัค!! ”
“ ฟูฟุน!! ”
มันส่งเสียงอีกครั้งก่อนจะพุ่งเข้าใส่ นักเวทย์สาวในทันที มันพุ่งมาอย่างรวดเร็วผิดกับขนาดตัวของมันสุดๆ ดีที่ว่าฟูฟุนที่ยังมีสติอยู่ก็ได้เข้าไปใช้ดาบของเขาขวางระหว่างมันกับฟิโอเน่ ทำให้เธอมีโอกาสที่จะหนีห่างออกมาได้ แต่ด้วยแรงกระแทกนั้นมันก็ทำให้ตัวของฟูฟุนกระเด็นไปชนกับต้นไม้ที่ห่างไปเกือบ 10 เมตร
“ หึ! แค่นี้น่ะไม่เท่าไหร่หรอกเว้ย!! ”
“ อย่าพึ่งนะฟูฟุน!! แผลนายยังฟื้นตัวอยู่นะ!! ”
“ ไม่เอาน่าฟิโอเน่ ตอนนี้ขืนรอแผลแห้งได้ตายกันพอดี!! ยังไงตอนผมสู้ก็ช่วยบัฟให้ผมหน่อยล่ะ! ”
“ เดี๋ยว! ”
ฟูฟุนแม้ว่าจะโดนหนักแบบนั้น แต่ก็ได้ได้ฟิโอเน่คอยซัพพอร์ตไว้ให้ทว่าการรักษาของเธอก็ไม่ได้จะออกผลทีเดียว มันต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตามฟูฟุนนั้นไม่ได้สนใจเลยเพราะเขารู้ตัวดีว่าตอนนี้ถ้าไม่ทุ่มสุดตัวก็คงไม่รอด เช่นกันฝั่งของเคนโตเขาถอยออกมาพร้อมกับพยายามจะหาสถานที่สำหรับยิงสู้จากระยะไกลด้วยธนูขนาดใหญ่ของเขา โดยได้เงาของลังก้ามาบังตนเองไว้
“ คุณรินรินเท!! ทางนี้ค่ะ!! ”
“ ครับ!!? ”
ทว่าฝั่งของรินรินเทนั้นมีมาเร่คอยดูแล ทำให้ทั้งสองรีบพากันไปหลบอยู่ห่างจากจุดปะทะไปไกลพอตัว ทว่าก็ใช่จะหนีหายไปเลย ทำให้ตอนนี้รินรินเทหลบอยู่หลังพุ่มไม้ส่วนมาเร่ก็อยู่ข้างๆเขา ในระหว่างที่ทั้ง 4 คนนั้นกำลังต่อสู้กับผู้พิทักษ์ชั้น
ฟุ่ม เปรี้ยง สุบ สุบ
“ อึก!! อยู่เฉยๆสิวะ!! ”
“ ทำไมมันถึงเล็งแค่ชั้นล่ะ!! ทำไม?!? ”
“ ฟิโอเน่!! หยุดใช้เวทย์แล้วซ่อนตัวเร็วเข้า มันอาจจะเล็งคนที่ใช้เวทย์เป็นหลักก็ได้!! ”
“ ขนมันหนาเกินไป…ธนูผมยิงไปไม่มีผลเลย!! ”
แบ~~~
อย่างไรเสียทั้ง 4 สู้กับมันได้แต่ยากลำบากมาก เพราะมอนสเตอร์นี้จ้องแต่จะพุ่งเข้าใส่ฟิโอเน่เป็นหลัก ทำให้ภาระการปะทะอยู่กับฟูฟุนที่ต่อยคอยวิ่งไล่แล้วดึงความสนใจจากมัน ส่วนลังก้าก็พยายามจะหาจุดอ่อนแล้ววิเคราะห์แต่ด้วยความที่มันโจมตีแต่ฟิโอเน่ก็ทำให้เขาไม่สามารถคาดเดาเป็นอย่างอื่นได้นอกจากมันโจมตีคนใช้เวทย์ และทางด้านเคนโตเขาต้องเจอกับปัญหาใหญ่ ศัตรูนั้นมีขนที่หนาจนลูกธนูของเขาไม่สามารถฝังทะลุไปโดนร่างกายใต้ขนนั้นได้
“ รินรินเท!! ดูแลตัวเองดีๆนะคะ!! ”
“ เดี๋ยว! คุณมาเร่!! จะเข้าไปไม่ได้นะครับ!! ”
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง
แบ!!~~~
ทว่าในสถานการณ์นี้มาเร่ก็ตัดสินใจ แสดงบทบาทให้ตนมีประโยชน์ ด้วยการพยายามยื่นมือเข้ามาช่วยผ่านการยิงล่อแล้ววิ่งหลบ ไปตามจุดต่างๆเพื่อให้ผู้พิทักษ์ชั้นนั้นหันมาสนใจเธอ ซึ่งมันก็ได้ผล ปืนกลมือที่เธอใช้ยิงอยู่ดึงความสนใจมันไว้ได้ จนมันเริ่มจะเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นมาเร่แทน
“ ชิ!! รู้งี้ไม่งกแล้วขอเบิกกระสุนตัวท็อปๆมาดีกว่า!! ยิงไม่เข้าเลยเนี่ย!! ”
ในระหว่างที่มาเร่กำลังยิงล่อมันอยู่นั้น เธอก็บ่นออกมา เพราะกระสุนจากปืนกลที่เธอใช้มันไม่ได้สร้างความเสียหายมากนักจากการที่มันเป็นกระสุนปืนราคาสำหรับนักศึกษา กระสุนที่ใช้เลยไม่ได้ออกแบบมาให้เจาะเท่ากับของที่พนักงานหรือทหารใช้กัน
[ หึ!! ถ้าไม่ติดว่าเป็นมาเร่ละก็ จะซัดให้ยู่เลย!! ]
ซึ่งถ้าเอาเข้าจริง มาเร่ไม่จำเป็นต้องใช้ปืนเลยด้วยซ้ำ เธอแค่วิ่งเข้าไปต่อยมันซักหมัดก็ตายแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์กับสถานะของเธอ มาเร่ไม่อาจจะทำแบบนั้นได้แล้วต้องทำตัวอ่อนแอกว่าปกติเพื่อปกปิดพลังของตนไว้
“ กรี๊ดดด!! ฮ่าห์ ฮ่าห์ ฮ่าห์!! เกือบไปแล้ว!! ”
“ ข้ามาแล้วมาเร่!! ”
“ อ๊ะ! รบกวนด้วยนะคะฟูฟุน!! ”
ด้วยการทำตัวอ่อนแบบนั้น มาเร่เลยเกือบจะโดนมอนสเตอร์นี้กระทืบตายอยู่หลายหน แต่เธอก็สามารถหลบมันได้ ทั้งเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ฟูฟุนก็ได้วิ่งเข้ามาช่วยโดยตัวของเขาเองก็มีสภาพดีขึ้นมากแล้ว แถมการสนับสนุนจากเวทย์รอบนอกเองก็ต่อเนื่องขึ้นอีกต่างหาก ทว่าการมาช่วยของฟูฟุนก็มีปัญหาอยู่อย่าง
“ คุณฟูฟุน!! จะวิ่งเข้าจากข้างหลังของมันไม่ได้นะคะ!! ”
“ อะไรนะ?!? ”
แบ!!~~~ผัวะ!!
“ ฟูฟุน!! อย่าพึ่งเป็นอะไรนะ!! ”
“ มาเร่!! ฝากดึงความสนใจก่อนนะฮะ! เดี๋ยวผมจะคอยสนับสนุนให้!! ”
ผัวะ!!
“ อึก แรงของมันถึงกับ… ”
มาเร่นั้นเตือนไม่ทัน เธอรู้ว่าการเข้าจากข้างหลังของมันไม่ใช่เรื่องที่ดี แล้วฟูฟุนก็พลาด เขาโดนมันเตะข้างหลังใส่เข้าให้ทำให้ร่างกระเด็นปลิวไปชนกับต้นไม้ ก่อนจะลงไปนอนกอดร่างของตน ร่างที่เต็มไปด้วยรอยช้ำมากมายจนขยับไม่ได้ ฟิโอเน่ที่เห็นจึงวิ่งเข้าไปดูอาการแล้วลงมือรักษา ส่วนลังก้าก็พยายามจะเอาเงาเข้าไปช่วยแต่พวกมันก็โดนผู้พิทักษ์ชั้นตบสลายไปจนหมด
แบ!!!~~~
“ กรี๊ด!!! ”
“ มาเร่!!! ”
แล้วพอไม่มีคนมาช่วยดึงความสนใจ ผู้พิทักษ์ชั้นก็เล็งมาที่มาเร่ในทันที มันพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็วพร้อมจะขยี้ร่างเล็กๆของหญิงสาวให้หายไปในคราเดียว และรินรินเทที่เห็นก็คิดจะเข้าไปช่วย เธอวิ่งออกมาจากที่หลบพุ่งตรงไปหาหญิงสาวคนนั้นอย่างสุดกำลัง แต่นั้นก็คงไม่ทันแล้วแน่ๆ ใช่ แค่สำหรับรินรินเท
ฉัวะ
บ บ แบ~ ~
ร่างของผู้พิทักษ์ชั้นนั้นหยุดขยับก่อนจะค่อยๆล้มลงไปนอนกับพื้น แล้วทำให้ทุกคนที่ยังมีสติอยู่ได้เห็นสิ่งที่จัดการมัน หญิงสาวเผ่าคล้ายเงือกผิวสีฟ้าผมสีน้ำเงิน ผู้มีดวงตาสีเลือดดุร้ายราวกับนักล่า และรอยยิ้มที่เผยให้เห็นฟันที่จัดเรียงกันเหมือนกับใบมีดที่เห็นได้ผ่านหน้ากากใสครึ่งใบที่เธอสวมอยู่ นอกจากนี้เธอยังสวมชุดผ้ารัดรูปสีดำที่มีการลงลวดลายลูกไม้เอาไว้แถมบางจุดเองก็เป็นผ้าบางจนมองเห็นผิวหนังของเธอและเธอเองก็ยังสวมผ้าคลุมไหล่สีขาวประทับตาของสัตว์ร้ายแห่งท้องทะเลที่ถูกเรียกว่าฉลาม
“ หึ… ยังอยู่ชั้นแรกก็เป็นแบบนี้กันหมดสินะ แต่ช่างเถอะกลิ่นเลือดของเจ้านี้หอมกว่าพวกสี่ขาก่อนหน้าล่ะนะ ”
โดยอาวุธที่เธอใช้นั้นมันเป็นถุงมือกรงเล็บขนาดใหญ่ที่มือขวา กรงเล็บของมันนั้นชุ่มไปด้วยเลือดจนไหลเอ่อออกมา ถุงมือนั้นมีอุปกรณ์ประหลาดต่อสายจากตัวถุงมือมายังหน้ากากใสที่เธอใส่ โดยในท่อที่ใช้นั้นมันก็มีของเหลวสีแดงมากมายไหลอยู่ตลอดเวลา
“ ท ท ท่านดีย์โอะ!! ม ม เมดแห่งยูโทเปีย ท ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี้ได้ล่ะคะ!! ”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แม้แต่รินรินเทเองก็ตามเธอไม่มีข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ ทว่ามาเร่นั้นกลับพูดออกมาพร้อมกับยืนตรงทำความเคารพหญิงสาวผู้นี้ ดีย์โอะ 1 ใน เมดผู้รับใช้ บุคคลที่ถูกจัดว่าอยู่ในระดับสูงของยูโทเปีย สูงรองจากราชินีลงมาเพียงขั้นเดียว
“ เหะๆ โดนเรียกว่าท่านด้วยอ่า… ”
ดีย์โอะหันมามองยังมาเร่ตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ราวกับนักล่ากำลังจะเขมือบเหยื่อ แถมเธอยังจ้องมองดูเรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้าอีกครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า
“ หน้าตาแถมเสียงเองก็น่ารักดีนะคะ แบบนี้ก็ไม่เลวเลยล่ะ อื้มมม แต่แบบบอริสก็ อ๊าย… ค ค ค่ะ!! ไหนเอ่ย…ของที่ว่า เห ตรงนั้นสินะ! ”
“ อึก… ”
[ ทำไมจู่ๆถึงมองมาที่เราแบบนั้นล่ะ! ]
ทว่าคำพูดนั้นก็เบาจนมีเพียงแค่มาเร่เท่านั้นที่ได้ยิน อย่างไรเสีย มาเร่ที่ยืนอยู่ก็จ้องสวนการมองของดีย์โอะ ทำให้เธอได้สติกลับมาก่อนจะหันไปมองหาบางสิ่งรอบๆแล้วจบลงด้วยการมาหยุดที่รินรินเท ซึ่งรินรินเทเองพอโดนมองแบบนี้แล้วก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายบางอย่าง ความอันตรายที่ถึงกับทำให้เธอเดินถอยหลัง และความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้โกหกเธอ
“ เราในนามของผู้รับใช้ผู้อยู่บนจุดสูงสุดแห่งยูโทเปีย จะเข้าทำการจับกุมคุณ ในฐานสปาย และหัวหน้าองค์กรสปายของกองทัพจอมมารที่ปฏิบัติงานในดินแดนของพวกเรา อย่าขัดขืนแล้วมอบตัวแต่โดยดี มิเช่นนั้นทางเราจะเข้าใช้กำลังจับตาย… แบบนี้สินะ? เอาล่ะ ว่ายังไง จะยอมมอบตัวดีๆหรือเปล่า? ”
………..
MANGA DISCUSSION